[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 428 : มอบไข่มุกราตรีให้!

“เพ้อเจ้อแล้ว.. ครูรู้มาว่าเธอจับตี้เสี่ยวอู๋โยนขึ้นไปบนแป้นบาสเก็ตบอล แล้วยังจัดการกับสมาชิกแก๊งมังกรเขียวพร้อมกันตั้งสามสิบคน แล้วใหนจะคลิปที่เธอไปทุบสำนักงานรื้อถอนกับบ้านอีกสองหลัง แล้วตอนที่ถูกตำรวจพร้อมอาวุธหลายนายล้อมไว้ เธอก็ไม่มีท่าทางตกอกตกใจเลยนี่ ยังมีเรื่องที่เธอทำให้หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใหนอีก..”

“หลิงหยุน.. เธอเก่งขนาดนี้ยังจะกลัวครูอีกเหรอ?!” กงเสี่ยวลู่ถามยิ้มๆอย่างรู้ทัน

หลิงหยุนถึงกับตาโตด้วยความประหลาดใจอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าครูประจำชั้นจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขามากมายขนาดนี้ จึงได้แต่ถามออกไปอย่างตกใจว่า

“นี่ครูไปฟังเรื่องพวกนี้มาจากใหนกัน?!”

“เอาน่า.. รับรองว่าครูไม่ตีเธอหรอก.. ถ้าครูตีเธอจริงๆ เธอก็จับแขนครูไว้ก็ได้ ครูไม่ว่า..”

กงเสี่ยวลู่พูดได้แค่นั้นก็ก้มหน้าลงต่ำซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตนเองไว้ และเสียงก็ค่อยๆเบาลงจนแทบจะไม่ได้ยิน

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับสอดแขนของตนเองลงไปใต้รักแร้ของกงเสี่ยวลู่ และกอดร่างที่นุ่มนวล และมีกลิ่นหอมไว้ในอ้อมกอดอย่างอบอุ่น

ที่หลิงหยุนทำเหมือนฉวยโอกาสกับกงเสี่ยวลู่ในวันนี้นั้น  จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อต้องการรักษาอาการป่วยทางใจให้กับเธอ

วิธีที่หลิงหยุนทำนั้นคล้ายกับการล้างพิษให้กับผู้ที่มีอาการติดยา ขั้นต้นก็ต้องทำการล้างพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกเสียก่อน และตราบใดที่กงเสี่ยวลู่สามารถก้าวข้ามปัญหาทางใจไปได้ อาการเจ็บปวดทางใจต่างๆก็จะค่อยๆดีขึ้น

“ครูครับ.. ผมไม่ได้จะตั้งใจจะลามปามหรือลวนลามครูเลย ผมแค่ต้องการรักษาอาการป่วยให้กับครู กรุณาอยู่นิ่งๆ อย่าขยับตัว..”

แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่สั่งให้อยู่นิ่งๆ ตอนนี้กงเสี่ยวลู่เองก็ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย หลิงหยุนเรียกเข็มทองออกมาจากมือข้างซ้าย และจัดการฝังเก้าเข็มปลุกชีพลงไปบนศรีษะของกงเสี่ยวลู่

แต่ละเข็มที่ฝังลงไปนั้น หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังชีวิตในร่างกายของเขาลงไปด้วย ทำให้กงเสี่ยวลู่เกิดความรู้สึกสงบทั้งใจ สมอง แล้วก็ร่างกาย..

จากที่หลิงหยุนสังเกตปฏิกิริยาของกงเสี่ยวลู่นั้น ดูเหมือนว่าบาดแผลทางใจที่เธอได้รับในอดีต จะเลวร้ายกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากมาย และนั่นทำให้แววตาของหลิงหยุนมีประกายของความดุร้ายขึ้นมาวูบหนึ่ง

หลังจากฝังเข็มทองทั้งเก้าเล่มลงไปแล้ว กงเสี่ยวลู่ก็สลบไสล หลิงหยุนจึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน เขาวางกงเสี่ยวลู่ไว้บนเตียง และห่มผ้าห่มบางๆให้กับเธอเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและไม่เป็นหวัด

