ตอนที่ 1034 การแสดงของหม่าเวยเวย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ต้นสังกัดของหม่าเวยเวยรู้ถึงโอกาสนี้และรีบเผยว่าหม่าเวยเวยกำลังเข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์ใหญ่ทันที อย่างพยายามเกาะกระแสของถังหนิงและโจนส์โดยการบอกว่าเธอมีชะตาต้องกับถังหนิงด้วยเรื่องการแสดง

การแสดงเนี่ยนะ!

ต้นสังกัดของหม่าเวยเวยพูดถึงการแสดงจริงๆ เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนมากมายกัน

ต่อให้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับถังหนิง การแสดงของเธอก็ยังตราตรึงใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนประจักษ์แก่สายตาของตัวเอง ในขณะเดียวกันทักษะการแสดงที่น่า ประหลาดใจ ของหม่าเวยเวยได้ถูกเปิดเผยออกมาครั้งที่เธอไปคัดตัวนักแสดงต่อหน้าผู้สร้างชาวอเมริกันก่อนหน้านี้ เธอมีความมั่นใจที่จะไปเทียบชั้นกับถังหนิงได้อย่างไรกัน

แน่นอนว่าหม่าเวยเวยกับต้นสังกัดของเธอไม่ได้โง่ ไม่ว่าฝีมือของเธอจะเทียบได้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ชื่อเสียงของหม่าเวยเวยไม่ตกลง เป็นสิ่งที่ไม่ผิดกับเรื่องที่พี่ชายของหันซิวเช่อคาดการณ์เอาไว้! เพื่อความอยู่รอดในวงการ ใครจะไม่งัดเล่ห์เหลี่ยมออกมาใช้กันบ้างล่ะ

คนที่มีสมองบ้างล้วนดูออกว่าหม่าเวยเวยกำลังใช้ประโยชน์จากถังหนิง ทุกอย่างที่ถังหนิงทำได้เป็นตัวอย่างให้เธอทำตาม อย่างไรเสียมันก็รับประกันได้ถึงเส้นทางไปสู่ดวงดาวของเธอ

ตราบใดที่เธอสร้างกระแสได้ ทำเงินได้ และทำให้คนจ้างงานโฆษณากับผู้ลงทุนพึงพอใจ คนภายนอกจะวิพากษ์วิจารณ์เธอมากเท่าไรก็ได้ตามแต่ใจพวกเขาต้องการ ถึงอย่างไรคนบางคนก็สนใจแค่ชื่อเสียงของตัวเองและคนอื่นก็สนใจเพียงผลประโยชน์ของตัวเองอยู่แล้ว แค่พวกเขาโกยเงินเข้ากระเป๋าได้ การล้างมลทินของพวกเขาทีหลังไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“การแสดงของถังหนิงสุดยอดมากเลยนะ แต่เธอก็ยังถูกพูดถึงร่วมกับยัยของเล่นถูกๆ อย่างนั้น น่าขยะแขยงเป็นบ้า”

“ตอนนี้เราทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันพูดได้แค่ต้นสังกัดของหม่าเวยเวยหน้าไม่อายจริงๆ ”

“ฉันรู้ดีว่าเธอพยายามสร้างกระแส แต่ก็อดออกมาพูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันเองก็มีส่วนกับเรื่องชั่วร้ายนี้ด้วยสินะ”

ด้วยเหตุนี้คนในโลกออนไลน์จึงนึกถึงข้อดีของถังหนิงได้ในท้ายที่สุด เธอมักจะถูกต่อว่าทุกครั้งที่พยายามลุกขึ้นมาทำเรื่องใหม่ๆ ทว่าอย่างน้อยเธอก็มีบางสิ่งมาให้โอ้อวดไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม ผิดกับหม่าเวยเวย…

…เห็นชัดว่าเธอถูกทำเหมือนเป็นตัวตลก แต่เธอไม่ได้สนใจ…

ถังหนิงไม่มีทางเลือกนอกจากหลีกเลี่ยงคนพรรค์นั้นเพราะอีกฝ่ายไร้ยางอายเกินไป หากหม่าเวยเวยอ้างว่าถังหนิงวางแผนเล่นงานเธออีก ถังหนิงจะทำอย่างไร

