[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 429 : เรื่องใหญ่!
สภาวะจิตใจของกงเสี่ยวลู่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทั้งคู่หยอกล้อกันไปมา และหลิงหยุนเองก็ต้องการที่จะช่วยคลายปมในใจของกงเสี่ยวลู่ให้ได้เร็วที่สุด
“ครูครับ..”
“ยังจะเรียกครูอีกเหรอ?”
“เอ่อ.. ก็มันติดปากไปแล้ว!”
“ต่อไปในวันข้างหน้า.. ถ้าเราสองคนเป็นอะไรกันแล้ว เธอยังจะเรียกครูอยู่อีกเหรอ?”
“ก็ตอนนี้ยังเป็นครูอยู่ หลังจากนั้น.. ค่อยว่ากัน”
หลิงหยุนนึกถึงท่าทีที่เย็นชาของกงเสี่ยวลู่ตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสาวร้อนแรงเซ็กซี่ และยินยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว หลิงหยุนรู้สึกว่าการรักษาของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก
“งั้นก็แล้วแต่เธอ..” กงเสี่ยวลู่ยิ้มพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากหลิงหยุนพร้อมกับพูดอย่างรักใคร่ “เด็กดื้อ..”
หลิงหยุนต้องข่มไฟปรารถนาที่ลุกโชนของตัวเองไว้นับสิบครั้ง.. จากนั้นจึงเริ่มพูดธุระกับกงเสี่ยวลู่
“ครูครับ.. หลังจากที่เกาเฉินเฉินกลับไปปักกิ่ง พวกเราก็ติดต่อเธอไม่ได้เลย ครูพอจะทราบข่าวคราวของเธอบ้างไม๊ครับ?”
เมื่อกงเสี่ยวลู่ได้ยินหลิงหยุนถามถึงเกาเฉินเฉินขึ้นมา ในใจก็รู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อน เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
หลิงหยุนเป็นลูกศิษย์ของเธอ เกาเฉินเฉินเองก็เช่นกัน และทั้งคู่ต่างก็เป็นคนโด่งดังของโรงเรียน แล้วยังเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างมากด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะถึงวันเชงเม้ง เกาเฉินเฉินก็มาขออนุญาตเธอไปนั่งข้างหลิงหยุน เรื่องที่เกาเฉินเฉินชอบหลิงหยุนนั้นกงเสี่ยวลู่จึงรู้อยู่แก่ใจดี..
ตอนนี้เกาเฉินเฉินไม่อยู่ในเมืองจิงฉู แต่ตัวเธอเองกลับมาคบกับหลิงหยุน ไม่เพียงแค่เธอคบกับลูกศิษย์ตัวเอง แต่ยังแย่งแฟนของลูกศิษย์ตัวเองอีกด้วย
หลังจากนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง กงเสี่ยวลู่จึงถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเกาเฉินเฉินตอนนี้เป็นยังไงบ้าง.. ไปถึงขั้นใหนแล้ว?”
หลิงหยุนตอบไปตรงๆว่า “เธอเป็นแฟนของผม ส่วนถึงขั้นใหนแล้วนั้น เรารู้กันแค่สองคน..”
“เธอ.. เจ้าเด็กร้ายกาจ!”
กงเสี่ยวลู่หน้าแดง แต่ก็เอื้อมมือไปตบบ่าหลิงหยุนเบาๆพร้อมกับพูดต่อว่า “เธอไม่ต้องห่วงความรู้สึกของครูหรอก.. บอกครูมาตรงๆได้เลย!”
หลิงหยุนตอบบยิ้มๆ “ครูครับ.. ผมไม่คิดจะโกหกครู แล้วก็จะพูดแต่ความจริง..”
“แล้วนอกโรงเรียน.. เธอยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกไม๊? แล้วก็ถึงขั้นใหนแล้ว?” กงเสี่ยวลู่ถามหลิงหยุนตรงๆ
หลิงหยุนอมยิ้มก่อนจะถามกลับว่า “แน่ใจนะว่าครูอยากให้ผมเล่าความจริง.. ทั้งหมด?”
