เมื่อเห็น อันหวน มองผู้ชายคนอื่นด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ดวงตาของ ซ่ง เจียหนาน ก็ขยายกว้างแล้วถามว่า “อันหวน ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคืออะไร”
“เขาคือแฟนในอนาคตของฉัน!”
เนื่องจากเสี่ยวหลัวไม่กลัว ซ่ง เจียหนาน เธอจึงไม่มีอะไรต้องกังวล นอกจากนี้เธอก็กำลังพูดความจริง ถ้าก่อนหน้านี้มีคนพูดว่าเธอพูดล้อเล่นตอนที่เธอบอกว่า เสี่ยวหลัว เป็นแฟนของเธอ แต่ตอนนี้เธอจริงจังมากและมันไม่ใช่อะไรอื่นเลยเพราะ เสี่ยวหลัว นั้นกล้าท้าทาย ซ่ง เจียหนาน เพื่อเธอ
เสี่ยวหลัวขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินตำพูดของ อันหวน เขารู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังมีปัญหาใหญ่เข้ามาแล้ว
แน่นอนว่าตอนนี้ดวงตาของ ซ่ง เจียหนาน นั้นแดงก่ำ เต็มไปด้วยความโกรธราวกับวัวคลั่ง เขากำมือแน่นและจ้องมองไปเสี่ยวหลัว
ในเวลานี้อากาศดูเหมือนจะแข็งตัว!
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค ที่อยู่ข้างๆตัวสั่น ในความคิดของพวกเขา พวกเขาได้จินตนาการถึงภาพของ ซ่ง เจียหนาน บดขยี้พวกเขาเป็นราวกับก้อนโคลน
“อะแฮ่ม… โปรดใส่ใจกับระเบียบวินัยในห้องเรียน อย่าคุยกันในห้องเรียน แม้ว่าตอนนี้พวกเธอจะเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่พวกเธอก็ยังคงเป็นนักศึกษาอยู่ พวกเธอควรให้ความสำคัญกับการศึกษา ถ้าพวกเธอไม่ทำ พวกเธอก็ออกไปจากห้องเรียนซะ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดเลยก็คือนักศึกษาที่รบกวนวินัยในห้องเรียนของฉัน! ” อาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษกระแอ้มไอและหันไปมองยังทิศทางของพวก ซ่ง เจียหนาน
คำพูดนี้เห็นได้ชัดเลยว่า กล่าวถึง ซ่ง เจียหนาน และแก๊งของเขา!
ซ่ง เจียหนาน ผู้ซึ่งกำลังจะลุกไปหาเสี่ยวหลัว ขบฟันของเขาหายใจเข้าลึก แล้วอดกลั้นอารมณ์ของเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่หยิ่งเพียงใด เขาก็ต้องมีความเกรงใจต่ออาจารย์ของมหาลัย การลงโทษทางวินัยของมหาลัยนั้นจะถูกเขียนลงในโปรไฟล์ของเขาโดยตรง ซึ่งมันไม่สามารถที่จะลบได้ และมันจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคตของเขา
ด้วยใบหน้าที่อึมครึมเขายกนิ้วโป้งให้กับเสี่ยวหลัว“นายมีความกล้ามากที่ฉกสาวของฉันไป ขอชื่นชม!”
“ฉันต้องขอบอกก่อนเลยว่า ฉันไม่ได้ปล้นแฟนสาวของใคร และฉันก็เกลียดคนที่ปล้นแฟนสาวของคนอื่นมากที่สุด!”
เสี่ยวหลัวพูดอย่างเย็นชา “นายอย่าลืมสิ ฉันเป็นผู้ชายและฉันก็ไม่ใช่ขันทีที่จะไม่มีความกล้า!”
“ฮ่าฮ่า … นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่มีคนกล้าที่จะพูดกับฉันแบบนี้ในหัวเย่ รออีกไม่นานหรอกนายจะเป็นคนที่ร้องขอชีวิตกับฉัน” ซ่ง เจียหนาน โกรธเคืองมาก
“เจ้าหมาน้อย รอให้บอสไปทำลายแกก่อนเถอะ!” ถัง หยู่เจ๋อ หันหน้าไปมอง แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง
แม้แต่นักบุญก็บ้าได้ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวหลัวที่สร้างขึ้นมาจากเลือดและเนื้อ
การที่ถูกเรียกว่า หมาน้อย โดยผู้ชายที่ปากที่เต็มไปด้วยความอุจาระเช่นนี้ มันทำให้เขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา
ดวงตาของเขาจ้องตรงไปที่ ถัง อยู่เจ๋อ: “ไหน แกลองว่าฉันมาอีกสักทีสิ!”
