ตอนที่ 372 คุณย่าที่หมดสติ

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

ช่วงนี้พ่อยวี๋และแม่ยวี๋ยิ่งมองหลินหนานก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มผู้มีความกระตือรือร้นและรู้กาลเทศะ ทั้งยังไม่ให้ลูกสาวของพวกเขาลำบากอีกด้วย เพราะงั้นท่าทีของพ่อยวี๋จึงผ่อนคลายลงไปมาก และบ่อยครั้งก็ยังให้หลินหนานเล่นหมากรุกกับเขาด้วย
ในเวลานั้นเองพวกเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายท่าทีลังเลใจที่มีต่อยวี๋น่า แต่ในใจก็ยังไม่อยากห่างลูกสาว
“ทำไมถึงไปเร็วจังล่ะลูก” แม่ยวี๋ถามด้วยความเป็นห่วง
ในที่สุดลูกสาวก็กลับมา เธอยังใช้เวลาอยู่ด้วยกันยังไม่พอเลย
“ก็งานยุ่งนี่คะ~”
ยวี๋น่าทำท่าอ้อนแม่ตัวเอง
พ่อยวี๋วางตะเกียบลงและปลอบแม่ยวี๋ “เด็กๆ เขาโตกันหมดแล้ว ก็ต้องมีงานต้องทำน่ะสิ อีกทั้งเสี่ยวหลินก็เป็นถึงเลยนะ งานคงเยอะมากแน่ เอาล่ะๆ”
“ใช่แล้วครับคุณน้า ผมกับพี่น่าจะกลับมาหาพวกท่านอีกนะครับ”
แม่ยวี๋พยักหน้า และโล่งใจไปมาก พ่อยวี๋ครุ่นคิดและพูดกับยวี๋น่า “น่าน่า ดูเสี่ยวหลินเขากลับมากับลูกตั้งหลายวัน อยู่บ้านกับพวกเราตลอด พวกเธอหนุ่มสาวไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกันเลย เอาแบบนี้ดีมั้ย เสี่ยวหลินเองก็มาที่นี่ครั้งแรก พวกเธอค่อยไปอีกสักสองสามวันนะ เดี๋ยวทานอาหารเสร็จ เธอก็พาเสี่ยวหลินไปพวกจุดชมวิวรอบๆ เมือง H ของเรา อย่าให้คนอื่นคิดว่าบ้านเราไม่มีอะไรล่ะ ฮ่าๆๆ”
หลินหนานโบกมืออย่างเร่งรีบ ก่อนจะพ่นคำหวานออกมาเป็นชุด
“จะเป็นไปได้ไงล่ะครับคุณอา ผมน่ะหวังจะได้เล่นหมากรุกกับคุณอาอีกเพื่อเป็นประสบการณ์เลยนะครับ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมได้อยู่กับพี่น่าทุกวัน ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ”
เมื่อเห็นสาตาพ่อแม่ตัวเอง ยวี๋น่าก็ยิ้มเช่นกัน แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เธอแค่อยากจะกลับไปหาอู๋เทียนเหอ
หลังจากทานอาหาร หลินหนานและยวี๋น่าก็ถูกแม่ยวี๋ “ไล่” โดยบอกให้ยวี๋น่าพาหลินหนานไปชมจุดชมวิวรอบๆ
เมือง H มีความเจริญรุ่งเรืองพอๆ กับเมือง A และทัศนียภาพก็น่ารื่นรมย์มากด้วย
หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากบ้านตระกูลยวี๋ ยวี๋น่าก็ขาดความสนใจ แต่หลินหนานกลับคอยตามเธออยู่ข้างหลัง ก่อนจะมองวิวรอบๆ และพูดกับยวี๋น่าอย่างมีความสุขว่า “พี่น่า ผมยังไม่ได้ดูวิวเมือง H อย่างละเอียดเลย ดีกว่าเมือง A มากจริงๆ นะเนี่ย ผมว่าอากาศสดชื่นกว่าเยอะเลย…”
ไม่นานทั้งสองก็เดินไปที่สวนเขตชานเมืองซึ่งเต็มไปด้วยความเขียวขจี และยังมรคุณลุงคุณป้าที่ชอบออกกำลังกายตอนเช้าก็กำลังออกกำลังกายด้วย
หลินหนานพูดต่อ ยวี๋น่าที่ฟังราวกับบเครื่องจักร ฟังจนอารมณ์เสียไปหมด
“เอาล่ะ”
เธอต้องขัดจังหวะคำพูดของหลินหนาน ก่อนจะหันกลับมามองอีกคนอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม
“ถ้านายชอบก็เดินไปคนเดียวก่อน ถ้าหาทางกลับไม่ได้ค่อยโทรหาฉันแล้วกัน ตอนนี้ฉันอารมณ์เสีย อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ…ขอโทษนะ”
ยวี๋น่าก้มหน้าก้มตาเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ และนั่งบนหินปลอมก่อนจะมองไปไกลๆ ดูท่าทางซีดเซียวหมดหนทาง
เมื่อเห็นยวี๋น่าเป็นแบนั้น หลินหนานก็รู้สึกเสียใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดพูดและเดินไปเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล
ในสายตาของคุณอาและคุณน้า เขาคือแฟนของยวี๋น่า แต่มีเพียงทั้งคู่เท่านั้นที่รู้ว่าความสัมพันธ์นั้น…ไม่นับ
ช่างเถอะ ไปปีนเขากันดีกว่า
เขาย่ำเท้าขวาบนภูเขาและเดินขึ้นทีละน้อยพลางเม้มริมฝีปากแน่น

