บทที่ 464 ชื่อที่ตั้งมามั่ว ๆ
บทที่ 464 ชื่อที่ตั้งมามั่ว ๆ
เมื่อหวังจุนออกจากห้องทำงานไป อวี้ฮ่าวหรานเริ่มครุ่นคิดเพียงลำพัง
เรื่องของคนนับว่ายุ่งยากอยู่บ้าง…
ต่อให้ตัวเขาจะมีวิชาถึงระดับขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุด ก็ไม่มีทางเปลี่ยนคนได้ในทันที
“ยังไงก็ต้องไปบริษัทใหม่ก่อน”
ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานอวี้ฮ่าวหรานจึงไปตรวจสอบบริษัทซึ่งเพิ่งควบรวมพร้อมกับหวังจุน
“บริษัทใหม่ชื่อว่าอะไรนะ?”
อวี้ฮ่าวหรานนึกขึ้นได้จึงถามขึ้น
“ชื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังครับ”
“บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปัง? ดูเหมือนชื่อที่ตั้งมามั่ว ๆ เลยนะ เปลี่ยนชื่อดีกว่าไหม?”
“เอ่อ…เป็นชื่อที่ท่านประธานตั้งเองนะครับ”
หวังจุนท่าทางลำบากใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าท่านประธานของเขาคงลืมว่าเป็นคนตั้งชื่อด้วยตนเอง
“โอ้ จริง ๆ ก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอก”
อวี้ฮ่าวหรานชะงักเมื่อได้ยินคำตอบของเขา ก่อนนึกถึงคำพูดของตนเองขึ้นได้
“คราวหน้านายเตือนฉันให้เอาเข้าปรึกษาในที่ประชุมด้วยแล้วกัน”
บางอย่างตัวเขาไม่ได้ใส่ใจนัก เรื่องพวกนี้จึงดูไม่จริงจังไปบ้าง หากแต่บางครั้งก็ยังรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่จริงจังเกินไป
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปัง
เดิมทีตึกนี้เป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจิน ตอนนี้เปลี่ยนชื่อและเจ้าของใหม่ หลังจากการควบรวมกิจการ สินทรัพย์รวมทั้งหมดจึงมีมากกว่าเดิมมาก
ภายในที่ทำงานของเหล่าผู้อำนวยการ
ผู้บริหารระดับสูงหลายคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินต่างพูดคุยกันอย่างออกรส
“นี่ ดูสภาพอวี้ฮ่าวหรานสิ! เขาไล่คนออกเป็นว่าเล่น ตอนนี้คงจะเป็นกังวลแทบตายแล้ว!”
“ใช่ไหมล่ะ ไม่มีคนทำงาน คงจะให้ผีมาทำงานให้ซะล่ะมั้ง!”
“ฮ่า ๆ ได้ยินว่าอีกไม่นานเขาจะมาอีก คอยดูเรื่องตลกได้เลย”
“…”
ทุกคนต่างรับรู้สถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดแคลนพนักงาน
อวี้ฮ่าวหรานไล่ฝ่ายบริหารระดับสูงออกไปมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในคราวเดียว ซึ่งดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่า
ความจริงแล้วเขาไม่นึกเสียใจแต่อย่างใด…
บริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินเคยเป็นของศัตรูของเขาอย่างกัวหย่งซิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนมุ่งร้ายกับเขามากแค่ไหน
หากไม่กำจัดออกไปให้หมด เกรงว่าคนพวกนี้คงรวมหัวกันทำลายบริษัทใหม่ของเขาจากภายใน!
มันเป็นเพียงการป้องกันความเสียหาย
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานมาถึงชั้นล่าง เขาเงยหน้ามองคำว่าจื่อจินซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นชิงปัง “อืม ถึงชื่อจะไม่จริงจังไปบ้าง แต่ก็น่ามองกว่าชื่อจื่อจิน”
การประชุมผู้บริหารระดับสูงถูกจัดขึ้นหลังจากเขามาถึง
ห้องประชุมอยู่ชั้นบนสุด
“เหตุผลที่ผมมาในวันนี้เพราะต้องการพูดกับทุกคนให้ชัดเจน”
อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้ามองเหล่าผู้บริหารในห้องประชุม เข้าใจว่าตอนนี้หายไปมากแค่ไหน
ตั้งแต่การไล่ออกครั้งใหญ่คราวก่อน ฝ่ายบริหารของบริษัทก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ยกเว้นคนที่ถูกควบรวมกับบริษัทเล็ก ส่วนใหญ่ไม่มีคนหน้าใหม่
“ตอนนี้บริษัทของเราขาดคน ผมว่าบางทีการเลื่อนตำแหน่งและคัดสรรคนใหม่เข้ามาน่าจะเป็นการดี”
ทว่าเมื่อเขาว่าจบ ใครบางคนกลับว่าขึ้น
“ฮ่า ๆ ประธานอวี้ จ้างคนใหม่จะมีประโยชน์อะไร? ถ้าไม่มีเส้นสาย ไม่มีประสบการณ์ จะไปใช้การอะไรได้?”