เมื่อสบตากับเสี่ยวหลัว ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวันก่อนบนดาดฟ้าของหอพัก เขาถูกชายผู้นี้ครอบงำเขาร่างกายทั้งหมดของเขาโดยที่เขาไม่แม้แต่ที่จะทำอะไรได้ แต่เมื่อเขาคิดอีกครั้งเจ้านายของเขาก็อยู่ข้างๆ ทำไมเขาจะต้องกลัวอีก?
เขามองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างดุเดือด: “ไอลูกสุนัข แกจะทำอะไรฉันได้ แกมีความสามารถที่จะทุบตีฉันต่อหน้าอาจารย์งั้นเหรอ แกกล้าไหมหละ?”
เสี่ยวหลัวฉีกยิ้ม วินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
“ปลั๊ค ~”
โต๊ะที่อยู่ข้างหน้าเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรงภายใต้แรงของเขาที่ลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน
ถัง หยู่เจ๋อ ไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ คอของเขาถูกมือขวาของ เสี่ยวหลัว คว้าจับเอาไว้ จากนั้นพลังที่บ้าคลั่งและรุนแรง ก็ถูกส่งออกมาจากมือของเสี่ยวหลัว ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน จากนั้นร่างของเขาก็บินออกไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ไปยังทางเดินระหว่างกลางห้องเรียน
ปัง! ตัวของเขาลอยไปตกลงที่พื้นพร้อมกับสี่ขาของเขาที่ชี้ขึ้นไปทางท้องฟ้าโดยที่หลังของเขาทำมุม 90 องศา ตรงบันไดหินโดยบังเอิญ ถัง หยู่เจ๋อ กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเหมือนหมูที่กำลังจะถูกเชือด
เสี่ยวหลัวราวกับเสือเขากระโดดลงมาจากที่นั่งของเขา ก้มตัวลงและลากหยู่เจ๋อขึ้นมาจากพื้นด้วยมือเดียวและลากร่างที่ราวกับสุนัขที่ตายแล้วเพื่อที่จะออกไปข้างนอกห้องเรียน
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวเอกอังกฤษทั้งชั้นเท่านั้นที่รู้สึกโง่งม แม้แต่ ซ่ง เจียหนาน ก็ตกตะลึงใครจะนึกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เขายิ้มออกมาราวกับไม่มีอะไร แต่เวลาต่อมาเขากลับเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เสี่ยวหลัวนายทำอะไร?”
ฮวาง รั่วหราน เป็นคนแรกที่ตอบสนองเธอลุกขึ้นยืนแล้วถามเขา
อาจารย์กระพริบตาปริบๆก่อนที่จะได้สติขึ้นมา “เสี่ยวหลัวเธอ … เธอ … ”
เธอแปลกใจมากเธอสอนมาเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยพบนักศึกษาคนไหน ที่กล้าทำขนาดนี้ต่อหน้าอาจาย์ ไม่สนใจวินัยและทำพฤติกรรมที่ชั่วร้ายอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อน
“อาจารย์ นี่ไม่เกี่ยวกับผมเลยนะ เป็นเขาเองต่างหากที่ขอให้ผมทุบตีเขา คำขอดังกล่าวอาจดูเหมือนไร้สาระและแปลกประหลาด แต่เขาพูดมันออกมาจริงๆ หากอาจารย์ไม่เชื่อ อาจารย์สามารถถามเพื่อนร่วมชั้นของเรา จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค ต่างก็เป็นพยานได้ ” เสี่ยวหลัว กล่าวอย่างจริงจัง
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค ราวกับเป็นคนโง่งมโดยสมบูรณ์สมองของพวกเขาตอนนี้นั้นว่างเปล่าไปหมด
แต่เมื่อเสี่ยวหลัวขอให้พวกเขาเป็นพยาน พวกเขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพยักหน้า “อาจารย์ พี่หลัว … โอ้ไม่สิ สิ่งที่เสี่ยวหลัวพูดนั้นเป็นความจริง” เขาชี้ไปที่ ถัง หยู่เจ๋อ “เขาเพิ่งก่นด่า เสี่ยวหลัว ว่าเป็นสุนัขพร้อมกับท้าทาย เสี่ยวหลัว พวกผมได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจน”
“ผมก็ได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน เขาทำตามคำขอเช่นนี้จริงๆ” เติ้งไค พูดอย่างกระวนกระวายใจ
ถัง อยู่เจ๋อ อยากจะร้องไห้และอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้ขออะไร พวกเขาโกหก!”