หลงเจี่ยเฝ้าจับตามองทุกอย่างที่หม่าเวยเวยทำและเดือดดาลไปด้วยโทสะ คนที่ไม่มียางอายอย่างนั้น ใครจะไปทำอะไรเธอได้…

ที่แย่ที่สุดคือจู้ซิงมีเดียยังคงอยู่ในมือเธอ

ทว่าหลงเจี่ยเป็นคนที่มอบจู้ซิงมีเดียให้ไปเอง เธอมีสิทธิ์อะไรต้องไปยุ่งกับเรื่องของถังหนิงกัน

ตั้งแต่จู้ซิงมีเดียต้องเดือดร้อน หลงเจี่ยขังตัวเองอยู่ที่บ้านและพยายามอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวของตัวเองให้มากที่สุดเพราะเธอไม่อาจทนเผชิญหน้ากับตัวเองได้

จากการติดตามข่าวคุณนายลู่ที่กำลังรอพา ลูกชาย ของลู่เช่อกลับบ้าน เห็นว่าหลงเจี่ยอยู่เฉยๆ ที่บ้านบ่อยๆ เธอจึงตัดสินใจไปที่บ้านของพวกเขาขณะที่ลู่เช่อยังอยู่ที่ทำงาน แม้ว่าเขาจะตัดขาดกับเธอแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นแม่ลูกกัน ไม่ว่าจะทะเลาะกันรุนแรงขนาดไหน เขาคงยังนับเธอเป็นแม่อยู่ใช่ไหม

ระหว่างพวกเขาจะมีเรื่องบาดหมางกันได้อย่างไร

คุณนายลู่มาถึงบ้านของพวกเขาด้วยความเชื่อเช่นนั้น

เมื่อหลงเจี่ยเห็นว่าเป็นแม่ย่าของตัวเอง เธอนิ่งค้างไปทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณนายลู่ผลักเธอออกไปด้านข้างก่อนเดินเข้ามา

“ฉันได้ยินเรื่องของเธอแล้ว ฉันว่าถึงยังไงครั้งนี้เธอก็ไม่ได้มีดีอะไรจริงๆ นี่” คุณนายลู่ปรายตามองลูกสะใภ้อย่างเหยียดหยามผ่านๆ ทีหนึ่ง อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็มี หลานชาย จากการอุ้มบุญซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นลูกชายของลู่เช่อ

“เป็นหน้าที่ของผู้หญิงที่จะทำให้สามีมีความสุขและสอนลูกของตัวเอง แต่ดูเข้าสิ หลังจากที่เพ้อฝันอยู่ตั้งนาน เธอก็ลงเอยด้วยการไม่เหลืออะไรเลย! ”

“ไม่ทราบว่าคุณนายลู่มาที่นี่ทำไมเหรอคะ” หลงเจี่ยถามเสียงแข็ง

คุณนายลู่หันมามองหน้าหลงเจี่ยคล้ายไม่ต้องการพูดจาอ้อมค้อม เธอเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ตอนที่ฉันบอกให้เธอมีลูกชายให้ลู่เช่อ เธอทำเหมือนมันเป็นเรื่องลำบากนักหนา ตอนนี้เธอไม่ต้องทำแล้วเพราะเขามีลูกชายเรียบร้อยแล้วล่ะ ฉันไม่ได้หวังให้เธอยอมรับเด็กคนนี้อยู่แล้ว แต่ลู่เช่อต้องรับผิดชอบเด็กคนนี้เพราะเขาเป็นพ่อ ฉันถึงมาที่นี่เพื่อบอกให้เธอรู้เอาไว้ว่าลู่เช่อจะใช้เวลาที่บ้านของฉันกับพ่อของเขามากขึ้น ถ้าเธอกับลูกสาวเข้าใจเรื่องนี้คงจะเป็นการดีที่สุด แต่ถึงเธอจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธออยากอยู่อย่างสงบก็เรียนรู้ที่จะอดทนกับเรื่องนี้หน่อยแล้วกัน”

หลังจากได้ยินดังนั้น หลงเจี่ยรู้สึกขำสิ้นดี “ทำไมคุณต้องทำให้ทุกคนเหนื่อยกันขนาดนี้ด้วยล่ะคะ”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว วันนี้ฉันมาแค่นี้แหละ” พูดจบคุณนายลู่ก็จากไปโดยไม่แสดงความเป็นห่วงหลานสาวของตัวเองแม้แต่น้อย

เพราะเธอคิดว่าตัวเองมี หลานชาย แล้วยังไงล่ะ!

เมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ หลงเจี่ยพิงตัวกับโต๊ะก่อนหัวเราะออกมาพักใหญ่ด้วยความตลกระคนเศร้าหมอง

ตกกลางคืนเมื่อลู่เช่อกลับมาถึงบ้าน หลงเจี่ยบอกเขาเรื่องที่เจอในวันนั้นก่อนหน้านี้ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ลู่เช่อสบตามองเธอแวบหนึ่งก่อนอุ้มลูกสาวของตัวเองไว้ในอ้อมแขนพลางตอบกลับเสียงทุ้ม “ผมอยู่ข้างคุณกับลูกสาวของเราเสมอแหละครับ อีกอย่างคุณเองก็รู้เบื้องหลังของเด็กคนนั้นแล้วนี่ครับ”

“คุณจะจัดการปัญหานี้เมื่อไหร่คะ”

“ต้องรอให้ถึงโอกาสสำคัญถึงจะเอาให้อยู่หมัดสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ” ลู่เช่อถาม

หลังจากทำงานกับโม่ถิงมานาน ลู่เช่อกลายเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือขึ้นมาก

บางครั้งคนเราก็ยอมทนเพื่อครอบครัวของตัวเอง หากแต่การยอมทนนั้นรังแต่จะทำให้เข้าใจผิดและเจ็บปวดมากขึ้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมต้องฝืนตัวเองกันด้วย

หลงเจี่ยมองลู่เช่อและเชื่อมั่นในตัวเขาหมดทั้งใจ “ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่เก็บมันมาใส่ใจหรอกค่ะ เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นสามีและพ่อที่ดี ส่วนเรื่องพ่อแม่ของคุณ เราพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วค่ะ ต่อให้เราจะโดนต่อว่าและถูกหาว่าเป็นคนอกตัญญู ฉันก็ยินดีที่จะยอมรับมันค่ะ”

“ดีแล้วครับ อีกอย่างคุณผู้หญิงบอกผมมาว่าถ้าคุณเต็มใจก็กลับไปเป็นผู้ช่วยของเธอได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”

หลงเจี่ยก้มหน้าก่อนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ฉันต้องเต็มใจอยู่แล้วล่ะค่ะ”

เธอมีทางเลือกอื่นที่ไหนกัน

เธอทุ่มเททำงานอย่างหนักแต่คนอื่นกลับมาฉกฉวยผลประโยชน์ไป

“คิดในแง่ดีไว้สิครับ อย่าทำท่าหดหู่อย่างนั้นสิ ดูไม่เป็นตัวคุณเลยนะครับ”

หลงเจี่ยพยักหน้ารับ ทว่าพลันรู้สึกคลื่นไส้ขณะที่วิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ ช่วงนี้เธอไม่ค่อยอยากอาหารและดื่มแอลกอฮอล์เยอะ ท้องไส้ของเธอคงนึกประท้วงขึ้นมา

ลู่เช่อไม่ได้คิดมากพร้อมโทรเรียกรถพยาบาลและขอให้หมอที่รู้จักมาตรวจร่างกายภรรยาของตัวเองในวันถัดมา

ในขณะเดียวกันการกระทำของหม่าเวยเวยนับวันยิ่งหนักข้อขึ้น เมื่อเห็นว่าถังหนิงไม่ได้ออกมาตอบโต้ ไม่เพียงแต่เธอจะสร้างกระแสเพื่อภาพยนตร์ของเธอด้วยการอาศัยชื่อถังหนิงและโจนส์ เธอยังเริ่มยกงานการกุศลของตัวเองมาอวดอ้าง และถากถางถังหนิงที่ไม่เคยทำเรื่องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

มีบางครั้งที่ถังหนิงไม่เข้าใจความพยายามของหม่าเวยเวยที่สร้างภาพลักษณ์ไม่ยอมแพ้ใครให้กับตัวเอง

ในเมื่อโจนส์ยังอยู่ที่ปักกิ่ง ถังหนิงจึงไม่มีเวลาไปตอบโต้หม่าเวยเวย เธอกลับคอยดูว่าผู้หญิงคนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน