ตอนที่ 889 ตีให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อย!
อวี๋เยว่หานถือโอกาสกอดเธอไว้
ทั้งสองอิงแอบกัน ซึมซับอุณหภูมิของกันและกันพลางยิ้มมุมปาก
เหนียนเสี่ยวมู่คิดอยู่สักพักก็พูดก่อน
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมคนที่ซื้อตัวกุ้ยจื่อต้องการพุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับการที่เราไปบ้านประจำตระกูลถาน”
“อืม พูดต่อสิ” อวี๋เยว่หานรวบแขนพลางเอ่ยขึ้นมา
เหนียนเสี่ยวมู่ยกศีรษะมองใบหน้าด้านข้างของเขา เมื่อได้ยินที่เขาพูดก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอลุกขึ้นอย่างลืมตัว
อวี๋เยว่หานกอดเธอไม่ยอมปล่อยมือ “นั่งพูดก็ได้”
พวกเขาแยกกันอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว?
แม้แต่เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเริ่มหัวเราะเยาะอย่างเปิดเผยที่เขาไม่ได้รับความโปรดปราน หากใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ความน่าเกรงขามของหัวหน้าครอบครัวอย่างเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ความน่าเกรงขามอะไรก็แล้วไปเถอะ
แต่พอเธอไม่อยู่ด้วย เขานอนไม่หลับ
เมื่อได้เห็นถังหยวนซือกอดซั่งซินทั้งรักทั้งหลง เขาก็รู้สึกเจ็บจี้ดอยู่ในใจ
ไม่ง่ายเลยที่จะง้อเธอให้กลับมา จะทำยังไงถ้าเธอหาข้ออ้างไปอีก
ตีให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อยไปหรอก!
“คุณไม่ปล่อยมือ ฉันจะไปเอาของได้ยังไง?” เหนียนเสี่ยวมู่หลุบตามองเขา เธอคุกเข่าข้างหนึ่งบนโซฟาพลางเอื้อมมือไปกอดศีรษะชายหนุ่มเหมือนปลอบใจเด็กและตบมือเขา
ผมสั้นแทงมือเล็กน้อย เสียงของเธออ่อนโยนเป็นพิเศษ
“อวี๋เยว่หาน คุณเป็นเสียแบบนี้เดี๋ยวเสี่ยวลิ่วลิ่วเห็นก็หัวเราะเอาหรอก”
อวี๋เยว่หานพูดอย่างใจเย็น “เสี่ยวลิ่วลิ่วหัวเราะเยาะที่ผมโดนคุณทิ้งต่างหาก เมื่อวานเธอยังวิ่งมาพูดต่อหน้าผมอีกว่าเพราะผมไม่หล่อแน่ๆ คุณถึงไม่ชอบผมแล้ว”
“……”
“เหนียนเสี่ยวมู่ หน้าตาผมแปดเปื้อนเพราะคุณ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้จะปลอบใจผู้ชายที่คิดเอาเองว่าหน้าตัวเองแปดเปื้อนได้อย่างไร จนท้ายที่สุดก็ได้แต่จูงมือเขาไปเอาของข้างนอกด้วยกัน
เมื่อเห็นกล้องสลับลายในมือเธอ อวี๋เยว่หานก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใจคุณมีแต่เสี่ยวลิ่วลิ่ว ไปไหนก็ห่วงแต่จะซื้อของเล่นให้ลูกสาว ไม่เคยคิดจะซื้ออะไรให้ผมบ้างเลย”
“คุณก็ไม่ได้ต้องการของเล่นเสียหน่อย ฉันจะซื้ออะไรให้คุณได้? ปลอกคอหมาเหรอ? เอาให้คุณใส่ วันหลังเวลาจะไปไหนฉันจะได้จูงคุณ ดูซิว่ายังจะหึงอยู่ไหม!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดหยอกล้อ
คอยดูเขากินรังแตน
แต่อวี๋เยว่หานกลับเหลือบมองเธออย่างเยือกเย็นและพูดเสียงเรียบๆ “ดีเลย จำไว้ว่าซื้อมาเป็นคู่ด้วยนะ ผมจะให้คุณใส่ด้วย ไปไหนก็จูง จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกไป ยังไงซะคุณก็ยังเด็กและยังไร้เดียงสาเกินไป”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอมักจะรู้สึกว่าที่เขาอยากพูดไม่ใช่คำว่าไร้เดียงสา แต่เป็นคำว่าโง่!
