ตอนที่ 186 เดินไปก้าวหนึ่ง ดูไปก้าวหนึ่ง / ตอนที่ 187 ขัดแย้ง

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 186 เดินไปก้าวหนึ่ง ดูไปก้าวหนึ่ง

 

 

สีหน้าชุยหังมืดดำลงในทันใด ก่อนจะตอบกลับไป [อันนี้ไม่ต้องพูดแล้ว แน่จริงนายก็พูดกับพวกเวินเผิงให้ได้ก่อนเถอะ]

 

 

[พูดก็พูดสิ ยังไงซะฉันอยู่ข้างบน ฉันจะกลัวอะไร] คำตอบของหลูจื้อทำให้ชุยหังหมดอาลัยตายอยากแล้ว

 

 

[พอเถอะ พี่ใหญ่ นายเป็นพี่ใหญ่ ฉันผิดไปแล้ว ฉันกากเอง ฉันไม่พูดแล้วยังไม่โอเคอีกหรือไง] ชุยหังรีบขอให้ยกโทษให้ทันที

 

 

แต่หลูจื้อกลับเอาจริง เขาส่งข้อความมาอีกว่า [เอางี้ฉันบอกพวกเวินเผิง นายบอกคนในห้องพักของพวกนาย เป็นยังไง]

 

 

[ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด] ชุยหังตอบกลับด้วยความเด็ดเดี่ยว

 

 

[ฉันก็ไม่ได้ตัดสินใจจะบอกหรอก เห็นนายตกใจซะขนาดนั้น]

 

 

[แกล้งฉัน?] ชุยหังส่งสองคำนี้ออกไป

 

 

เหมือนวันนี้หลูจื้อจะเอ็นจอยมากทีเดียว มาพูดคุยเล่นกับชุยหังได้อยู่เรื่อยๆ [เปล่า อยากเรียกร้องให้นายสนใจต่างหาก]

 

 

[ไม่ต้องเรียกร้อง คนก็เป็นของนายไปแล้ว]

 

 

[ไม่ได้ ยังต้องเรียกร้องความสนใจอยู่ ถ้าหากหนีไปกับคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง] หลูจื้อตอบกลับมา

 

 

ชุยหังตอบกลับไป [ไม่ได้หรอก ฉันขาสั้น]

 

 

[ไม่เป็นไร ถ้าหนีไป ฉันทำให้นายขาสั้นลงได้]

 

 

[นายเป็นพวกชอบความรุนแรงเหรอ] ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อตอบกลับ [ชอบ เดี๋ยวต่อไปนายก็จะค่อยๆ รู้เอง]

 

 

[ฉันรู้สึกว่าฉันขึ้นเรือผิดลำ] ชุยหังส่งข้อความเข้าไป

 

 

[อืม ลงไม่ได้แล้ว นายก็อยู่รอบนเรือลำนี้แหละ] หลูจื้อตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

 

ชุยหังครุ่นคิด คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีอะไรที่พูดได้แล้ว

 

 

[นายไปอาบน้ำหรือยัง] หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังตอบกลับเขาไป [ยังหรอก เพิ่งจะกลับมาก็คุยกับพวกเขาสักพัก หลังจากนั้นกลุ่มคนที่ไปเป็นทีมเชียร์ก็กลับมาเลย ตอนนี้ในห้องน้ำมีแต่คนเต็มไปหมด ไม่สะดวก]

 

 

[กลัวพวกเขาเห็นเหรอ] ที่หลูจื้อถามคลุมเครืออยู่ไม่เบา

 

 

แต่ว่าชุยหังก็ยังเข้าใจได้

 

 

[นายว่าไงล่ะ]

 

 

[ฉันถามนาย นายจะมาให้ฉันพูดได้ยังไง] หลูจื้อเป็นฝ่ายคุมเกมชุยหังแล้ว

 

 

ชุยหังทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตอบกลับไป [ไม่ชิน]

 

 

[งั้นที่นายอาบน้ำด้วยกันกับฉัน นายชินไหม] หลูจื้อถามอย่างรวดเร็ว

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ในที่สุดก็ตอบกลับไป [ชินได้อยู่]

 

 

พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข คิดไม่ถึงว่าซ่งไข่จะส่งข้อความมาให้เขา

 

 

เพียงแต่ว่าทั้งสองคนใช้วิธีติดต่อไม่เหมือนกัน หลูจื้อส่งวีแชท ซ่งไข่ส่งเอสเอ็มเอส

 

 

[นายกับหลูจื้อ วันนี้ถึงจะถือว่าคบกันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม]

 

 

ชุยหังคิดดูแล้วจึงตอบกลับไปว่า [อืม ถือว่าใช่มั้ง]