ในที่สุดหลินหนานก็มาถึงครึ่งภูเขา ตอนนี้หัวเขามีแต่เหงื่อ เขากำลังจะยืดตัวขึ้นเพื่อสูดอากาศ แต่กลับเห็นร่างหนึ่งอยู่ไม่ไกล
เขาลังเลที่จะเดินเข้าไป แต่กลับเห็นคุณย่าเป็นลมไป หลินหนานจึงรีบย่อตัวเขย่าแขนเธอ
“คุณย่าครับ? คุณย่า? ตื่นสิครับ”
แต่ทว่าคุณย่ากลับไม่รู้สึกตัว
ตอนนี้มีคนน้อยมากที่มาปีนและไม่รู้เลยว่าคุณย่าคนนี้หมดสติไปนานแค่ไหน ไม่ว่าหลินหนานจะคิดยังไงก็หาทางออกไม่เจอ ก่อนจะหันหลังแล้วนั่งยองๆ แล้วเอาแขนพาดคอตัวเอง เพราะเขาต้องรักษาสมดุลตลอดเวลา จึงเดินลงเขาช้ากว่าปกติมาก
โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่นไม่หยุด หลินหนานกัดฟันและจับข้อมือที่ห้อยอยู่ของคุณย่าจนไม่มีเวลาไปสนใจ
“…เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมไม่รับสาย?”
ยวี๋น่าวางโทรศัพท์และบ่นพึมพำ ก่อนจะมองไปรอบๆ และรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เพราะยังไงหลินหนานก็มาเมือง H เป็นครั้งแรก แม้ว่าสวนจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็เป็นไปได้ที่เขาจะไม่คุ้นเคยกับทาง เขาไม่โผล่มาเกือบชั่วโมงแล้ว หาทางไม่เจอเหรอ?
ยวี๋น่าลุกขึ้นจากหิน เธอนึกย้อนไปว่าหลินหนานเดินไปเนินเขาทางทิศตะวันตก ดังนั้นเธอจึงเดินไปจนสุดทางเพื่อค้นหา วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว และคิดจะเรียกชื่อเขาทว่ากับหยุดชะงัก
ในที่สุดยวี๋น่าก็วิ่งไปที่บริเวณเนินเขา จนเห็นว่าหลินหนานเคลื่อนตัวลงมาจากเนินเขาอย่างช้าๆ อย่างยากลำบาก โดยแบก…คนชราที่เป็นลมลงมาด้วย
ในเวลานั้นเองก็เห็นได้ชัดว่าฝีเท้าของเขาไร้แรง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะก้าวขาไม่ออก
“หลินหนาน!”
หลังจากที่ยวี๋น่าแน่ใจก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อให้หลินหนานคว้าเธอ และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ประคองเขาลงอย่างช้าๆ หลังจากได้ยินหลินหนานบอกว่าคุณย่าเป็นลมบนเนินเขา ยวี๋น่าก็จะส่งเธอไปโรงพยาบาล

“โชคดีที่ส่งคนไข้มาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรก็ไม่รู้จริงๆ เราพยายามติดต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยแล้ว อีกเดี๋ยวคงถึงแล้วล่ะครับ ทั้งสองท่านนั่งพักสักหน่อยเถอะครับ”
หลังจากที่แพทย์พูดจบก็ตบไหล่หลินหนานอย่างชื่นชมเบาๆ จากนั้นจึงหันกลับเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบอาการของคุณย่า
หลินหนานก้มหน้ายิ้ม ดูบ๊องเล็กน้อย
“คุณย่าไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว…”
ยวี๋น่าที่มองท่าทางเขาก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าปกติหลินหนานที่ไร้ท่าทีกังวล ยังสามารถทิ้งงานและแอบมาที่เมือง H ได้ แถมยังยินดีช่วยคน ช่างใส่ใจจริง…
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากทางเดิน ก่อนจะชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ผู้หญิงข้างๆ เขาแต่งตัวดีดูเหมือนจะเป็นภรรยาของเขา
“พยาบาล พยาบาล แม่ผมเป็นไงบ้างครับ ไม่เป็นอะไรร้ายแรงใช่ไหมครับ?!”
ชายคนนั้นหอบและมีเหงื่อออกตามหน้าผาก เมื่อเห็นพยาบาล เขาก็คว้าข้อมือเธอและจี้ถาม
“ตอนนี้ท่านไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วค่ะ ตอนนี้ให้น้ำเกลือและพักอยู่ที่ห้องค่ะ” นางพยาบาลพูดพร้อมรอยยิ้มและชี้ไปที่หลินหนาน “สุภาพบุรุษท่านนั้นเจอแล้วมาส่งถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลาค่ะ เอาล่ะ พวกคุณเบาเสียงหน่อยนะคะ อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้นะคะ”
ชายคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันกลับมาจับมือหลินหนานด้วยรอยยิ้มดีใจ “ผม…ผมรู้จักคุณ! คุณคือดาราดังคนนั้น!…ไอหยา คราวนี้ต้องขอบคุณคุณมากเลยครับ ขอบคุณที่พาแม่ผมมาส่งโรงพยาบาลนะครับ ผม ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย…”