ถุยถุยถุย!
เทพธิดาอย่างฉันไม่ได้โง่เสียหน่อย!
เหนียนเสี่ยวมู่มือยื่นไปตบไหล่เขา “เอาจริงๆนะ ฉันไม่ได้ซื้อกล้องสลับลายอันนี้เป็นของเล่นให้เสี่ยวลิ่วลิ่ว!”
อวี๋เยว่หาน “ถ้าคุณจะบอกว่าซื้อให้ผมเล่น ความจริงผมก็ไม่ซีเรียส”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
จะคุยกันดีๆ ได้ไหม?
“ฉันเจอมันบนหัวเตียงของถานเปิงเปิง รู้สึกว่ามันแปลกๆก็เลยตั้งใจเอามันมาให้คุณลองดูหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาอวี๋เยว่หานก็เป็นประกายดำขลับ
สายตาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
จูงมือเธอกลับไปที่ห้องนั่งเล่นและทำท่าให้เธอพูดต่อ
“ฉันมักจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆอยู่ในบ้านประจำตระกูลถาน คุณคิดดูสิ เราเพิ่งเคยไปบ้านตระกูลถานก็มีคนคิดจะสั่งสอนฉันแล้ว นั่นก็หมายความว่าบ้านประจำตระกูลถานอาจจะมีคนคอยจับตาดูอยู่!”
นี่เหมือนกับที่อวี๋เยว่หานเดาไว้ตั้งแต่แรก
อย่างงั้นคำถามที่ตามมาก็คือ
บ้านประจำตระกูลถานมีอะไรกันแน่ คนที่อยู่เบื้องหลังถึงได้ส่งคนไปจับตาดูอย่างไม่ย่อท้อ?
ถ้าเพียงเพราะรอคนตระกูลถานกลับมา อย่างงั้นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ใช่คนตระกูลถาน แล้วอีกฝ่ายทำไมต้องลงมือกับเธอด้วย?
ตอนที่ 890 ดาวนำโชค
เธอเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนตระกูลถาน ก็คงเป็นเพราะการปรากฏตัวของเธอได้ไปคุกคามอะไรเข้าแล้ว!
“ฉันสงสัยมาตลอดว่าบ้านประจำตระกูลถานมีอะไรกันแน่ ฉันจำได้ว่าถานเปิงเปิงเคยบอกว่าเธอได้ทิ้งของเอาไว้ให้ฉัน แต่วันนี้ฉันพลิกอพาร์ตเมนต์ของเธอหาไปรอบนึงแล้วกลับไม่พบอะไรเลย ถ้าฉันเดาไม่ผิด ของน่าจะอยู่ที่บ้านประจำตระกูลถาน ส่วนกล้องสลับลายอันนี้ก็คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราเข้าไปในบ้านประจำตระกูลถานได้!”
