ตอนที่ 210 ทักษะขั้นสูง

ดูเหมือนว่านางจะชอบเรื่องราวเหล่านี้เสียเหลือเกิน! ซุนฉางอานถอนหายใจออกมา แววตาที่เคยอ่อนโยนของเขาพลันแข็งกล้า

เจิ้นซิวซิวและซูต้าเฉียงยังคงถูกขวางเอาไว้ที่ประตูห้องโถง ซูเสี่ยวเหยียนเดินไอออกมาช้า ๆ ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็พูดออกมาว่า “ข้าเป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น มาหาฮูหยินของเจ้าด้วยเรื่องส่วนตัว โปรดแจ้งนางให้ทราบด้วย”

เหล่าเด็กรับใช้ที่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลเป่ยฉวน เมื่อนึกถึงความร่ำรวยของตระกูลเป่ยฉวนก็ไม่กล้าขัดขืนและรีบเอ่ยออกมาว่า “เจ้าค่ะ!”

หลังจากนั้นสาวใช้ก็มองหน้าของเจิ้นซิวซิวด้วยสายตาดูถูก “พวกเจ้าไปขอทานที่อื่นเสีย!”

เจิ้นซิวซิวชะงักไปชั่วครู่แล้วดึงตัวหวานหว่านเข้ามาใกล้ ๆ “คุณหนู! โปรดช่วยพวกเราด้วย ถ้าหากว่าพวกเราไม่สามารถหาลูกสาวเจอ พวกเราคงจะอดตายในสภาพแบบนี้เป็นแน่!”

“แน่นอนว่าข้าจะช่วยอย่างเต็มที่” ซูหวานหว่านบอก ริมฝีปากเรียวบางของนางกระตุกเล็กน้อย สาวใช้เดินเข้าไปข้างในครู่ใหญ่ก่อนจะเดินออกมา “ข้าต้องขอโทษคุณหนูเป่ยฉวนด้วย วันนี้ฮูหยินของเรามีธุระที่ต้องทำ ได้โปรดมาใหม่ในวันพรุ่งนี้นะเจ้าคะ!”

ซูหวานหว่านหัวเราะคิกคักออกมา “เจ้าไปบอกนางใหม่ว่าข้ามาคุยเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทอง ดูซินางจะว่าอย่างไร!”

สาวใช้คนนั้นรู้ดีว่าหากตนเองเดินเข้าไปอีกรอบจะต้องโดนตำหนิเป็นแน่ จึงรู้สึกร้อนรนแต่เมื่อได้ยินซูหวานหวานบอกว่ามีเรื่องใหญ่ต้องการคุยกับฮูหยิน จึงเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง ส่วนเจิ้นซิวซิวและซูต้าเฉียงได้แต่หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ซูหวานหว่าน เพราะกลัวว่านางจะไม่พาพวกเขาเข้าไป

ใช้เวลานานไม่นัก สาวใช้ก็เดินออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในมือของนางมีเหรียญเงินที่ฮูหยินเจียเพิ่งให้มาเป็นของกำนัล “คุณหนูเป่ยฉวน ฮูหยินของข้าเชิญท่านเข้าไปคุยอยู่ข้างในเจ้าค่ะ”

“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้ารับ หญิงสาวก้าวเข้าไปและโบกมือให้สาวใช้ “พวกเขาคือคนของข้า ให้พวกเขารออยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งไล่พวกเขาออกไป”

“รับทราบเจ้าค่ะ! ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี!” เหล่าคนรับใช้เอ่ยอย่างเชื่อฟังราวกับสุนัขรับใช้

ซูหวานหว่านก้าวเดินเข้าไป แต่ซุนฉางอานกลับยืนอยู่ด้านนอก มองไปรอบ ๆ พร้อมความรู้สึกกังวลเล็กน้อย

ซูหวานหว่านได้เดินเข้าไปในห้องโถง พลันเห็นซูเสี่ยวเหยียนนั่งร้องไห้อยู่ พื้นห้องที่เคยสะอาดเปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบน้ำชาและถ้วยชาที่แตกกระจาย ฮูหยินเจียเพิ่งระบายอารมณ์ความโกรธออกมา เพราะบนแก้มของซูเสี่ยวเหยียนปรากฏรอยฝ่ามืออย่างชัดเจน เมื่อเห็นภาพแบบนี้ซูหวานหว่านก็รู้สึกขบขันขึ้นมา ก่อนมองหาที่นั่งด้วยตนเอง

ฮูหยินเจียรีบเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ไหว “คุณหนูเป่ยฉวน เจ้ามีเรื่องอะไรที่จะพูดกับข้าอย่างงั้นรึ?!”

