บทที่ 463 ความคิดถึงเหมือนกระแสน้ำ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 463 ความคิดถึงเหมือนกระแสน้ำ

บทที่ 463 ความคิดถึงเหมือนกระแสน้ำ

“แล้วเธอชอบตัวนี้ไหม?”

ท่ามกลางสถานการณ์คิดไม่ตก อวี้ฮ่าวหรานดูเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหยิบตุ๊กตาจิ้งจอกตัวเล็กออกมาจากกระเป๋า

“สวยจังเลยค่ะ งานประณีตมาก!”

หลี่หรงรับมา เมื่อมองใกล้ ๆ ก็ชอบทันที

“ซื้อมาจากไหนคะ? น่าจะไม่มีของประณีตแบบนี้ขายนะคะ?”

“คือ…พี่ได้มาจากเพื่อนน่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานนึกขึ้นได้ว่าเขาเอามาจากพวงกุญแจของหลิวว่านฉิงและลืมบอกเธอไป

“ซื้อมาจากไหนคะ? น่ารักจัง ฉันอยากซื้อบ้างค่ะ!”

เมื่อเจ้าตัวน้อยเห็นว่าเธอชอบตุ๊กตามาก จึงละสายตาจากจอโทรทัศน์ หันมามองตุ๊กตาในมือตัวเอง

“แม่หรง ถวนถวนก็มีตั้งหลายตัวค่ะ!”

“นี่! จริง ๆ นะ ตัวนี้น่ารักแล้วก็ตัดเย็บดีจริง ๆ!”

หลี่หรงได้ยินจึงหันไปมองตุ๊กตาในมือถวนถวน

“ฮ่า ๆ เพื่อนพี่ทำเองน่ะ พี่เลยซื้อมาหลายตัว”

อวี้ฮ่าวหรานอธิบาย

ตุ๊กตาพวกนี้ทั้งน่ารักและประณีต ทุกรายละเอียดถูกตัดเย็บอย่างดี ตุ๊กตาจากโรงงานเทียบไม่ติด

หากแต่ประโยคนี้ทำให้หลี่หรงพลันสงสัยขึ้นมา

“ผู้หญิงเหรอพี่เขย?”

“อืม พี่รู้จักมาสักพักแล้วน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พี่เห็นเป็นน้องสาวคนหนึ่งน่ะ ไม่มีไรหรอก”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยชี้แจงอย่างไม่รู้ตัว

เขางุนงงเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ เหตุใดเขาต้องอธิบายเรื่องนี้ให้น้องภรรยาฟังด้วย?

“โอ้…พี่เขยไม่ต้องบอกฉันเรื่องนี้ก็ได้”

หลี่หรงบอก แม้ปากเธอจะปฏิเสธ หากแต่ใคร ๆ ก็เห็นความยินดีบนใบหน้าของเธอ

เวลาช่วงเย็นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เวลาสี่ทุ่ม อวี้ฮ่าวหรานจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องตนเอง

เขาเผลอมองรูปแต่งงานที่แขวนอยู่บนผนัง ในภาพ สาวสวยราวนางฟ้ายิ้มกว้างอย่างมีความสุข

“เม่ยเอ๋อร์ เธออยู่ที่ไหนกันนะ?”

อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจและพึมพำขึ้นขณะจ้องมองรูปภาพ ท้องฟ้าค่ำคืนด้านนอกมืดมิดตัดกับดวงจันทร์ส่องสว่าง

ในทางกลับกัน ห่างไปหลายพันไมล์ ท้องฟ้ากลับขุ่นมัวพร้อมสายฝนเทกระหน่ำ!

บนเขาสูงชันและป่าไม้น่าพิศวง หน้าปากถ้ำแห่งหนึ่ง

สาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก ปล่อยให้สายฝนร่วงหล่นกระทบร่างตนเอง

“สามปีแล้ว… ฮ่าวหราน คุณอยู่ที่ไหนกัน? ยังคิดถึงกันอยู่หรือเปล่า?”

หญิงสาวคนนี้คือหลี่เม่ย

“น้องสาว รีบเข้ามาเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะโกรธเอา”

หญิงสาวที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยปรากฏตัวบริเวณปากถ้ำ

“ไม่ ฉันไม่สบายใจ ได้ตากฝนบ้างคงดีขึ้น”

หลี่เม่ยซึ่งอยู่นอกถ้ำส่ายหน้าเบา ๆ

“นี่…ผู้ชายที่ชื่ออวี้ฮ่าวหรานมีดีตรงไหนกัน? เขาไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้ ทำไมเธอยังไม่เลิกคิดถึงเขาอีก?”

เธอไม่เข้าใจน้องสาวของตนเองแม้แต่น้อย

ตัวเธอเองความสามารถมีจำกัด ไม่อาจสืบทอดและการฝึกถือเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์

น้องสาวคนนี้เป็นคนดี มีความสามารถ แต่กลับเอาแต่คิดถึงผู้ชายใจดำคนนั้น

“ไม่ต้องคิดถึงเขาแล้ว เขาจากไปเมื่อสามปีก่อน เธอไม่ต้องคิดถึงเขาอีก ถ้ายังมีชีวิตอยู่ทำไมถึงไม่ออกตามหาเมียกับลูกสาวล่ะ? เธอบอกว่าตระกูลอู๋บังคับเธอ แล้วเขาก็มาช่วย…”

“ชิ้ง!”

คำพูดของเธอถูกแทรกขึ้น!

ดาบยาวฟ้าคะนองตัดผ่านม่านฝนมาประชิดลำคอเธอ!

รอบตัวดาบมีไอรังสีแผ่วนไปมา! เธอไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย

“น้องสาว… ฉัน…ฉันแค่พูดความจริง”

เจ้าของดาบยาวคือหลี่เม่ย!

เสื้อเชิ้ตขาวและผมดำขลับของเธอเปียกปอน ท่าทีเย็นชาของเธอไม่อาจปิดบังได้

“พี่สาว ฉันขอโทษ ฉันแค่ไม่อยากได้ยินเรื่องไม่ดีของฮ่าวหราน”

เธอได้สติ ก่อนเก็บดาบและหันหลังกลับเข้าถ้ำไป

“ยังลืมไม่ได้อีกเหรอ?”

ทันที่ที่ก้าวเข้ามาในถ้ำ คำพูดหนึ่งทักทายขึ้น

เมื่อเงยหน้ามองจึงเห็นนักบวชวัยกลางคนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของตนยืนมือไพล่หลังอยู่

“ฉันลืมไม่ได้ และไม่คิดจะลืมค่ะ”

หลี่เม่ยกัดปาก เธอไม่ได้ก้มหัวให้อีกฝ่าย

“ต่อให้เขากลับมาก็เป็นแค่คนธรรมดา เธอบรรลุขั้นก่อรากฐานมาได้สองปีแล้ว เป็นผู้เก่งกล้าในโลกนี้ ถูกกำหนดโชคชะตาให้เดินคนละเส้นทางกัน”

อาจารย์ว่าขึ้นเสียงเรียบ เธอคิดว่าตนเองผ่านโลกมามาก

“ไม่…คุณไม่เข้าใจ”

หลี่เม่ยไม่คิดหวั่นไหว อาจารย์ส่ายหน้า

“ถ้าเขารู้เรื่องพลังของเธอ เขาคงกลัวและเห็นว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาด แล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง?”

“อย่างนั้นฉันจะทำลายวิชาของตัวเองและกลายเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง!”

“แล้วถ้าตระกูลอู๋มันกลับมาล่ะ? ถ้าพวกเรากลายเป็นคนธรรมดาจะสู้ได้เหรอ?”

อาจารย์ท้วงขึ้น เธออยู่มานานหลายสิบปี เห็นโลกมามากกว่าหญิงสาวตรงหน้า

“ฉัน…”

หลี่เม่ยพูดไม่ออก

“ลืมซะ ในเมื่อเขาไปแล้วคงไม่กลับมาอีก ถึงจะแต่งงานกันแต่ก็เป็นแค่การแต่งงานของคนธรรมดา แค่ไม่กี่ปีจะผูกพันสักเท่าไรเชียว?”

อาจารย์ว่าโน้มน้าว

หลี่เม่ยเถียงไม่ออก หากแต่ยังรักษาท่าทีนิ่งสงบ

“ไม่…คุณไม่เข้าใจ”

“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ? ต่อให้เขากลับมา เขาก็เป็นแค่คนไร้ค่า เมื่อก่อนคนตระกูลหลี่เยาะเย้ยว่าเขาเป็นขยะ ตอนนี้ยิ่งมีคนว่าทับถมเขา!”

ประกายความโกรธส่งผ่านหว่างคิ้วของอาจารย์

“อย่างนั้นฉันจะปกป้องเขา แล้วทุกคนจะไม่กล้าต่อว่าเขาอีก”

“แล้วถ้าเขาจากไปอย่างน่าสมเพชล่ะ?”

“ฉันจะตามเขาไป ต่อให้สุดขอบโลก ฉันก็จะตามไป”

อาจารย์หลับตามลง ก่อนถอนหายใจ

“เฮ้อ…ยัยโง่…ยัยโง่!”

เธอไม่พูดอะไรต่ออีก หันหลังเดินกลับเข้าไปในส่วนลึกที่สุดในถ้ำ

เหลือเพียงหลี่เม่ยตามลำพังภายในโถง

“ฮ่าวหราน คุณไปอยู่ที่ไหน? ตอนนี้ฉันปกป้องคุณได้แล้วนะคะ”

เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมหยาดน้ำใสที่ร่วงหล่นบนพื้น ไม่อาจแยกออกระหว่างฝนและน้ำตา

หลายวันต่อมา อวี้ฮ่าวหรานมาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่

“ประธานอวี้ ช่วงนี้บริษัทของเราเติบโตขึ้นมากครับ ทำให้มีปัญหาภายในอยู่บ้าง”

หวังจุนยื่นเอกสารรายงาน

“ปัญหาภายในเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานนิ่วหน้า

“มีปัญหาอะไรก็ว่ามา”

เมื่อหวังจุนได้ยิน เขาหยิบข้อมูลขึ้นมารายงาน

“ตอนนี้เราตั้งบริษัทสาขาขึ้นแล้ว ขนาดกิจการจึงขยายขึ้นมาก แต่บริษัทสาขาอสังหาฯ แทบจะไม่ได้มีการดำเนินการ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำกำไรเลยครับ”

“มีปัญหาที่ตรงไหน?”

“ปัญหาคือขาดแคลนพนักงานครับ ถ้าจะดำเนินการให้ครอบคลุม เราต้องใช้พนักงานมากประสบการณ์มาเสริมครับ”

หวังจุนวางสรุปผลกำไรของบริษัทสาขาบนโต๊ะขณะกล่าวรายงาน

“อืม สถานการณ์น่าเป็นห่วงจริง ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานก้มอ่าน เห็นว่าผลประกอบการติดลบ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิ้วขมวด

“จะหาคนอย่างเร็วได้ยังไง?”

สายตาหวังจุนส่อความลำบากใจ

“ตอนนี้ยังไม่มีหนทางครับ ปกติพวกมือดีจะมีเส้นสายและอยู่ในการควบคุมของบริษัทอสังหาฯ เจ้าใหญ่น่ะครับ”

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”