เหนียนเสี่ยวมู่ชูกล้องสลับลายที่อยู่ในมือ
เอาตัวเลขที่เธอเห็นในกล้องสลับลายที่คัดลอกเสร็จแล้วมากางไว้บนโซฟา
วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขยี่สิบสี่ตัวนี้ต่อ
อวี๋เยว่หานเหลือบมองตัวเลขที่เธอคัดลอก ดวงตาเป็นประกายแต่ก็ยังไม่รีบด่วนสรุป เขาหยิบกล้องสลับลายขึ้นมาสำรวจดูอีกครั้ง
ในห้องนั่งเล่นเปลี่ยนเป็นเงียบสงบ
คราวนี้บรรยากาศกลับแตกต่างออกไป
อวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ตั้งอกตั้งใจอย่างมาก
โดยเฉพาะตอนที่อวี๋เยว่หานพบลายตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในกล้องสลับลาย เขาสูดหายใจอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่าเขาก็เหมือนเหนียนเสี่ยวมู่ที่ไม่คิดว่านี่เป็นเพียงแบบทดสอบตาบอดสีธรรมดาทั่วไป
งานฝีมือและการสร้างสรรค์กล้องสลับลายนี้ รวมไปถึงรูปแบบลวดลายที่ปรากฏในปริซึมสามเหลี่ยมที่อยู่ข้างในนั้นล้วนต่างจากกล้องสลับลายธรรมดาทั่วไป
“กล้องสลับลายนี้สั่งคนทำโดยเฉพาะ” อวี๋เยว่หานพูดขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินเสียงของเขา เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าขึ้นจากกองตัวเลข
กะพริบตาปริบๆพร้อมกับพูดด้วยความหงุดหงิด
“แต่ว่าตัวเลขยี่สิบสี่ตัวนี้ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย ฉันจำได้ว่าประตูใหญ่ของบ้านประจำตระกูลถานเหมือนจะมีรหัสผ่านกลอนประตูแค่หกตัว แต่ในกล้องสลับลายกลับมียี่สิบสี่ตัวซึ่งมากกว่าสี่เท่า หรือเราจะคิดผิดแล้ว?”
“ไหนผมดูซิ” อวี๋เยว่หานหยิบเอากระดาษที่เธอคัดลอกตัวเลขมาดู
เริ่มคิดคำนวณถึงความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขยี่สิบสี่ตัวนี้อยู่ในหัว
เช่นเดียวกับเหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเลขกลุ่มนี้ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตัวเลขกลุ่มนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เป็นเพียงเลขยี่สิบสี่ตัวที่สุ่มมา
แต่อย่างนี้พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ารหัสผ่านคืออะไรกันแน่?
“มันจะเกี่ยวกับลวดลายที่ก่อตัวกันเป็นตัวเลขได้ไหม?” เหนียนเสี่ยวมู่หยิบกล้องสลับลายขึ้นมาอีกครั้งและศึกษาลวดลายที่อยู่ในกล้องสลับลาย
พอศึกษาได้สักพักก็ไม่พบอะไรเลย
นั่งบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด
เธอบ่นอย่างกลัดกลุ้ม “อวี๋เยว่หาน ทำยังไงดีฉันเริ่มสงสัยในไอคิวของตัวเองซะแล้ว? จะต้องเป็นเพราะอยู่กับคุณมากเกินไปถึงได้โง่ขึ้น”
อวี๋เยว่หาน “…”
เขาไม่ยอมรับปัญหาข้อนี้
“ฉันจะไปดูเสี่ยวลิ่วลิ่วสักหน่อยว่าเตะผ้าห่มหรือเปล่า คุณก็รีบๆคิดให้ออกล่ะ ถ้าคิดไม่ออก คืนนี้ฉันต้องนอนไม่หลับแน่ๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะไปที่ห้องนอนเด็ก แต่พอลุกจากโซฟาก็ได้ยินเสียง “แกรก” มาจากห้องนอนเด็กโดยเปิดมาจากข้างใน
เสี่ยวลิ่วลิ่วกอดตุ๊กตาลูกหมูเดินออกมาด้วยหน้าตางัวเงีย
เธอพุ่งตัวมาอยู่ในอ้อมกอดเหนียนเสี่ยวมู่ ส่งเสียงออดอ้อน
“หม่าม้า ฉี่ฉี่~”
เจ้าก้อนข้าวเหนียวน้อยตื่นเพราะอยากฉี่
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะอุ้มเธอไปเข้าห้องน้ำ ก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่ววางตุ๊กตาลูกหมูไว้บนโซฟา มืออวบอ้วนคว้ากระดาษที่อยู่ข้างๆ มาพันรอบคอตุ๊กตาลูกหมู
ปากเล็กๆ ยังคงพึมพำกับลูกหมูว่า “ห่มผ้ารอเสี่ยวลิ่วลิ่วนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้!”
ในเวลาเดียวกันอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ก็จ้องไปยังกระดาษที่เสี่ยวลิ่วลิ่วใช้พันคอตุ๊กตาลูกหมู ทั้งสองตาสว่างขึ้นมาทันที!
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ผมรู้แล้ว!”
“ฉันรู้แล้ว!”