กงเสี่ยวลู่จะต้องหลับไปอีกพักใหญ่ หลิงหยุนจึงเดินไปสำรวจห้องทำงานของเธอแทน ภายในห้องนั้นเขาเห็นหนังสือภาษาอังกฤษในระดับมหาวิทยาลัยหลายเล่ม จึงได้หยิบออกมานั่งท่องเงียบๆ

ไม่นาน.. เสียงกริ่งหมดคาบเรียนที่สองก็ดังขึ้น แต่หลิงหยุนยังคงไม่ออกจากห้องทำงานของกงเสี่ยวลู่ จนกระทั่งคาบเรียนที่สามเริ่มไปได้ยี่สิบนาที หลิงหยุนจึงกลับเข้าไปในห้องนอน และจัดการดึงเข็มออกจากศรีษะของกงเสี่ยวลู่

หลิงหยุนจัดการเก็บเข็มทองทั้งเก้าเล่มกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน และกำลังจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนอน แต่มือเล็กๆข้างหนึ่งก็เอื้อมมาดึงตัวของเขาไว้

“อย่าเพิ่งไป..” กงเสี่ยวลู่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ไม่กล้าลืมตาเพราะรู้สึกอาย

“ครูนอนพักผ่อนไปก่อน ผมจะไปนั่งรอที่โซฟา ถ้ามีอะไรก็ร้องเรียกผมได้ แล้วผมจะรีบเข้ามา..”

“อย่าไป..” กงเสี่ยวลู่ไม่ยอมให้หลิงหยุนออกไป

หลิงหยุนไมมีทางเลือกจึงได้แต่นั่งอยู่ข้างเตียง ส่งยิ้มให้กับกงเสี่ยวลู่และมองเธอด้วยแววตาสงบนิ่ง

“ครูครับ.. ผมรู้ว่าในอดีตครูเคยเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมาก่อน ครูถึงได้หวาดกลัวผู้ชาย และพยายามที่จะวิ่งหนีความรู้สึกเช่นนี้ นี่เป็นอาการเจ็บป่วยทางใจ ในการรักษา.. ผมจำเป็นต้องทำให้ครูเกิดอารมณ์ความรู้สึกพวกนี้ ผมก็เลยต้องทำแบบนั้น เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ผมคิดว่าจะรักษาครูได้..”

หลิงหยุนพูดความจริง เพียงแต่พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว และแน่นอนว่าเขาเองก็ฉวยโอกาสบ้างเล็กๆน้อยๆ..

“ไม่ต้องอธิบายก็ได้..” กงเสี่ยวลู่พูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แต่ก็คว้ามือของหลิงหยุนมาวางไว้บนหน้าอกของเธอ

ร่างกายของกงเสี่ยวลู่สั่นอย่างรุนแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ครั้งนี้กลับไม่ดิ้นรนหนี ส่วนหลิงหยุนกลับนิ่งเฉยไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ

“ครูน่ารังเกียจมากใช่ไม๊?” กงเสี่ยวลู่ถามเสียงสั่น

แต่หลิงหยุนกลับตอบยิ้มๆ “ถ้าผมได้ยินใครพูดถึงครูแบบนั้น ผมจะตัดลิ้นมันทิ้งซะ..”

แล้วต่างคนต่างก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่..

แต่จู่ๆ กงเสี่ยวลู่ก็ถามเสียงเรียบ “ถ้าไม่รังเกียจ.. ทำไมตอนนี้เธอถึงได้นิ่งเฉยเป็นคนดี ต่างจากเมื่อครู่ที่พยายามแต๊ะอั๋งครูล่ะ!?”

หลิงหยุนตอบกลับมาอย่างทะเล้น “นี่มันยังเช้าอยู่.. วันใหนที่ผมขึ้นมาติวกับครูดึกๆ ผมอาจจะไม่เป็นเด็กดีแบบนี้ก็ได้นะ”

ความจริงแล้วอาการป่วยทางใจของกงเสี่ยวลู่นั้นยังไม่ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังต้องใช้เวลารักษาอีกสักสองสามวัน อาการของเธอจึงจะหายดี

“ครูจะให้กุญแจสำรองเธอไว้ชุดหนึ่ง ต่อไปถ้าเธออยากจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ หรือจะมาดึกๆก็ได้..” พูดจบกงเสี่ยวลู่ก็หน้าแดง

“แบบนั้นจะดีเหรอ.. เดี๋ยวคนก็เอาไปซุบซิบนินทาหรอก..”

