“เธอว่าไงนะ ? พี่ชายเธอช่วยหลินจือ?” ซูซีถามพินอิน อย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่ต้องพูดถึงช่วงสามปีที่เทาเท่ใช้ชีวิตแต่งงานกับหลินจือว่าระหว่างนั้นหลินจือถูกละเลยแค่ไหน แค่ตอนที่หย่ากันหลินจือทำให้เทาเท่ต้องเสียหน้า มันก็เพียงพอให้เทาเท่รังเกียจหลินจือได้แล้ว
แล้วเขาจะช่วยหลินจือได้อย่างไร?
ซูซีไม่เชื่อ
“ก็ใช่นะสิ”พินอินร้องไห้ไปก็บอกเล่าความขุ่นเคืองของเธอกับ หลินจือให้ซูซีได้ฟัง
หลังจากที่พูดจบพินอินก็ต่อว่าต่อขานเทาเท่ “เธอคิดเอาว่าพี่ชายฉันทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง เขาหย่ากับหลินจือไปแล้วยังจะมาปกป้องเขาอีก นี่มันหมายความว่ายังไง!”
พินอินสนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นจะทำให้ภรรยาที่ได้รับการยอมรับของเทาเท่อย่างซูซีนั้นจะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแค่ไหน
ซูซีสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็พูดปลอบพินอินและรักษาหน้าตัวเองด้วย “พินอิน พี่เธออาจจะไม่ได้ปกป้องเขาก็ได้”
“เธอลองคิดดู ตอนที่พวกเขาเป็นสามีภรรยากันพี่ชายเธอเคยปกป้องเขาซะที่ไหน ? ”
“พี่ชายเธอเขากำลังปกป้องเธออยู่ หากเขาไม่ตำหนิเธอ ต่อหน้าคนอื่นแบบนั้นก็ดูจะแย่ไหมล่ะ?”
ซูซียังแอบเหน็บพินอินที่ก่อเรื่องขึ้นแล้วยังมาให้เทาเท่ตามล้างตามเช็ดให้อีก จนทำให้เทาเท่กับหลินจือมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน
แต่ถ้าตามสติปัญญาของพินอินแล้วพินอินคงฟังไม่ออกถึงคำพูดที่เหน็บแนมเหล่านี้
เธอเข้าใจที่ซูซีพูดแค่เพียงว่าเทาเท่กำลังปกป้องเธอ แต่เมื่อมาคิดๆดูแล้วมันก็เป็นดั่งว่า
ทันใดนั้นอารมณ์ก็ไม่ได้กลัดกลุ้มอีกต่อไป เธอเปลี่ยนมาพูดเรื่องของหลินจือแทน“ แต่หลินจือก็ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ท่าทีที่เมินเฉยใส่ฉันแบบนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองสูงส่งมากละสิท่า ก็แค่ผู้หญิงที่ยอมปีนป่ายขึ้นเตียงของพี่ชายฉันอย่างไร้ยางอาย”
ซูซีไม่ชอบคำพูดของพินอินเลย เมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เทาเท่กับหลินจือเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน และความสัมพันธ์นั้นของพวกเขาก็กินเวลามานานกว่าสามปี ทันใดนั้นก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
ความสัมพันธ์ของเธอกับเทาเท่ก็ไม่ได้พัฒนาอะไร ตลอดหนึ่งปีจากการหย่าร้างของเทาเท่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอพยายามจะบอกใบ้เขา แต่เทาเท่ไม่มีความคิดที่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันเลย
ก่อนที่จะเลิกกับเทาเท่ ความสัมพันธ์ของเธอกับเทาเท่ก็เป็นไปในแบบที่เรียบง่าย
ในตอนนั้นไม่ใช่ว่าเทาเท่ไม่ต้องการเธอ แต่เพราะเธอถือยศถืออย่างมากเกินไป ไม่อยากจะยกชีวิตตัวเองให้กับเทาเท่ไปเร็วแบบนั้น กลัวว่าหากเขาได้เธอไปแล้วจะไม่เห็นค่าของเธออีก
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเธอที่พยายามดิ้นรนเข้าหาเขาและเป็นเขาที่ไม่ได้ต้องการเธอแล้ว……
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ซูซีก็อดไม่ได้ที่จะกำมือตัวเองแน่น
พินอินยังคงพึมพำกับตัวเอง“ซูซี พี่ฉันลงโทษกักบริเวณฉัน เธอต้องช่วยพูดแทนฉันนะ ไม่งั้นฉันคงได้อึดอัดตายแน่ๆ ”
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะพูดกับเขาให้” ซูซีตอบพอเป็นพิธีกับพินอิน“ฉันยังมีธุระต่อ แค่นี้ก่อนนะ”
หลังจากที่วางสายแล้วซูซีก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำน้ำแกงต่อ ปิดเตาไฟและให้คนไปสืบเรื่องของหลินจือ
*
หลังจากที่หลินจือ ออกจากโรงพยาบาลก็โบกรถแล้วกลับที่พักของตัวเอง ระหว่างที่อยู่บนรถเธอก็ได้รายงานความปลอดภัยให้นานิได้รับทราบ
นานิถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผิวที่ขาวเนียนของเธอ หากทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ฉันได้ไปแหกอกพินอินแน่ๆ ”
นานิก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า“ นี่ถ้าพินอินรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ซูซี ก็ต้องรู้แน่ๆ เธอระวังเขาจะมาลอบกัดเธออีกนะ”
หลินจือยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า“ตอนนี้ฉันไม่ได้ครอบครองเทาเท่ของเขาแล้วนี่ เขาไม่จำเป็นต้องมาหาเรื่องฉันอีกต่อไปแล้ว ”
ในตอนนั้นที่ซูซีส่งใบแจ้งการตั้งครรภ์มาให้เธอ เพื่อประกาศให้รู้ว่าเธอตั้งท้องลูกของเทาเท่
หลินจือคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง บวกกับเทาเท่ที่พูดอย่างไร้เยื่อใยว่าไม่อยากมีลูกกับเธอ เพราะเธอไม่คู่ควร
เธอก็จึงมีความคิดที่จะวางมือกับเรื่องนี้ และการหย่าก็เกิดขึ้นตามมาทีหลัง