บทที่ 268 ยังไม่ได้ดื่มสุราเหอจิ้น

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 268 ยังไม่ได้ดื่มสุราเหอจิ้น
“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?” เย่จิ่งหานเอ่ยถาม

“ราชวิทยาลัยจะเปิดงานชุมนุมสวินหลงประเดี๋ยวนี้แล้ว ข้าอยากเข้าร่วม”

“ไม่ได้ งานชุมนุมสวินหลงอันตรายมาก จะแสวงหาได้ของล้ำค่าหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แค่ค่ายกลอสูรร้ายในนั้นก็ยังต้องเป็นผู้ยอดยุทธ์จึงจะต่อกรได้”

กู้ชูหน่วนมองเขาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

เย่จิ่งหานเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่อยากเห็นแววตาของกู้ชูหน่วน เขากลัวตัวเองใจอ่อนรับปากนางอีก

“เจ้าต้องการของสิ่งใด ข้ามอบให้ก็สิ้นเรื่อง มิต้องไปเสี่ยงอันตราย”

“ท่านอ๋อง ท่านไม่เข้าใจ ข้าเข้าร่วมงานงานชุมนุมสวินหลงมิใช่เพื่อแสวงหาของล้ำค่า แต่เพิ่มการฝึกฝนนอกสถานที่กับลูก ท่านคิดดูนะ อุดอู้อยู่ในห้องทั้งวัน อึดอัดแค่ไหน? ผู้ใหญ่ยังต้องคับอกคับใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็ก สูดอากาศอย่างพอเหมาะ ได้รับอากาศบริสุทธิ์บ้างก็ดี”

“…”

“อีกอย่าง ท่านไม่อยากให้ลูกเราเกิดมาก็เก็บเนื้อเก็บตัวเหมือนเย่เฟิงกระมัง? อยากให้ลูกร่าเริง ก็ต้องออกไปเดินให้มากๆ ลูกในท้องก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมเหมือนกัน นี่ข้าจะพาลูกออกไปเพิ่มพูนความรู้”

“…”

เย่จิ่งหานไม่รู้ว่าสมองน้อยๆ ใบนั้นของกู้ชูหน่วนบรรจุอะไรกันแน่ ไยดำจึงกล่าวเป็นขาวได้

การสนทนาไร้ข้อเท็จจริงเช่นนี้ เห็นเขาเป็นเด็กสามขวบหรือ?

“เจ้าอยากพาลูกออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ข้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้าได้ มิจำเป็นต้องไปร่วมงานชุมนุมสวินหลง”

“นี่ท่านไม่รู้เสียแล้ว ไปสถานที่เช่นนั้นถึงรู้สึกจริง ท่านพระปฏิมาองค์นี้อยู่ข้างกายข้า เข้มขรึมไม่แย้มยิ้มยังแล้วไป ยังมีจิตสังหารพวยพุ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำค้างอีก ข้ากลัวลูกโตแล้วจะเหมือนท่าน เป็นเด็กหน้าเย็น”

“เจ้าว่าอะไร?”

“ข้าว่าข้ากลัวลูกจะเหมือนท่าน ต่อไปหาภรรยายาก”

“เช่นนั้นข้าจะชิงเฟิงเจี่ยงเสวียออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า”

“ชิงเฟิงทึ่มทึก โง่จนอย่างกับหมีควาย ท่านอยากให้ลูกชายเราอีกหน่อยเป็นเหมือนเขา? เจี่ยงเสวียยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เอาแต่ทำหน้าเย็นทั้งวัน อย่างกับทุกคนติดหนี้เขาสองร้อยห้าสิบตำลึง ข้ากลัวลูกจะเลียนแบบเขา อัปมงคล!”

“…”

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียที่อยู่นอกประตูทำหน้าเซ็ง

พวกเขาย่ำแย่ขนาดนั้นเหมือนที่พระชายากล่าวหรือ?

พระชายาอยากไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงก็ช่างเถอะ ยังผลักความรับผิดชอบให้อ๋องน้อยจะหน้าไม่อายไปหน่อยกระมัง?

กู้ชูหน่วนดึงมือใหญ่ของเขา กล่าวอ้อน “ท่านอ๋อง ท่านก็รับปากข้าเถอะ ดีไหม? รับรองนะ ข้าจะไม่ทำให้ตัวเองมีอันตราย หากท่านไม่วางใจ ก็ส่งคนมาคุ้มกันห่างๆ ก็ได้ ดีไหม?”

ขนคิ้วเย่จิ่งหานยู่เป็นก้อน

นับแต่อดีตงานชุมนุมสวินหลงมีคนตายไม่น้อย ยามนี้นางเพิ่งเดือนกว่า เป็นช่วงที่ต้องพัก วิ่งพล่านไปทั่วเกิดแท้งจะทำอย่างไร?

“ไม่ได้ รอเจ้าสามเดือนแล้วค่อยออกไปเถอะ”

“ท่านอ๋อง ท่านฟังหมอหลวงเหล่านั้นพูดเพ้อเจ้อให้น้อยๆ หน่อยเถอะ ข้าเองก็เป็นหมอ ข้ารู้สภาพร่างกายตัวเองดีกว่าพวกเขา สามเดือนแรกแม้ว่าออกกำลังเกินไปไม่ได้ แต่จะไม่ออกกำลังก็ไม่ได้ มิเช่นนี้จะแท้งง่ายกว่าเดิม”

ครั้นเห็นสีหน้าเย่จิ่งหานจนใจ กู้ชูหน่วนก็เขยิบถอย “ถ้าท่านไม่วางใจจริง ไม่เช่นนั้นก็ไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงกับข้าเถอะ มีท่านคุ้มครอง ลูกย่อมไม่เกิดเรื่องกระมัง?”

“ก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”

กู้ชูหน่วนผ่อนลมยาวเฮือกหนึ่ง ปล่อยมือเขาออก หาท่วงท่าสบายหลับ ปากก็พึมพำ “ลูกอย่ามาเบียด เจ้าก็หาที่นอนเองเถอะ”

ไม่รอให้เย่จิ่งหานเอื้อนเอ่ย เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของกู้ชูหน่วนก็ดังมา นอนหลับสนิทยิ่งกว่าสุกรตาย

อารมณ์โกรธเย่จิ่งหานปะทุ

นางคนนี้…

ได้ตามประสงค์แล้วก็ทิ้งเขาใช่ไหม?

นี่เป็นคืนแต่งงาน สุราเหอจิ้น*ยังไม่ได้ดื่มเลย

(*สุราที่ให้คู่บ่าวสาวดื่ม การรวมน้ำเต้าสองซีกเข้าด้วยกัน เปรียบดั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่แต่งงานครองคู่เสมือนคนๆเดียวกัน)