“เธอไม่อยากมาเหรอ..”

“อยากสิ!”

จากนั้นหลิงหยุนก็บอกกับกงเสี่ยวลู่ไปว่า “ครูครับ.. บ่ายนี้ผมจะไปคิดบัญชีกับผู้อำนวยการแล้วก็ครูใหญ่ ผมจะทวงคืนสิทธิ์ทุกอย่างที่เป็นของครูกลับคืนมาให้..”

“แต่เธออย่าทำอะไรเกินเลยล่ะ..” กงเสี่ยวลู่ลืมตาคู่สวยทันที

หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ กงเสี่ยวลู่ลืมตามองหลิงหยุนอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับสั่งหลิงหยุนว่า

“หลับตาสิ..”

หลิงหยุนหลับตาลง และจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองนั้นสัมผัสกับอะไรนุ่มๆอุ่นๆ แต่ก็รวดเร็วมาก

หลิงหยุนลืมตาขึ้นก็เห็นกงเสี่ยวลู่นั่งหน้าแดง หายใจถี่ และตัวสั่น

“นี่ครูแอบทำอะไรผมใช่ไม๊..? หน้าไม่อาย..” หลิงหยุนแกล้งแหย่กงเสี่ยวลู่ที่นั่งหน้าแดง แต่ในใจกลับคิดอยากจะทำอะไรที่มากกว่านั้น..

แต่นี่ก็นับว่าการรักษาของเขานั้นได้ผลดีขึ้นมาในระดับหนึ่งทีเดียว หลิงหยุนจึงจงใจโน้มร่างเข้าไปใกล้ร่างของกงเสี่ยวลู่พร้อมกับกระซิบข้างหูของเธอ

“ครูครับ.. นี่ครูจงใจยั่วผมใช่ไม๊?”

ร่างของกงเสี่ยวลู่ถึงกับสั่นเทิ้ม และดูกระวนกระวายขึ้นมาทันที แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ผลักไสหลิงหยุนเหมือนเมื่อครู่

“อยากให้ผมกลายเป็นเด็กไม่ดีลวนลามครูหรือยังไง?”

กงเสี่ยวลู่รีบโต้กลับทันที “นี่เธอพูดอะไร.. ครูยั่วเธอที่ใหนกัน? ครูยังไม่ได้ทำอะไรเลย..”

หลิงหยุนได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก พร้อมกับคิดในใจว่าผู้หญิงมักปากกับใจไม่ตรงกันจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ครูของเขา

“นี่กี่โมงแล้ว?” กงเสี่ยวลู่ถามหลิงหยุน

“ครูต้องรีบกลับไปสอนแล้วล่ะ..”

“ตอนเที่ยงเธออยากกินอะไร? ครูจะได้เตรียมไว้ให้..” กงเสี่ยวลู่มองหลิงหยุนขณะรอฟังคำตอบ

“ไม่ล่ะครับ.. เที่ยงนี้ผมมีธุระต้องไปทำ แล้วก็ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน..”

หลิงหยุนคิดในใจว่าที่บ้านยังมีคนนอนขยับตัวไม่ได้รอเขาอยู่ ป่านนี้คงจะหิวแย่แล้ว และเขาไม่สามารถปล่อยให้เธอหิวได้เสียด้วย

จากนั้นหลิงหยุนก็ถามยิ้มๆ “ผมขอลาหยุดอีกสักสองสามวันได้ไม๊ครับ?”

 “ไม่ได้..! เธอเพิ่งจะขาดเรียนไปตั้งเจ็ดแปดวันแล้ว การบ้านก็ค้างเยอะแยะ แล้วแบบนี้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงได้ยังไง?”

แต่หลิงหยุนกลับตอบไปว่า “ก็ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้.. ผมก็จะมาเรียนซ้ำชั้นอีกหนึ่งปี จะได้มีเวลาอยู่กับครูทุกวันไง ไม่ดีเหรอครับ..?”

กงเสี่ยวลู่รู้ดีว่าหลิงหยุนแกล้งพูดไปแบบนั้นเอง เธอจึงถามอย่างอารมณ์ดี “นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”

หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ครูครับ.. สบายใจได้! เพราะผมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงได้อย่างแน่นอน ผมได้สัญญากับแม่และน้องสาวไว้แล้ว นอกจากวิชาภาษาอังกฤษแล้ว วิชาอื่นผมได้คะแนนเต็มแน่นอน..”