หลังจากพูดจบนางก็หันไปพูดกับซูเสี่ยวเหยียน “คุณหนูเป่ยฉวนมาแล้ว เจ้ายังไม่รีบไสหัวไปอีก! หากคุณหนูเป่ยฉวนมาเห็นแบบนี้มันอาจจะกระทบต่อเรื่องกิจการของตระกูลเราได้!”

“คุณหนูเป่ยฉวน ท่านอย่าโกรธไปเลย วันนั้นข้าถูกคนอื่นยุยง” ซูเสี่ยวเหยียนกัดฟัดกรอด เพราะนางต้องการเปิดโปงตัวตนของซูหวานหว่านว่าเป็นผู้ชาย จึงได้นำโทรศัพท์ออกมาอัดคลิปเอาไว้! แต่ผลสุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า วันนี้นางกลับต้องมาขอโทษ!

“ไม่เป็นไร” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นดักซูเสี่ยวเหยียนที่กำลังจะเดินออกไป “ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดแม่นางจูถึงไม่ชอบข้า แต่ข้ากลับรู้สึกว่าข้าคุ้นเคยกับแม่นางจูมาก”

เหตุใดนางถึงพูดจาน่าประหลาดเหล่านี้ออกมา ซูเสี่ยวเหยียนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของอีกฝ่าย หัวใจของนางพลันเต้นเร็วขึ้นและรู้สึกว่าจะต้องรีบออกไปจากให้เร็วที่สุด!

“ขอบคุณคุณหนูเป่ยฉวนที่ไม่ถือสา เช่นนั้นแล้วข้าขอตัวก่อน” ซูเสี่ยวเหยียนพูดออกมาพร้อมกับหันหลังเดินออกไป แต่ก็ถูกซูหวานหว่านพูดขัดออกมาอีกว่า “แม่นางจู แต่สิ่งที่ข้าจะกำลังพูดในวันนี้มันเกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง”

“ว่าอย่างไรนะ?” ซูเสี่ยวเหยียนถามออกมาด้วยสงสัยและรู้สึกไม่เข้าใจ เด็กสาวนั่งลงด้วยสีหน้าว่างเปล่า และได้ยินเสียงของซูหวานหว่านพูดกับฮูหยินเจียว่า “ฮูหยินเจียก็น่าจะรู้ว่าคนเข้าหาลูกสาวของท่านก็เพราะเรื่องเงิน สิ่งที่ข้าต้องการจะมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของลูกสาวบุญธรรมของท่าน!”

เมื่อได้ยินแบบนี้สีหน้าของฮูหยินก็พลันเปลี่ยนสี โดยคิดว่าซูหวานหว่านคงจะมาพูดจาไม่ดีแน่ จึงมีความคิดอยากจะไล่นางออกไป หากแต่ไม่นานก็ถูกดึงดูดด้วยคำพูดที่ว่า “ข้าชอบจูเหยียนมาก และวันนี้ข้าก็บังเอิญพบกับใครบางคนที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อกับแม่นางเลยพาพวกเขามาหานางที่นี่ด้วย พวกท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก!”

หลังจากพูดแบบนั้นออกมา ซูหวานหว่านก็ปรบมือ ดังนั้นคนรับใช้ที่อยู่ข้างนอกจึงปล่อยให้เจิ้นซิวซิวและซูต้าเฉียงเดินเข้ามา เมื่อซูต้าเฉียงเดินเข้ามาเห็นซูเสี่ยวเหยียนก็รีบวิ่งเดินเข้าไปหานางทันที “เสี่ยวเหยียน! กว่าพวกเราจะตามหาเจ้าเจอนั้นมันลำบากแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่ พ่อแม่คิดถึงเจ้ามาก ดูแล้วชีวิตของเจ้ากำลังไปได้ด้วยดี อีกทั้งเจ้ายังได้เป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลที่ร่ำรวยอีก! ไม่เลวเลยจริง ๆ!”

“ใช่แล้วเสี่ยวเหยียน! เจ้าทำให้พ่อกับแม่มีหน้ามีตา พ่อกับแม่รักและภูมิใจในตัวเจ้ามาก”

“…”

ซูหวานหว่านนั่งจิบชามองดูใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษของซูเสี่ยวเหยียนอยู่เงียบ ๆ

ความกังวลเกิดขึ้นภายในใจของซูเสี่ยวเหยียน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็พูดออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย “พวกเจ้าเป็นใครกัน พวกเจ้าไม่ควรพูดจาเหลวไหลว่าพวกเรารู้จักกัน! ข้าเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของข้าได้ตายไปหมดแล้ว ข้าไม่เคยรู้จักพวกเจ้า!”

