บทที่ 269 เน่าทีละนิด
กู้ชูหน่วนหลับสบายมาก แต่เย่จิ่งหานข่มตาไม่ลงทั้งคืน

เปลวไฟพลิ้วไหว เย่จิ่งหานมองโฉมหน้าที่หลับสนิทของนาง เข็นรถเข็น ห่มผ้าให้นางดีๆ

อยู่นานเขาก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ผลักประตูใหญ่ ปล่อยให้สายลมหนาวกรอกใบหน้า

“ท่านอ๋อง”

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียต่างคำนับ

วันแต่งงาน พระชายาทิ้งท่านอ๋องแล้วหลับฝันหวานอยู่คนเดียว ทั้งยังไม่ให้ท่านอ๋องนอนเตียงอีก พูดออกไปใครจะเชื่อ?

มือขวาเย่จิ่งหานยกขึ้นเล็กน้อย เป็นการบอกให้พวกเบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนกู้ชูหน่วนนอน

นี่ถึงให้ชิงเฟิงเข็นเขาไปที่ห้องหนังสือ

ในห้องหนังสือ ชิงเฟิงรออยู่อีกทางหนึ่ง เจี่ยงเสวียรายงานเอ่ย “ท่านอ๋อง ฐานะของพระชายาสืบแล้วสืบอีก ยังสืบไม่พบเบาะแสใดเลยพ่ะย่ะค่ะ ฐานะของอี้เฉินเฟยก็เป็นปริศนา มีคนปกปิดอยู่ตลอด ทุกครั้งที่ข้าน้อยสืบได้บางอย่างก็ถูกคนตัดตอนกลางทาง แต่เป็นไปได้มากว่าเกี่ยวข้องกับสำนักอสุราพ่ะย่ะค่ะ”

“สำหรับเจ้าสำนักอสุรา ขณะที่นางชิงมุกมังกรเม็ดที่สี่ก็ถูกจอมมารทำให้บาดเจ็บ ฝืนทนถึงลมหายใจสุดท้ายกระโดดลงหน้าผาหมื่นจั้ง หน้าผานั้นสูงยิ่ง จอมมารให้คนจำนวนมากก็ตามหาเจ้าสำนักอสุราไม่พบ สำนักอสุราก็ส่งคนจำนวนมากไปตามหา แต่ก็ไม่พบร่องรอย”

“ข้าน้อยตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เจ็ดเส้นเอ็นแปดปราณของเจ้าสำนักอสุราล้วนถูกจอมมารกระแทกขาด ห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงก็บอบช้ำหนัก ก่อนหน้านี้ยังเจ็บภายในหนักมากด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งหานฟังเงียบๆ สองมือหมุนขลุ่ยหยกขาวอย่างสง่างาม

เขาแทรกประโยคหนึ่ง “ดังนั้น ก่อนที่เจ้าสำนักอสุราจะพบกับจอมมารก็เจ็บหนักแล้ว?”

“พ่ะย่ะค่ะ เหมือนว่าถูกคนของเผ่าเทียนเฟิ่นทำร้าย รายละเอียดข้าน้อยยังสืบอยู่ ดูเหมือนเจ้าสำนักอสุรากับเผ่าเทียนเฟิ่นจะมีความแค้นต่อกัน ผิวเผินพวกเขาไม่ไปมาหาสู่ ไม่บุกรุกซึ่งกันและกัน แต่จากข่าวล่าสุด พวกเขาต่อสู้ทั้งทางลับทางแจ้งมาหลายปีแล้ว”

“นายท่าน เป็นไปไม่ได้ที่พระชายาจะเกี่ยวข้องกับสำนักอสุรา แต่เล็กจนเติบใหญ่พระชายาไม่เคยออกจากจวนเฉิงเซี่ยงมาก่อน อีกทั้งสำนักอสุรายังไม่รับผู้หญิงภายนอกง่ายๆ การตรวจสอบทั้งหมดของข้าน้อย นอกจากครั้งนั้นที่มีอันตราย สำนักอสุราช่วยไว้หนึ่งครั้ง พระชายาก็ไม่มีความเกี่ยวโยงใดๆ กับสำนักอสุราเลย”

เย่จิ่งหานมองจันทรานอกหน้าต่าง ใบหน้าดำขรึมดูไม่ออกถึงอารมณ์สักนิด

“แต่…มีเรื่องหนึ่ง ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรกล่าวเหรือไม่”

“พูด”

“ท่านอ๋อง มารดาของพระชายาเหมือนจะไม่ได้เสียชีวิตจากโรคซึมเศร้า”

เย่จิ่งหานเกิดความสนใจเล็กน้อย

เห็นว่ามารดาของกู้ชูหน่วนชื่นชมกู้เฉิงเซี่ยง อดีตฮ่องเต้ทนเห็นมารดานางทนทุกข์ความคิดถึงไม่ได้ จึงมีราชโองการสองฉบับ ฉบับแรกคือประทานสมรสให้มารดานางกับบิดานาง

อีกฉบับคือประหารคู่รักตั้งแต่เด็กของบิดานาง

ดังนั้นบิดานางถึงเกลียดชังมารดานาง และทำให้มารดาของนางเป็นโรคซึมเศร้าจนเสียชีวิต

“หลังจากมารดาของพระชายาสิ้นแล้วก็เผาศพ ข้าน้อยเคยตรวจสอบเถ้ากระดูกที่หลงเหลืออยู่ พบว่ากระดูกที่เหลือมีชิ้นหนึ่งมีรูเล็กๆ เป็นหลุมเป็นบ่อ อีกทั้งลักษณะของกระดูกก็อ่อนนุ่มมาก ข้าน้อยเคยให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตรวจสอบ บอกว่ามารดาของพระชายาตอนยังมีชีวิต กระดูกก็เน่าทีละนิดๆ แล้ว รับทุกขเวทนาอย่างยิ่ง”

ดวงตาเย็นชาเย่จิ่งหานควบความเย็นเยียบ

“เจ้าว่าอะไรนะ?”

“เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพบอกว่าอาจเป็นเพราะยามที่มีชีวิตอยู่ มารดาของพระชายาถูกพิษ พิษแทรกซึมเข้าถึงไขกระดูก ทำให้กระดูกถูกกัดกร่อนอย่างหนัก ก่อนมารดาพระชายาจะเสียชีวิต คงเหมือนตายทั้งเป็น ร่างกายเน่าเปื่อยทีละนิดจากข้างในจนถึงแก่ความตายพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งหานบีบขลุ่ยหยกขาวแน่น สายตาเย็นเยือกน่ากลัว

ร่างกายเน่าเปื่อยจากภายใน จนถึงไขกระดูก แม้ไม่ตายในทันที แต่กลับเหมือนตายทั้งเป็นทุกวัน นี่เป็นการตายจากในร่างกาย เน่าเปื่อยทีละนิด

วิธีการตายนี้ มิใช่เฉกเช่นเดียวกับเสด็จแม่ของเขาหรือ?

บท