อวี้ฮ่าวหรานนิ่วหน้ามองอีกฝ่าย เห็นว่าเป็นอดีตผู้บริหารของจื่อจิน อายุเข้าวัยสี่สิบแล้ว
“งั้นคุณมีความเห็นดี ๆ ไหมครับ”
“ประธานอวี้ คุณเล่นไล่คนออกรวดเดียว แต่ยังไม่สะทกสะท้านแบบนี้! ผมไม่กล้าแนะนำคุณหรอกครับ”
ชายวัยกลางคนว่าประชดประชันเขา
“ปัง!”
“เงียบไปเถอะครับ!”
หวังจุนทนไม่ไหว เขาตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน
“หึ! แล้วตอนแรกคุณคิดอะไรล่ะ คิดว่าเราไม่รู้เหรอ? ถ้าตอนนั้นไม่ไล่ออก เหอะ! ตอนนี้ก็คงจะร่วมหัวกันขายบริษัทไปแล้ว!”
เขารู้ทันเรื่องพวกนี้ดี
ดังนั้นแม้ตอนนี้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่กลับไม่นึกเสียใจแม้แต่น้อย
ตามสถานการณ์ในตอนนั้น การไล่คนเหล่านี้ออกเป็นสิ่งจำเป็น
อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้ามองผู้อำนวยการผู้เย่อหยิ่ง สายตาอดฉายแววเย็นชาไม่ได้
“ผมว่าคุณคงคิดถึงบ้านแล้วใช่ไหม? ได้ครับ ผมจะช่วยคุณเอง ตอนนี้คุณถูกไล่ออกแล้ว”
เขาลุกขึ้นและเตรียมจากไป
ตอนนี้เขาได้เห็นสถานการณ์ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังแล้ว มีความไม่ลงรอยกันอยู่มาก
ส่วนใหญ่มาจากอดีตผู้บริหารของจื่อจิน เพราะขาดแคลนคน จึงทำให้คนเหล่านี้เอาความสามารถของตนมาข่ม…
เมื่อเขาเดินมาถึงประตูจึงชะงักฝีเท้า
“อีกสองวันเรื่องนี้จะคลี่คลาย”
ว่าจบเขาก็จากไปโดยไม่พูดสิ่งใดอีก
ทุกคนในห้องประชุมต่างงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนตกอยู่ในอาการเหมือนหม้อระเบิด
“สองวัน? จะเป็นไปได้ยังไง! ประธานอวี้คงจะโอ้อวดอีกแล้ว คอยดู ฉันจะจับตาดูเรื่องตลกนี้!”
“เพ้อเจ้อ เขาคิดว่าผู้บริหารเป็นกันง่าย ๆ เหรอ? พอถึงเวลา เขาก็คงหาแต่คนอายุน้อยไม่มีประสบการณ์มาสร้างความวุ่นวายเสียเปล่า ๆ มีหวังได้กลายเป็นตัวตลกของเมืองฮ่วยอันแน่”
“ฮ่า ๆ ตอนนั้นไล่คนออกเป็นว่าเล่น ตอนนี้เพิ่งจะมารีบร้อนเหรอ?”
“…”
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย หากแต่มีเพียงผู้บริหารจากบริษัทอื่นและผู้บริหารอาวุโสบางคนจากจื่อจินที่ไม่ได้ร่วมผสมโรง
หวังจุนมองตาขวาง รีบคว้ากระเป๋าเดินออกไป
แม้จะน่าเหลือเชื่อ แต่เขาเชื่อว่าประธานของตัวเองทำได้แน่!
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคนนี้ก็สร้างปาฏิหาริย์มามากมาย
—
ภายในสำนักงานเครือฮ่าวหราน หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปัง อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สาเหตุที่ทำให้เขาขาดทุน
ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ เป็นธรรมดาที่จะขาดทุน หลังจากครุ่นคิด เขาตัดสินใจโทรหาเฉิงกัวอัน
“ตอนนี้ผมอยู่นอกเมือง หลายวันกว่าจะกลับ แต่ผมว่าผมน่าจะช่วยคุณได้”
“ครับ ไว้คุยกันนะครับ”
“เพื่อนหลายคนของผมอยู่ในวงการอสังหาฯ มีคนหนึ่งบริษัทกำลังตกอยู่ในช่วงขาดทุน ถ้าคุณอยากได้ตัวเขา ต้องยอมมาเป็นผู้บริหารให้แน่”
“ทำไมถึงได้ขาดทุนล่ะครับ?”
อวี้ฮ่าวหรานนึกลังเล ทุกวันนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นที่นิยม เหตุใดถึงได้ขาดทุน
เขาไม่ต้องถุงสุราห่อข้าว*[1]
“ฮ่า ๆ ฮ่าวหราน ไม่ต้องห่วง ผมไม่หลอกคุณหรอก ผู้บริหารบริษัทนี้ไม่ได้มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เจ้าของไม่มีเส้นสายและชอบหาเรื่องน่ะ พวกเขาเลยเข้ากันไม่ได้”
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปพบเขา”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าบอก เมื่อไม่มีความกังวลแล้ว
“ได้ครับ เดี๋ยวจะให้ลูกสาวผมจัดการเรื่องนี้ให้ ฮ่า ๆ เธออยากเจอคุณทุกวันเลยล่ะครับ”
[1] ถุงสุราห่อข้าว = คนที่ไร้ความสามารถ