 

 

[รักษาไว้ให้ดีล่ะ หลูจื้อคนนี้ใช้ได้อยู่นะ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะเปลี่ยนใจชายแท้ได้]

 

 

[ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ปาฏิหาริย์มากเลยทีเดียว] ชุยหังเองก็รู้สึกว่าที่ผ่านมานี้เหมือนกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

 

 

พรหมลิขิตนี้ราวกับอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แล้วมีมือใหญ่ๆ มือหนึ่งมาออกแรงผลักตัวเองให้ไปอยู่ข้างกายหลูจื้อ หรือจะว่าออกแรงผลักหลูจื้อมาอยู่ข้างกายตัวเอง

 

 

มาพบเจอกันในช่วงเวลาแบบนั้น แล้วก็เกิดปฏิกิริยาต่อกันอย่างลึกซึ้ง ทำให้จิตใจของหลูจื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น

 

 

[เกี่ยวกับเรื่องอนาคตของพวกนาย นายเคยคิดแล้วหรือยัง ขออภัยที่ฉันถามคำถามนี้ อาจจะทำให้หมดสนุกไปหน่อย] ราวกับว่าในตัวหนังสือของซ่งไข่แสดงความเป็นห่วงถึงอนาคตของชุยหังกับหลูจื้อ

 

 

ชุยหังเองก็รู้ ก่อนหน้านี้ซ่งไข่เคยพูดกับตัวเองเอาไว้ เรื่องที่ครอบครัวของหลูจื้อต้องให้เขาแต่งงานอย่างแน่นอน

 

 

‘เวลานั้นพวกเขาควรจะไปทางไหนดี’

 

 

[เคยคิด แต่อยากไม่เข้าใจ เดิมทีคิดว่าตัวเองวางแผนไว้ดีแล้ว แต่ก็สู้ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไม่ได้อยู่ดี] ชุยหังตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

 

 

เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าเพราะอะไรตัวเองพอจะตรงไปตรงมากับซ่งไข่ได้อย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนในแวดวงนี้เหมือนกัน อีกอย่างซ่งไข่ก็หย่าร้างไปแล้ว คงจะมีประสบการณ์มากกว่าเขาล่ะมั้ง

 

 

[งั้นก็อย่าเพิ่งไปคิดมัน เดินไปก้าวหนึ่ง ดูไปก้าวหนึ่งก็แล้วกัน]

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 187 ขัดแย้ง

 

 

[อืม ทำได้เพียงเท่านี้แล้วครับ] ชุยหังเองก็ไม่มีอะไรจะพูดได้แล้ว

 

 

เขาจะบ่นจะโทษซ่งไข่ไม่ได้ ตัวเองตกเป็นของหลูจื้อแล้ว อีกอย่างในวันเดียวกันนั้นก็ตกเป็นของหลูจื้อไปสามครั้งเรียบร้อยแล้ว คิดจะเปลี่ยนก็อยากเปลี่ยนไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ

 

 

เรื่องพวกนี้ เขาไม่ควรพูดกับซ่งไข่

 

 

หลูจื้อทางนั้นยังคงถามต่อ [อาหารคืนนี้ กินแล้วคงจะสบายท้องอยู่ใช่ไหม]

 

 

[สบาย ดีมากเลย]

 

 

[เอ่อใช่ ของว่างพวกนั้นกินแล้วหรือยัง]

 

 

[อะไรจะเร็วป่านนั้น กลับมายังไม่ทันจะได้กินหรอก]

 

 

[อย่าเก็บไว้กินคนเดียวเองล่ะ แบ่งให้เพื่อนในห้องพักกินด้วยนะ] หลูจื้อใจกว้างมาก

 

 

ชุยหังตอบกลับ [วางใจเถอะ ต่อให้ฉันไม่ให้ พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายมาหยิบเองได้อยู่ดี]

 

 

[งั้นก็โอเค พวกนายนี่ความสัมพันธ์ยังดีกันมากเลยนะ]

 

 

[นั่นก็ดวงฉันดีไง] ชุยหังตอบกลับด้วยท่าทีคุยโว

 

 

ผ่านไปตั้งนาน ซ่งไข่ทางนั้นเพิ่งจะส่งอีกข้อความมาให้เขา [ถ้าครอบครัวของหลูจื้อบังคับให้เขาไปนัดดูตัวอีก นายจะทำยังไง]

 

 

ขณะนั้นชุยหังอารมณ์ไม่สุนทรีย์แล้ว รู้สึกราวกับว่าจู่ๆ ท้องฟ้าที่สดใสก็มีเมฆหมอกหนาขึ้นมาปกคลุมในทันใด

 

 

