คำพูดนี้ถือว่าไม่ผิดเพี้ยนไปจริงๆ เธอย่นคิ้วหากัน อย่างประหลาดใจ “งั้นตอนนี้คุณคิดออกหรือยังว่าเขาจะไปที่ได้บ้าง?”
“ไม่มีเลย…” เขาตอบตรงตามความเป็นจริง พลันใช้สายตาจ้องมองเธอ จากนั้นก็พูดอย่างสุขุม “แต่ มีโทรศัพท์ของคนคนหนึ่งที่เขาต้องรับสายแน่….”
สายตาที่จ้องมองมานั้นบอกทุกอย่างจนชัดเจน เชอร์รีนตะลึงอยู่สักพัก และเหลือบมองเขา “ถ้าเขาไม่รับสายล่ะ?”
เขากระตุกมุมปาก ข้อนิ้วของเขาเคาะลงบนพวงมาลัยเล็กน้อย พลันย้อนแย้งถามทันที “ถ้า เขารับล่ะ?”
เมื่อคิดอยู่สักพัก เธอก็พูดออกไป “ถ้ามันผิดพลาดไปล่ะ งั้น คุณก็แพ้แล้วงั้นสิ?”
คำตอบของเธอทำให้เขาพอใจมาก หัวคิ้วอันโก่งงามเลิกขึ้น ความมั่นใจที่มีเพียบพร้อมมาติดตัวและความจองหองที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง “คุณครูเชอร์รีนรู้สึกว่าผมจะแพ้งั้นเหรอ?”
“ทำไมจะไม่แพ้ล่ะ?” เธอบ่ยพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ และรู้สึกว่าท่าทางของเขาในเวลานี้กลับขัดหูขัดตา
“ตามที่คุณจะจัดการเลย…” เขายิ้มเล็กน้อย และยักไหล่ พร้อมทั้งทั้งตัวสง่างาม “ถ้าฉันแพ้ล่ะ”
นี่ถือว่าเป็นความพอใจ เชอร์รีนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อหน้าเธอ และกดโทรออกทันที
จากนั้น ชั่วครู่ โทรศัพท์ก็โทรติด
เงียบอยู่นาน และไม่มีเสียงตอบรับสักนิด เชอร์รีนได้ยินเสียงลมหายใจอย่างชัดเจน กระทั่งเสียงโปรยปรายของหิมะ
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เขากดรับจริงๆ …
พลันใช้สายตากวาดตามองผู้ชายที่อยู่ด้านข้างที่ใบหน้าด้านข้างยังยิ้มออกมาเล็กน้อยจนเห็นอย่างชัดเจน เธอกัดฟันเล็กน้อย
แต่ว่า พลันใช้น้ำเสียงพูดกับโทรศัพท์อย่าวระมัดระวัง “เลอแปง? นายอยู่ที่ไหนเหรอ? ตอนนี้ให้ครูไปหา ได้ไหม?”
เดิมคิดว่าเขาจะยังคงไม่พูด แต่ไม่คิดว่าเขายอมรับแล้ว
ก็แค่ เขาเสนอเงื่อนไขมาว่า ให้เธอไปหาแค่คนเดียว…
ใกล้กลางทะเลสาบที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน เชอร์รีนก็เห็นเลอแปงนั่งอยู่บนเก้าม้านั่งตัวยาว
เหมือนว่านั่งอยู่สักพักแล้ว เพราะว่าบนตัวของเขานั้นกลับมีหิมะติดอยู่บนตัวอยู่ชั้นหนึ่ง และนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“เลอแปง…” เชอร์รีนเดินเข้ามาใกล้ๆ และค่อยๆ เรียก
เลอแปงเงยหน้าขึ้น พลันลุกขึ้น และเดินสาวเท้าก้าวมาใกล้เธอ จากนั้น ก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น เพราะเขาดึงตัวเธอเข้ามากอดในอ้อมอก อย่างเต็มแรง
ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เธอตะลึงอยู่ชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้แล้ว ก็จัดการผลักร่างกายเด็กหนุ่มออก แต่แววตากลับมองไปยังด้านหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก…
มีคนยืนอยู่ตรงนั้น…
แม้ว่าจะเป็นเด็กหนุ่ม แต่ก็สูงกว่าเธอเกินฝ่ามือ พละกำลังก็ไม่สามารถขัดขืนได้
“เลอแปงปล่อยครูเถอะ ได้ไหม?”