กงเสี่ยวลู่นั่งครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง จึงตอบกลับไปว่า “ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าครูรู้ว่าเธอมีก็แล้วกัน แล้วก็น่าจะหลายคนด้วย! ครูไม่สนใจคนอื่น เอาเป็นว่าเธอสามารถทำให้ทุกคนพอใจและมีความสุขก็พอแล้ว!”
หลิงหยุนคิดในใจว่าวันหน้าเขาค่อยแนะนำให้รู้จักก็ยังไม่สาย จากนั้นจึงเริ่มถามเรื่องเกาเฉินเฉินต่อ
“ครูครับ.. ครูได้ข่าวคราวของเกาเฉินเฉินบ้างไม๊ครับ?”
กงเสี่ยวลู่เห็นหลิงหยุนกังวลมากก็ได้แต่แอบถอนใจ แต่ก็ตอบไปว่า “ก็ได้ข่าวมาบ้าง..”
“แต่ไม่ใช่จากปากเกาเฉินเฉินโดยตรงนะ ครอบครัวของเธอเป็นคนกับบอกครูมา พวกเขาบอกว่าเกาเฉินเฉินจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งให้ได้ ก็เลยให้เธอย้ายกลับไปที่นั่น..”
หลิงหยุนได้แต่ถามกลับไปว่า “แค่นั้นเหรอ?”
กงเสี่ยวลู่ส่ายหน้าและพูดต่อว่า “ไม่แค่นั้นนะ.. เพราะหลังจากที่เกาเฉินเฉินกลับไปที่ปักกิ่ง ก็ไม่ต่างจากจมหายไปในทะเล ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้อีกแม้แต่คนเดียว” ขณะที่พูดแววตาของกงเสี่ยวลู่ก็เต็มไปด้วยความกังวล
หลิงหยุนคิดในใจว่า.. ดูท่าเกาเฉินเฉินคงจะถูกครอบครัวคุมตัวไว้ และไม่ยอมปล่อยให้เธอมีอิสระอย่างแน่นอน มีทางเดียวคือเขาต้องไปหาเธอที่ปักกิ่ง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีใครสามารถที่จะติดต่อเธอได้อีกแน่!
เพียงแต่ว่า.. เธอถูกตระกูลเกา หรือตระกูลเฉินควบคุมตัวไว้กันแน่?
เพราะถ้าหากเป็นตระกูลเกาที่ควบคุมตัวเกาเฉินเฉินไว้ ก็คงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะหลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จ หลิงหยุนก็จะแอบไปหาเธอที่บ้าน
แต่หากเธอถูกตระกูลเฉินควบคุมตัวไว้.. เกาเฉินเฉินก็น่าจะตกอยู่ในอันตราย!
หลิงหยุนกำลังคิดว่าจะต้องหาคนมาช่วยสืบหาข่าวคราวของเกาเฉินเฉิน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สบายใจ
“หลิงหยุน.. ยังไงเธอก็คงจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วล่ะ แต่เกาเฉินเฉินเคยบอกครูไว้ว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิง ส่วนตัวเธอเองก็จะสอบเข้าที่นั่นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แล้วถ้าเธอสอบเข้าได้ เธอก็จะได้พบกับเกาเฉินเฉินเอง”
กงเสี่ยวลู่เห็นสายตาที่เศร้าสร้อยของหลิงหยุน จึงได้แต่พูดปลอบโยน
หลิงหยุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเดินออกจากห้องนอนทันที “ครูครับ.. ผมต้องรีบไป พอดีมีธุระต้องรีบไปจัดการตอนบ่าย ผมไปก่อนนะครับ”
กงเสี่ยวลู่รีบบร้อนลุกจากเตียงพร้อมกับตะโกนบอกหลิงหยุนว่า “ครูจะไปหยิบเสื้อมาให้เธอ นานแล้วน่าจะแห้งแล้วล่ะ”
กงเสี่ยวลู่หยิบเสื้อมาสวมให้กับหลิงหยุน พร้อมกับช่วยเขาติดกระดุมและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วยืนมองหลิงหยุนที่โพสท่าหล่ออย่างชื่นชม
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าตั้งแต่ผอมลง เธอจะหล่อมากขนาดนี้…”
พูดแล้วกงเสี่ยวลู่ก็ได้แต่แอบถอนหายใจ พร้อมกับคิดในใจว่า หน้าตาหลิงหยุนหล่อเหลาขนาดนี้ ผู้หญิงที่ใหนจะปฏิเสธเขาลง?