แต่เขาเองก็รู้ว่านี่คือปัญหาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างแน่นอน ไม่มีทางจะหลีกหนีได้อยู่แล้ว

 

 

เขาตอบกลับ [ดูว่าหลูจื้อเองจะทำยังไงมั้งครับ ถ้าเขาจะต้องแต่งงานแน่ๆ แล้วต้องให้ทายาทกับครอบครัว ผมก็คงถอนตัวไปก่อน]

 

 

[คงยังไม่ต้องหรอกมั้ง ตอนนี้เขาควรจะไม่อยากแต่งงานแล้ว] ซ่งไข่ตอบกลับ

 

 

[นี่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาอยากหรือไม่อยาก มันอยู่ที่ว่าครอบครัวเขาคิดยังไงต่างหาก] ชุยหังเข้าใจดี

 

 

เรื่องพรรค์นี้จะเป็นไปตามอุดมคติเกินไปไม่ได้

 

 

บางเรื่องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางอุดมคติได้ แต่เรื่องของพวกเขาเรื่องนี้จะอาศัยแค่อุดมคติแล้วจะแก้ปัญหาได้

 

 

โดยเฉพาะในประเทศ ตอนนี้มีคนมากมายดูถูกคนกลุ่มนี้ มองตัวเองเป็นเสาปักรังวัดของศีลธรรม รู้สึกว่าถ้าผู้ชายไม่แต่งเมียมีลูก ก็จะใช้ชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ไปครั้งหนึ่ง

 

 

แล้วตอนนี้คนที่สนับสนุนความคิดนี้ โดยเฉพาะพวกมะเร็งชายแท้ (พวกที่คลั่งความเป็นชายแท้ จนเหยียดคนที่มีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนพวกตนไปหมด) พวกนั้น ยิ่งมีจำนวนไม่น้อยทีเดียว

 

 

คนพรรค์นี้ เดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชุยหังมากมายเท่าไหร่ แต่เอะอะพวกเขาก็พูดคำว่า ‘สะอิดสะเอียน’ อย่างนั้นอย่างนี้ คุณธรรมศีลธรรมอยู่เต็มปาก แต่ที่จริงลับหลังนั้นคืออะไร ก็มีเพียงแต่พวกเขาเองเท่านั้นที่รู้

 

 

[บ้านเขาควรจะยังต้องการให้เขาแต่งงานอยู่ดี อย่างน้อยย่าเขาก็มีส่วน เขาผ่านไปไม่ได้หรอก] ซ่งไข่ตอบกลับมา

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบซ่งไข่กลับไปอีก เพราะว่าตอบกลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจะพูดอะไรได้อีกเหรอ

 

 

‘หรือว่าจะให้เขาเชื่อตัวเอง ให้เขามารับมือกับหญิงสูงวัยคนนั้นเหรอ’

 

 

นี่มันเกินความเป็นจริงไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง คนก็อายุปูนนั้นแล้ว จะมารับของสดใหม่โดยเฉพาะของที่ขัดกับแนวคิดอนุรักษ์นิยมของเธอ ต้องยากมากอย่างแน่นอน

 

 

หลูจื้อทางนั้นถามกลับมาอีกประโยค [หลิวเฮ่อคนนั้นไม่ได้มาก่อกวนนายอีกแล้วใช่ไหม]

 

 

ชุยหังตอบกลับว่า [นายบล็อกเขาไปแล้ว เขาจะยังก่อกวนยังไงอีก]

 

 

[เปลี่ยนแอควีแชทได้นะ ตอนนี้คนพวกนี้คิดหาวิธีได้มากทีเดียว] หลูจื้อยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่นัก

 

 

[ไม่หรอก ฉันบล็อกเขาไปสองแอควีแชทแล้ว เขาควรจะมียางอายบ้างแหละ]

 

 

[ทำเรื่องพรรค์นั้นออกมาได้ ยังจะมียางอายอะไรอีก] หลูจื้อตอบกลับอย่างง่ายดายมาก

 

 

ชุยหังก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถึงอย่างไรต่างก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว

 

 

อีกอย่างเขาไม่ถือสาก็ดีแล้ว

 

 

เดิมทีปัญหาที่เขาเป็นห่วง ระหว่างพวกเขา ตอนนี้ไม่ได้เป็นปัญหา

 

 

ถึงแม้ว่าหลูจื้อจะพบแล้วหลิวเฮ่อพยายามจะติดต่อเขา หลูจื้อก็ไม่ได้โกรธ ตรงกันข้ามกลับจัดการอีกฝ่ายได้อย่างองอาจ

 

 

‘ที่เหลือคงจะเป็นปัญหาจากฝั่งหลูจื้อแล้วใช่ไหม’