เชอร์รีนยอมหยุดอาการขัดขืน พลันถอนหายใจเบาๆ และยื่นมือออกไป เพื่อปัดหิมะที่อยู่บนตัวของเลอแปงออกไป
ใบหน้าที่เย็นเฉียบจนแข็งทื่อซุกอยู่บริเวณซอกคออันร้อนผ่าวของเธอ น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแหบพร่า “คุณครูเชอร์รีนมาคนเดียวใช่ไหม?”
จนเริ่มกระวนกระวายใจ และยังรู้สึกผิด เธอยังคงพยักหน้าเอาไว้
ในที่สุดก็ยอมปล่อย เลอแปงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว บนตัวมีเพียงชุดนักเรียนที่บางเฉียบ
เขาเงยหน้าขึ้น และกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น พลันควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้ “คุณครูเชอร์รีนไปรู้จักกับพี่ชายผมตอนไหนเหรอ?”
เชอร์รีนนั่งลงด้านข้างเธอ และพูดไปตามความเป็นจริง “งานฉลองงานแต่งงานของเพื่อนอะ”
“งั้น ก่อนหน้าที่จะมาเป็นครูสอนติวเตอร์ให้ผม ก็รู้จักกันแล้วนะสิ?”
เธอพยักหน้า
เลอแปงมองหิมะที่โปรยปรายลงบนผิวทะเลสาปอันสงบนิ่ง จากนั้นก็หายวับไปเลย “ทำไมพวกคุณถึงแต่งงานกัน?”
ถ้าเป็นไปตามที่เขารู้ พี่ใหญ่ไม่ใช่คนที่จะแต่งงานกับคนเขาไปทั่ว อีกอย่าง ในใจของเขายังมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในนั้น…
“ครูท้องกับเขา ได้เดือนหนึ่งแล้ว….” เรื่องพวกนี้ เธอไม่คิดจะปิดบังเขาเลย
มือที่อยู่ด้านข้างพลันกำหมัดไว้แน่น กลิ่นอายของเด็กหนุ่มพลันเดือดพุ่งทันที ดวงตาแดงก่ำ “แล้วทำไมพวกคุณถึงนอนด้วยกัน?”
สีหน้าของ เชอร์รีนเริ่มแดงเล็กน้อย แต่ยังคงพูดต่อ “มันก็แค่เป็นเรื่องผิดพลาดเท่านั้นเอง ในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานนั้น เขาดื่มหนักไปหน่อย เลยเข้าห้องผิด ส่วนฉันก็เมาหนัก”
ท้องฟ้าช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน แต่เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง แก้มของเธอแข็งจนเริ่มเขียวบ้างแล้ว มือก็เย็นเฉียบจนไร้ความรู้สึก และกำลังถูมือไปมา
เมื่อใส่ใจพฤติกรรมที่เธอแสดงออกมา เลอแปงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับเก็บงำความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ พลันถอดถุงมือออก แล้วดึงมือเธอไป และค่อยๆ ใส่ให้ทันที
เธอตกใจทันที อยากจะเอาออก แต่ไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ เพราะเขาจับไว้แน่นหนามาก
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างกายอันเหยียดยาวของออกัสนอนเอนกายตะแคงอยู่บนเสา พร้อมทั้งต้องมองการกระทำของตนสองคน นัยน์ตาเคร่งขรึมซึ่งไม่สามารถแยกแยะกับค่ำคืนเดือนมืดได้
ในเวลาเดียวกัน เนื้อหาที่คนสองคนกำลังคุยกันนั้น มันดังเข้าโสตประสาทหูทุกคำ
ดวงตาสว่างไสวพลันมองมาที่มือของคนสองคน เขาฉีกยิ้มอย่างเยาะเย้ยเล็กน้อย
ส่วนถุงมือคู่นี้นั้น เป็นถุงมือที่เธอถักเอง แถมเขายังใส่อยู่ตลอดเวลา…
มีของบางอย่าง จนค่อยๆ เห็น จากนั้นก็ปรากฏอยู่ในใจของเชอร์รีน จะไม่สามารถเพิกเฉยได้
“พี่ชายของผมขอคุณแต่งงานแล้วใช่ไหม?” ตอนที่ใส่ถุงมือนั้น เขายังป้อนคำถามอยู่
“ใช่”
“เหตุผลคือ?”
“เขาไม่ได้พูด ฉันก็ไม่ได้ถาม” เวลานี้เธอรู้สึกว่าฝ่ามือของเด็กหนุ่มร้อนดั่งไฟเช่นนี้ แต่บนตัวของเขากลับใส่เสื้อผ้าบางๆ
เลอแปงปล่อยมือออก พลันใช้สายตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ทำไมคุณถึงตอบตกลงล่ะ?”