“แล้วบ่ายนี้จะกลับเข้ามาเรียนไม๊?”
“มาแน่นอน.. ผมต้องมาจัดการเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้กับครู..”
กงเสี่ยวลู่หัวเราะคิกคัก เธอยกนิ้วขึ้นชี้เข้าหาตัวเองอย่างอายๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้ครูคบกับเธอแล้ว ข่าวลือก็กลายเป็นจริงไปแล้ว ยังจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมอะไรอีก?”
“หลิงหยุน.. เธอเป็นคนช่วยให้ครูเปิดใจ เรื่องชื่อเสียงอะไรพวกนั้น ครูไม่สนใจอีกแล้วล่ะ..”
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างภูมิใจ “มันคนละเรื่องกัน คนที่สร้างข่าวลือเรื่องนี้ขึ้นมาจะต้องรับบผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ครูสบายใจได้ วันนี้ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ!”
“อย่าลืมว่าเธอมาขลุกอยู่ในห้องครูสองต่อสองตั้งสามคาบ.. ตอนนี้คนอื่นๆคงจะพูดอะไรกันไปถึงใหนแล้วก็ไม่รู้..”
หลิงหยุนยิ้มและตอบบกลับไปว่า “ครูครับ.. ครูยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ยิ่งผมอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ คนจก็จะยิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติต่างหาก..”
กงเสี่ยวลู่เพิ่งจะเข้าใจและตอบกลับไปทันที “เธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ! ครูรู้แล้วล่ะว่า เพราะอะไรหัวหน้ารักษาความมั่นคงถึงได้ถูกเธอต้อนจนจนมุมแบบนั้น!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยัน “คนอย่างหลัวจ้งน่ะเหรอ? ถ้าผมจะจัดการกับมันจริงๆแล้วล่ะก็ รับรองว่ามันจะร้องคร่ำครวญจนร้องไม่ออกอีกเลย!”
กงเสี่ยวลู่หัวเราะ เธอเดินไปส่งหลิงหยุนที่ประตูอย่างละล้าละลัง พร้อมกับแอบคิดว่า ‘คืนนี้เขาจะกลับบมาอีกไม๊?’
ห้องทั้งห้องยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่เธออยู่กับหลิงหยุน กงเสี่ยวลู่สูดลมหายใจลึก และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า แสงอาทิตย์ภายนอกนั้นสว่างไสวกว่าทุกๆวันอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
….