กงเสี่ยวลู่เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนด้วยสีกระอักกระอ่วน แล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่ว่าครูจะไม่อยากอนุมัติให้เธอขาดเรียนได้ เพียงแต่..”

หลิงหยุนคิดว่าในเมื่ออนุมัติได้ แล้วยังจะมีข้อแม้อะไรอีก? เขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “แต่อะไรเหรอครับ?”

กงเสี่ยวลุ่ตอบกลับไปเสียงเบา “แต่ถ้าไม่ได้เจอเธอ ครูก็คงคิดถึง..”

หลิงหยุนรู้ดีว่ากงเสี่ยวลู่ปิดกั้นความต้องการ และอารมณ์ภายในจิตใจตัวเองมานานถึงหกปี และก็เพิ่งจะถูกปลดปล่อย เธอจึงมีสภาพไม่ต่างจากภูเขาไฟที่อัดแน่นมานานจนต้องระเบิดออกมา

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า กงเสี่ยวลู่อายุมากกว่าหลินเมิ่งหานถึงแปดปี ผ่านโลกมาก่อน คงจะไม่ใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนกับหลินเมิ่งหาน เธอน่าจะมีความสามารถในการปรับตัว และยอมรับสิ่งต่างๆได้ดีกว่าหลินเมิ่งหาน

ใกล้จะจบคาบเรียนแล้ว หลิงหยุนจึงรีบตอบไปว่า “ถ้าครูคิดถึงผม ก็โทรหา หรือส่งข้อความมาได้ตลอดเวลา แล้วผมจะรีบมาหา”

“เธอพูดจริงเหรอ?” กงเสี่ยวลู่มีความสุขมาก และถามอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจ

หลิงหยุนยิ้ม “เมื่อครู่ครูบอกกับผมเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้กุญแจสำรองผมไว้ชุดหนึ่ง?”

กงเสี่ยวลู่ยิ้ม และส่งกุญแจสำรองให้หลิงหยุนทันที หลิงหยุนรับมา และเรียกเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่พร้อมกับฉีกยิ้มให้..

“นี่.. กุญแจล่ะ? กุญแจหายไปใหน?!” กงเสี่ยวลู่ร้องถามอย่างตกใจ

“ใช่.. แล้วก็เข็มทองพวกนั้นด้วย เธอเอามาจากใหน แล้วตอนนี้หายไปใหนแล้ว?”

หลิงหยุนยกมือซ้ายขึ้นตรงหน้ากงเสี่ยวลู่สะบัดไปมา และเข็มทองก็ออกมาอยู่ในมือของเขา กงเสี่ยวลู่มองด้วยความตกตะลึง!

‘นี่.. นี่มันยิ่งกว่ามายากลเสียอีก!’

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระดิกนิ้วที่สวมแหวนอยู่ แล้วจึงอธิบายให้กับกงเสี่ยวลู่ฟัง เธอถึงกับอ้าปากค้างพร้อมกับร้องอุทานออกมาไม่หยุด!

หากหลิงหยุนไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้.. รับรองว่าเขาต้องสามารถเปิดการแสดงมายากลได้อย่างแน่นอน เขาจะกลายเป็นนักมายากลที่โด่งดัง และมีชื่อเสียงที่สุด อีกทั้งยังจะสามารถหาเงินได้อีกมากมาย!

“ครูหลับตาสิครับ.. ผมมีของบางอย่างจะให้!”

ในเมื่อได้เล่าความลับเรื่องแหวนพื้นที่ให้กงเสี่ยวลู่ฟังแล้ว หลิงหยุนจึงไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดอะไรอีก

กงเสี่ยวลู่ยิ้มพร้อมกับหลับตา แต่ก็แอบหรี่ตาแอบบมองนิดๆ ดูแล้วช่างน่ารักมาก!

“หลับตาให้สนิทสิครับ..” หลิงหยุนยิ้มอย่างรู้ทัน

กงเสี่ยวลู่ค้อนหลิงหยุนก่อนจะหลับตาแน่น จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกไข่มุกราตรีออกมาจากแหวนพื้นที่ แล้วกำไว้ในมือ

“เอาล่ะ.. ลืมตาได้แล้ว”

กงเสี่ยวลู่ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเพียงแค่กำปั้นของหลิงหยุนอยู่ตรงหน้า จึงได้แต่บ่นพึมพำ

“ไม่เห็นมีอะไรเลย.. เด็กบ้า!”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับบอกเธอว่า “ถ้าอยากรู้.. ครูก็แกะมือผมออกดูสิ!”