“อยากให้ลูกมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ มีแด๊ดดี้ หม่ามี้ จึงตอบตกลงทันที”
แววตาถูกข่มเหงของเด็กหนุ่ม จนทำให้เธอหวาดหวั่นเล็กน้อย
“คุณไม่ได้รักพี่ชายของผม ใช่ไหม?” ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนท่าทางไปอย่างฉับพลัน หัวใจที่อึดอัดมาทั้งวัน จนแสดงอาการร่าเริงออกมา
เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ตอบกลับมาอย่างคลุมเครือ “เรื่องความรู้สึกใครก็ยากจะชี้ชัดได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือว่าอนาคตก็ตาม แต่ว่า เลอแปงนายอย่าทำแบบนี้ต่อไปเลย เพราะว่าฉันเป็นครูของนาย”
เธอคิดว่าเขาเป็นเด็กหัวแข็งในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ความรู้สึกที่มีต่อครูผู้หญิงก็เลยมึนเมา ลุ่มหลงไปชั่วครู่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะถลำลึกเช่นนี้
เรื่องนี้ เธอประมาทเลินเล่อ จนเกินความคาดหมายไปแล้ว…
“เป็นครูของผมแล้วมันจะยังไง?” เด็กหนุ่มไม่คิดเช่นนั้น
แถมยังไม่ใช่เป็นเพราะว่าความรักถึงมาแต่งงานกัน เช่นนั้นคนสองคนก็คงอยู่ด้วยกันไม่นาน อาหญิงกลับมา พี่ชายใหญ่ของเขาก็…
“เลอแปง ฉันโตกว่านายสี่ปี…”
“ไม่ใช่คำเปรียบเปรยพูดเอาไว้แล้วเหรอ ผู้หญิงโตกว่าสามปี ก็เหมือนการกอดทองแท่งเอาไว้ ผู้หญิงที่โตกว่า 4 ปียิ่งเหมาะสมเข้าไปใหญ่”
เชอร์รีนถอนหายใจออกมาพรวดเดียว อยากให้เขาคำนึงถึงเรื่องอายุเอาไว้ด้วย “เลอแปง ด้วยฐานะของตระกูลสิริไพบูรณ์ นายไม่จำเป็นต้องไปนอนกอดทองแท่งเอาไว้ ยังมี ตอนนี้ฉันเป็นพี่สะใภ้ของนาย…”
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไร กลับยิ้มให้ และกอดเธอซ้ำอีกครั้ง จู่ ๆ ใช้ฝีปากบางๆ จุมพิตลงบนหน้าผากเธออย่าง
ตอนนี้เป็นพี่สะใภ้ แต่การเป็นพี่สะใภ้จะเป็นได้สักกี่น้ำกัน?
เชอร์รีนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ยืนอยู่กับที่ จนเธอตั้งสติได้ และเตรียมจะพูดออกไปนั้น เลอแปงกลับปล่อยเธอ และพูดกับต้นไม้ต้นนั้นแทน “พี่ใหญ่ ออกมาเถอะ…”
ไม่คิดเลยว่า เขารู้ตั้งแต่แรกว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว ดังนั้นถึงได้จงใจทำตัวเช่นนั้นออกมา
และเมื่อคิดถึงคำตอบของตนเองเมื่อครู่ จนเชอร์รีนแสดงอาการเขินอายออกมา และรู้สึกว่าใบหน้าดั่งไฟเผาอยู่
ออกัสปัดหิมะที่หล่นติดอยู่บนตัวออก จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ เสื้อกันหนาวขนแพะแคชเมียร์สีเข้มของเขานั้นยังมีหิมะเกาะอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับความหล่อเหลาและความเป็นผู้ใหญ่สักนิด
แต่ เมื่อเขาใช้สายตากวาดตามามองลงบนตัวของเชอร์รีนนั้น กลับปรากฏให้เห็นความเย็นชาออกมา และอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อันสับสนปะอยู่เงียบๆ
จากนั้น เลอแปงพูดว่ามีคำพูดบางอย่างต้องการพูดเป็นการส่วนตัวกับพี่ชายของตนเอง
ดังนั้น เชอร์รีนเลยหลบทางให้
เธอที่ยืนอยู่ไกลนัก พลันเห็นปากทของคนสองคนขยับไปมา ส่วนเรื่องที่พูดอะไรอยู่นั้น แทบไม่ได้ยินเลย