“นายไม่ได้ขออะไรจริงๆงั้นเหรอ?”
เสี่ยวหลัวคว้าเขา แล้วยกตัวของเขาขึ้นและตบไปที่หน้าของเขาพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เฉยเมย “ฉันจะให้โอกาสนายพูดอีกครั้ง นายขอให้ฉันทุบตีนายไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ!”
ถัง หยู่เจ๋อ ตกตะลึงใบหน้าเขาราวกับถูกเผาไหม้ด้วยความเจ็บปวด เขามองไปที่ ซ่ง เจียหนาน หลังจากหยุดคิดไปชั่วครู่ เขาก็รู้สึกโกรธมากจากความอับอายที่ถูกกระทำและปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: “ไม่!”
“จริงเหรอ?” เสี่ยวหลัวยิ้มอย่างเย็นชา
“ปัง ปัง ~”
เสี่ยวหลัวเหยียบไปที่หัวเข่าของ ถัง หยู่เจ๋อ มันทำให้หัวเข่าของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
“นายไม่ได้บอกว่า ขอให้ฉันทุบตีนายงั้นเหรอ” เสี่ยวหลัว ถามอีกครั้งด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม
ไร้ความปรานี!
มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวหลัว แต่มันกลับตรงกันข้ามที่เขาปฏิบัติ!
ถัง หยู่เจ๋อ ตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับลูกแกะเห็นหมาป่า เขาหันไปหา ซ่ง เจียหนาน เพื่อขอความช่วยเหลือขณะที่เขาตอบออกไปอย่างสะอึกสะอื้นว่า“ใช่…”
เสี่ยวหลัวยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขามองไปที่อาจารย์แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“อาจารย์ได้ยินคำพูดของเขาแล้วใช่ไหม ผมบอกอาจารย์แล้วว่าเขาขอให้ผมทุบตีเขา”
อาจารย์ภาษาอังกฤษตกตะลึง
เหล่าหญิงสาวในคลาสเรียนภาษาอังกฤษระดับมืออาชีพ ต่างก็รู้สึกงุนงง เมื่อพวกเธอจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวเหมือนกับว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว ทำไมดูเหมือนราวกับมีคนสารภาพข้อเท็จจริงภายใต้การที่ถูกทรมาน? นอกจากนี้ถึงแม้ว่า ถัง หยู่เจ๋อ จะขอให้ทำเช่นนั้นจริงๆ แต่เสี่ยวหลัวมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้งั้นเหรอ?
“เสี่ยวหลัวหยุดได้แล้ว!”
ฮวาง รั่วหราน ตะโกนใส่เขา“ปล่อยเขาไปได้แล้ว! อย่าทำในสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้”
ชูเยว่ก็ยืนขึ้นราวกับเธอเป็นผู้ส่งสารของพระเจ้าและกล่าวว่า “เฮ้ ตั้งแต่ที่นายมาชั้นเรียนของเรา มันก็ไม่เคยสงบเลยสักวัน”
“ใช่แล้ว เสี่ยวหลัว การต่อสู้ในโรงเรียนเป็นการละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง หากไม่ร้ายแรงคุณจะได้รับการตักเตือนและการลงโทษ ถ้ามันไปไกลกว่านั้น คุณอาจถูกบังคับให้ออกจากมหาลัย อย่าทำสิ่งที่โง่เขลาเลย”ไป่หลิง พูดพร้อมกับขมวดคิ้วของเธอ