กงเสี่ยวลู่เอื้อมมือออกไปแกะนิ้วของหลิงหยุนให้กางออก และห้องทั้งห้องก็สว่างไสวไปหมด..

ไข่มุกราตรีขนาดเท่าดวงตามังกรที่วางอยู่บนฝ่ามือของหลิงหยุน กำลังเปล่งประกายสว่างไสวไปทั่วทั้งห้อง แสงนวลเนียนของไข่มุกราตรีขับให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของกงเสี่ยวลู่สวยงามมากยิ่งขึ้น!

 “ผมให้ครู.. ไข่มุกสวยก็ต้องคู่กับสาวสวย!”

กงเสี่ยวลู่ถึงกับอึ้งและนิ่งเงียบไป เธอจ้องมองไข่มุกราตรีในมือหลิงหยุน แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง และค่อยๆไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆ!

กงเสี่ยวลู่ประคองไข่มุกราตรีไว้ในมืออย่างระมัดระวัง เธอหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด

“จริงเหรอ.. นี่เธอให้ครูจริงๆเหรอ?” หลังจากนิ่งเงียบไปเกือบสามนาที กงเสี่ยวลู่ก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเทา

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ “จริงสิ.. ผมมอบให้ครู มันมีค่ายิ่งกว่าทองคำ! ถ้าครูชอบก็เก็บมันไว้!”

ไข่มุกราตรีเพียงเม็ดเดียวแทนคำพูดนับพัน และกงเสี่ยวลู่ก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก..

จนกระทั่งผ่านไปนานเธอจึงพูดออกไปว่า “แต่.. แต่เธอเหลือแค่สองเม็ด แล้วเธอก็จะเก็บไว้เป็นของหมั้นสำหรับเจ้าสาวของเธอไม่ใช่เหรอ..?!”

หลิงหยุนได้ฟังถึงตกใจจนแทบช็อค “ห๊ะ.. นี่ครูรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

กงเสี่ยวลู่ถือไข่มุกราตรีไว้ในมือพร้อมกับตอบไปว่า “เธอแกล้งโง่หรือยังไงกัน.. เรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านหลินเจียงวันนั้น ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นล่ะ!”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ถ้าผมมอบให้ครู ก็เท่ากับเป็นของหมั้นจากผมไม่ใช่เหรอ?”

กงเสี่ยวลู่อุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่จู่ๆหน้าของเธอก็ซีด พร้อมกับพูดว่า “หลิงหยุน ไม่ต้องก็ได้! ครูอายุยี่สิบแปดแล้ว ส่วนเธอเพิ่งจะอายุสิบแปดเอง พวกเราห่างกันตั้งสิบปี และครูเองก็ไม่ได้มีค่าพอสำหรับเธอ ครูคงเป็นได้เพียงแค่ผู้หญิงที่อยู่กับเธอลับๆ..”

แต่หลิงหยุนกลับหัวราะ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่แยแสกับอะไร “อายุไม่ใช่ปัญหาครับ และยิ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องมีค่าพอ หรือไม่มีค่าพอด้วย เพราะถ้าเป็นผู้หญิงของหลิงหยุน ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างลับๆ เรื่องความไม่เหมาะสมอะไรพวกนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องพูดถึงอีก”

กงเสี่ยวลู่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนแล้ว เธอถึงกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงกระซิบข้างหูของหลิงหยุน..

“หลิงหยุน.. ถ้าเธอไม่รังเกียจ ครูพร้อมที่จะมอบทุกอย่างให้กับเธอ..”

ตอนนี้กงเสี่ยวลู่ยินยอมอุทิศร่างกายมอบให้หลิงหยุนอย่างเต็มอกเต็มใจ หลิงหยุนลูบแผ่นหลังของกงเสี่ยวลู่อย่างอ่อนโยน พร้อมกับตอบไปว่า

“เรื่องนั้น.. รอให้อาการป่วยของครูหายดีก่อน แล้วค่อยว่ากัน!”