หลิงหยุนออกจากหอพักของกงเสี่ยวลู่ไป และยังเหลืออีกราวสิบนาทีจึงจะหมดคาบ ตามทางเดินจึงไม่มีนักเรียนอยู่เลย
หลิงหยุนนึกถึงหลินเมิ่งหานก็รีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อไปถึงที่รถ เขาก็รีบขับออกนอกประตูโรงเรียนทันที หลิงหยุนขับรถแลนด์โรเวอร์ของตนเองไปที่โรงแรมหรูหราแห่งนึ่ง และสั่งอาหารไปราวเจ็ดแปดอย่าง ก่อนจะรีบขับกลับไปยังหมู่บ้านฝูฮัว
หลิงหยุนขับรถไปตามทางด้วยจิตใจเบิกบาน เมื่อไปถึงก็รีบลงไปเปิดประตูบ้าน และขับรถเข้าไปในบ้านของหลินเมิ่งหานทันที
หลิงหยุนวางอาหารไว้ในห้องนั่งเล่น และเดินตัวปลิวขึ้นไปข้างบน
“ที่รัก.. ผมซื้อข้าวกลับมาให้แล้ว..” หลิงหยุนร้องเรียกขณะที่เดินตรงเข้าไปในห้องนอนของหลินเมิ่งหาน
“สามี..” หลินเมิ่งหานได้ยินว่าหลิงหยุนกลับมาแล้ว ใบหน้าสวยงามของเธอก็เบิกบานขึ้นมาทันที และรีบฝืนลุกขึ้นจากเตียง
หลังจากที่หลิงหยุนออกไปตั้งแต่เช้า หลินเมิ่งหานก็พบว่าหนึ่งวันของเธอนั้น ยาวนานราวกับหนึ่งปี และนี่คืออาการของความคิดถึง!
เธออยู่บ้านคนเดียวดูทีวีก็ไม่สนุก ไม่อยากจับแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ สมองของเธอครุ่นคิดถึงหลิงหยุนอยู่ตลอดเวลา และแทบจะทนรอให้หลิงหยุนกลับมาหาไม่ได้
หลิงหยุนเดินเข้ามาในห้อง และเมื่อเห็นหลินเมิ่งหานลุกขึ้นมาจากเตียง ก็รีบเอื้อมมือไปบีบจจมูกของเธอทันที และแกล้งทำเป็นบ่นด้วยความโมโห
“ผมยังไม่กลับ.. ห้ามลุกขึ้นมารู้ไม๊! แล้วนี่หายเจ็บแล้วเหรอ?”
หลินเมิ่งหานเกาะแขนหลิงหยุนแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “สามี.. ฉันคิดถึงคุณมากเลย..”
หลิงหยุนยิ้มให้และมือใหญ่ๆของเขาก็ถอดชุดนอนของหลินเมิ่งหานออกอย่างชำนิชำนาญ และร่างสองร่างก็ยืนแนบเข้าด้วยกัน หลินเมิ่งหานรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
“ยังไม่ตอบผมเลย.. ยังเจ็บอยู่ไม๊?”
หลินเมิ่งหานเพิ่งจะผ่านการเปลี่ยนสภาพจากเด็กสาวเป็นหญิงสาวเต็มตัว สีหน้าของเธอจึงเบ่งบานอิ่มเอิบบเป็นประกายน่าหลงใหล เธอตอบด้วยน้ำเสียงเอียงอาย
“ดีกว่าเมื่อเช้ามาก แต่ยังคงบวมอยู่..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ความเจ็บปวดแบบนี้ ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆก็จะหายเอง ผมซื้อของอร่อยมาให้คุณเยอะแยะเลย ลงไปกินกันดีกว่า..”
แต่จู่ๆ หลินเมิ่งหานก็ทำจมูกฟุดฟิด และดมไปตามเสื้อผ้าและเนื้อตัวของหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย
“สามี.. ทำไมถึงได้มีกลิ่นของผู้หญิงคนอื่นด้วยล่ะ?” หลินเมิ่งหานตาโตและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลินเมิ่งหานแตกต่างจากกงเสี่ยวลู่.. หลิงหยุนเองก่อนออกจากห้องของเธอ ก็ลืมอาบน้ำมาก่อน แต่ก็รีบตอบหลินเมิ่งหานกลับไปว่า
“ก็.. ข้างๆโต๊ะของผมเป็นนักเรียนหญิงนี่นา ก็ต้องกมีกลิ่นติดตัวมาน่ะสิ”
หลินเมิ่งหานจ้องตาหลิงหยุน และสังเกตุอย่างละเอียดอยู่นาน แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ จึงถามต่ออย่างสงสัย..