เป็นเด็กกำพร้า? เหลวไหล! ซูหวานหว่านกลอกตามองบนและพูดว่า “เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณหนูจูจะทุกข์ทรมานใจอย่างมากจนทำให้สูญเสียความทรงจำเหล่านั้นไปชั่วคราว?”

เมื่อได้ยินดังนั้นเจิ้นซิวซิวก็พูดออกมาทันทีว่า “เจ้ามีปานแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ที่ปลายแขนทางด้านซ้าย!”

พูดจบก็ดึงแขนเสื้อของซูเสี่ยวเหยียนขึ้นเผยให้เห็นปานรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงเข้ม!

สีหน้าของฮูหยินเจียแปรเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ ดูเหมือนว่าซูเสี่ยวเหยียนจะโกหกนางจริง ๆ และคงมีหลายสิ่งที่นางได้เอ่ยเพื่อหลอกลวงตน เมื่อนางคิดไปถึงว่าซูเสี่ยวเหยียนกำลังตั้งครรภ์อยู่ ๆ นางก็พูดเยาะเย้ยออกมาว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนรู้หรือไม่ว่าลูกสาวของพวกเจ้ากำลังตั้งท้องอยู่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเป็นลูกของใคร?”

เจิ้นซิวซิวคิดไม่ถึงเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้จึงเอ่ยออกมาว่า “ท้อง? เป็นไปไม่ได้? นางได้อยู่กับ…”

“หุบปาก!” ซูเสี่ยวเหยียนตะโกนห้ามออกมา ใครจะไปคิดว่าเจิ้นซิวซิวจะพลั้งปากพูดมันออกมา!

“เหตุใดถึงบอกให้ข้าหุบปาก ในเมื่อเจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ อีกทั้งฮูหยินผู้นี้ก็ร่ำรวยมากแน่นอนว่านางจะต้องหาสามีที่ดีมาแต่งงานกับเจ้าอย่างแน่นอน!” หลังจากพูดแบบนั้นออกมา เจิ้นซิวซิวก็คุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินเจียและร้องไห้ออกมาให้กับความโง่เขลาของซูเสี่ยวเหยียนที่เคยไปอยู่กับไป๋ซุนชุ่ยมาก่อน ทำเอาฮูหยินเจียแทบเกือบจะเป็นลมเมื่อได้ยินเรื่องนี้

หลังจากที่เจิ้นซิวซิวพูดจบ นางก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา จึงหยิบน้ำที่อยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม เมื่อฮูหยินเจียเห็นดังนั้นก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที ในที่สุดนางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ใครก็ได้มานี่หน่อย! โยนพวกเขาพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกออกไปจากบ้านข้า! ต่อไปนี้ที่บ้านตระกูลเจียของข้าจะไม่มีคนชื่อจูเหยียนอีกต่อไป!”

ทันทีที่นางพูดจบก็มีชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาจับพวกเขาเอาไว้ ซูเสี่ยวเหยี่ยนต้องการจะเอ่ยอธิบายแต่กลับถูกปิดปากด้วยผ้า

เจิ้นซิวซิวและซูต้าเฉียงเองก็ถูกลากออกไปโดยยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!

ซูหวานหว่านจิบชาอย่างสบายใจและยิ้มออกมา “ข้าจะต้องขอโทษด้วย แต่ข้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตระกูลเจียของท่านแล้ว!”

ซูหวานหว่านตั้งใจทำอย่างนั้นหรือ? ฮูหยินเจียรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก นางรู้สึกเกลียดชังและอิจฉาตระกูลเป่ยฉวนที่ร่ำรวยมั่งคั่ง จากนั้นซูหวานหว่านก็ขอตัวออกไป

ซูหวานหว่านเดินออกไปและกำลังจะเอ่ยเรียกซุนฉางอานให้กลับไปด้วยกัน แต่นางไม่เห็นซุนฉางอานเลย! ซุนฉางอานหายไปไหน? ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็เห็นกลุ่มผู้ชายหลายคนกำลังเดินออกไปที่หัวมุมประตูบ้าน ทำให้ใจของนางพลลันหล่นวูบ คนเหล่านั้นคือพรรคพวกของเจียเหวิน!

หรือว่าเจียเหวินจะลงมือกับซุนฉางอานอีกแล้วหรือ?