บทที่ 27 เธอมีอาชีพที่รุ่งโรจน์และสดใส

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลังจากที่หลินจือไปต่างประเทศก็ได้รู้ข่าวจากนานิ ว่าซูซีไม่ได้ท้อง ใบแจ้งการตั้งครรภ์นั้นซูซีปลอมแปลงมันขึ้นมา จุดประสงค์ก็เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับเทาเท่

หลังจากที่หลินจือรู้แผนการของซูซีก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรซูซี เพราะต่อให้จะไม่มีแผนร้ายของซูซี เธอกับเทาเท่ก็คงไปต่อกันไม่ได้แล้ว

เทาเท่ไม่ได้รักเธอ นี่จึงเป็นสาเหตุหลักของการวางมือจากเรื่องนี้

หลินจือก็ไม่ได้เอาเรื่องที่ซูซีทำนี้ไปบอกเล่ากับเทาเท่ หย่ากันไปแล้วเก็บเอาเรื่องพวกนี้มาพูดก็ไม่มีประโยชน์อะไร

แต่ที่หลินจือ รู้สึกขำก็คือ เทาเท่เอาแต่พูดว่าเธอคิดไม่ซื่อกับเขา ว่าเธอจิตใจสกปรก แล้วหญิงสาวที่เลิศเลอของเขาล่ะดีแค่ไหนกัน ?

เมื่อนานิเห็นเธอเงียบไป อดไม่ได้ที่จะแซวเธอ“ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ครอบครองเทาเท่แล้ว แต่ถ้าหากเทาเท่มาตามรังควานเธอล่ะ?”

หลินจือราวกับได้ฟังเรื่องตลก พูดอย่างระอากับนานิว่า“นี่แม่ดาราดัง เธอแสดงละครมากไปจนสมองฝ่อไปแล้วหรือไง เขาจะมาตามรังควานฉันทำไม?”

หลินจือนึกภาพที่เทาเท่มาตามรังควานเธอไม่ออก เทาเท่เกลียดเธอมากซะขนาดนั้น และด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของเขา จะมาตามรังควานเธอได้ยังไงกัน

อย่าเพราะความเกลียดที่เขามีแล้วมาหาเรื่องเล่นงานเธอก็พอแล้ว อาทิเช่นถ้าเขารู้ว่าละครที่เขาเป็นผู้ลงทุนมีเธอเป็นคนเขียนบท จะเรียกร้องให้เจเทาวน์เปลี่ยนตัวนักเขียนบทเลยหรือเปล่า

นานิหัวเราะและพูดว่า “โอเคๆ ฉันคิดมากไปเอง ”

“เธอตั้งใจถ่ายละครของเธอเถอะ ฉันจะระวังตัวให้ดี” หลินจือ พูดปลอบนานิ

หลินจือรู้ว่านานิกังวลกลัวว่าเธอจะถูกรังแกอีก แต่เธอไม่ใช่หลินจือ คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นวีนาแม่ของเทาเท่หรือ พินอินกับซูซี ตอนนั้นเธอเอาแต่อดทนกับการถูกพวกเขารังแก ทุกอย่างก็เพราะไม่อยากให้เทาเท่ต้องลำบากใจ

วีนากับพินอินใช้คำพูดและการกระทำดูถูกเธอซึ่งๆหน้า ส่วนซูซีก็คอยเสี้ยมอยู่ลับหลัง

ตอนนั้นซูซีก็รู้ทั้งรู้ว่าเทาเท่แต่งงานกับเธอแล้ว แต่ก็ยังชอบสร้างข่าวลือฉันชู้สาวกับเทาเท่ไม่หยุด เห็นชัดว่าไม่เห็นคนเป็นภรรยาอย่างเธออยู่ในสายตาเลย

ตอนนี้เธอไม่ต้องสนใจความรู้สึกของเทาเท่อีกต่อไปแล้ว ก็จึงไม่คิดที่จะอ่อนข้อให้พวกเขาอีก เหมือนวันนี้ที่เธอสาดกาแฟใส่พินอิน

*

ในขณะที่ซูซีกำลังตามสืบเรื่องของหลินจือ เทาเท่ก็ให้คนตามสืบด้วยเช่นกัน และเขาก็ทราบเรื่องแล้วในทันที

ในห้องทำงานของท่านประธานฟอเรนากรุ๊ป เทาเท่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมองดูชื่อคนเขียนบทในเอกสารคิ้วก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย

ฟิลคูล?

ทำไมชื่อนี้ถึงดูคุ้นจัง?

ทันใดนั้นเขาก็หยิบเอกสารที่อยู่ข้างๆขึ้นแล้วเปิดดู ด้านในก็มีชื่อนี้กำกับอยู่

นั้นก็หมายความว่า ผู้เขียนบทละครแนวย้อนยุคที่เขาเพิ่งลงทุนไปกับเจเทาวน์นั้นคนเขียนบทก็คือ……หลินจือ?

เทาเท่ไม่อยากจะเชื่อ

เขานึกถึงคำพูดของเจเทาวน์ในตอนที่แนะนำนักเขียนคนนี้ให้เขาว่าชื่อฟิลคูล เจเทาวน์บอกว่าถึงเธอจะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ แต่เธอมีความสามารถมาก ภาษาสละสลวย ความสามารถในการเรียบเรียงและเล่าเรื่องราวนั้นดึงดูดอารมณ์ผู้ชมได้เป็นอย่างดี

เมื่อเทียบกับคำชมของเจเทาวน์ที่มีต่อหลินจือแล้ว เทาเท่นึกถึงความรู้สึกสามปีของตัวเองที่มีต่อหลินจือมันคือ ไม่พูดไม่จาน่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้นึกถึง

ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถโยงเอานักเขียนที่มีไหวพริบชื่อฟิลคูลคนที่เจเทาวน์พูดถึงกับหลินจือว่าเป็นคนเดียวกันได้

ในความประหลาดใจเขาก็ดูประวัติของหลินจืออย่างจริงจังอีกครั้ง ที่แท้แล้วเธอก็รับจ็อบทำงานเขียนบทมาโดยตลอด เขาในตอนนั้นก็เอาแต่หัวเราะเยาะเธอว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง แล้วยังว่าเธอที่เข้าหาเขาและเข้ามาที่ตระกูลฟอเรนาก็เพราะเห็นแก่ความสบาย ว่าเธอรักหน้าตาในสังคมและปรารถนาทรัพย์สินเงินทอง

และในตอนที่หย่ากันก็ยังหัวเราะเยาะเธอ ว่าเธอไม่มีการติดต่อกับสังคมอื่น หย่ากับเขาไปแล้วก็คงต้องเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ

แต่ตอนนี้เธอมีอาชีพที่รุ่งโรจน์และสดใส แล้วยังได้รับการยกย่องจากเจเทาวน์อีก……