“จริงเหรอ? แล้วทำไมถึงต้องไปนั่งใกล้ผู้หญิงด้วยล่ะ..?”
หลิงหยุนตอบอย่างสบายๆ “ผมนั่งข้างเกาเฉินเฉิน คุณยังจำเธอได้ไม๊? วันที่ไปดูมังกรเล่นน้ำ เธอก็ไปกินข้าวด้วย.. เธอมานั่งข้างผมเอง แล้วจะให้ผมทำยังไง?”
“แต่ตอนนี้เธอกลับไปบ้านที่ปักกิ่งตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว แล้วตอนนี้คนที่มานั่งแทนที่เธอก็เป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว..”
แก๊งมังกรเขียว? คนของแก๊งมังกรเขียวถูกหลิงหยุนทำร้ายร่างกายไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ลูกสาวของหัวหน้าแก๊งถึงได้มาเป็นเพื่อนข้างโต๊ะของหลิงหยุนได้?
สำหรับเกาเฉินเฉินนั้น หลินเมิ่งหานรู้จักดี และเธอก็ดูออกว่าเกาเฉินเฉินสนใจหลิงหยุนมาก
หลิงหยุนพูดไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่คนฟังกลับสนใจฟังแล้วก็กลับคิดมาก หลินเมิ่งหานอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อคืนเธอกับหลิงหยุนเพิ่งจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน และเธอเองก็ยอมพลีร่างกายให้กับเขา แต่เพียงแค่เขาออกนอกบ้านไปในตอนเช้า กลับมีกลิ่นของผู้หญิงคนอื่นติดตัวกลับมาด้วย หลินเมิ่งหานรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก..
ถึงแม้หลินเมิ่งหานจะรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อคิดว่าหลิงหยุนยังนึกถึงเธอ และซื้ออาหารมาให้ เธอก็รู้สึกพอใจอย่างมากแล้ว ขอเพียงแค่ได้พบหน้าเขาก็พอ หลินเมิ่งหานไม่อยากพูดอะไรมากในตอนนี้ จึงปล่อยให้หลิงหยุนอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง
หลินเมิ่งหานมีความสุขอย่างมาก ทั้งคู่ผลัดกันป้อนข้าวให้กันและกัน
“สามี.. บ่ายนี้ต้องกลับไปเรียนอีกไม๊?”
หลังจากที่ต้องห่างกันช่วงเช้า หลินเมิ่งหานก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มกลับไปเรียนอีก
หลิงหยุนคิดในใจว่า ต่อให้เขาไม่อยากกลับไปเรียนช่วงบ่าย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องออกไปข้างนอกอยู่ดี เพราะยังมีเหยาลู่ที่รอคอยเขาอยู่ที่โรงแรมแชงกรีล่า
หลิงหยุนมองร่างสวยงามที่อยู่ในอ้อมแขน และมองแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ หลิงหยุนได้แต่พูดออกไปอย่างลำบากใจ
“คุณภรรยาครับ.. ยังไงผมก็ต้องไปเรียน แต่จะรีบกลับมาอยู่กับคุณให้นานที่สุดดีไม๊?”
หลินเมิ่งหานได้ฟังก็เข้าใจความหมายของหลิงหยุนดี เธอตกใจและรีบถามขึ้นว่า “สามี.. คุณจะไม่อยู่กับฉันคืนนี้เหรอ?”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “ผมอยู่ด้วยไม่ได้.. น้าหญิงของผมสั่งให้กลับบ้านเย็นนี้..”
หลินเมิ่งหานได้ฟังถึงกับน้ำตาตกทันที เธอพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง “แล้วใจคอจะปล่อยให้ฉันอยู่ที่บ้านคนเดียวงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นหลินเมิ่งหานร้องห่มร้องไห้ หลิงหยุนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพบเจอกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว..
มีผู้หญิงเยอะ ก็มีปัญหาเยอะ!
แล้วนี่เขาจะทำยังไงดี?