บทที่ 335 บริษัทเทียนยู่

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 335 บริษัทเทียนยู่
ได้ยินคำพูดของมู่เฟยเฟยทั้งงานต่างก็มึนงงแล้ว

เถ้าแก่ของหวงฉาวบันเทิงบริษัทที่อยู่ในวงการระดับสูง มีโม่ชงที่ได้รับชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อ ขอร้องหล่อนให้เข้าร่วมอย่างต่ำต้อยอย่างนั้น

อีกทั้งพูด มีข้อเรียกร้องอะไรหล่อนต่างก็สามารถเสนอได้

แต่ในพริบตาหล่อนก็กลับขอร้องเซ็นสัญญาภายใต้การบริหารของฉินเทียนอย่างต่ำต้อย

กลัวถูกปฏิเสธ กระทั่งหล่อนสามารถรับข้อตกลงใด ๆ ได้อย่างต่ำต้อย

ยิ่งไปกว่านั้น โม่ชงเมื่อกี้ได้พูดแล้วจะบล๊อกซิงถูและฉินเทียนในวงการ ให้เขาไม่มีศิลปินที่จะใช้ได้

จากนั้นมู่เฟยเฟยก็ขึ้นมาแสดงฉากตบหน้าหนึ่งในชีวิตจริงแล้ว

ปฏิกิริยามา ในเหตุการณ์เดือดพล่าน

“มู่เฟยเฟย คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”

“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่?”จมูกของโม่ชงต่างก็โมโหจนบิดเบี้ยวแล้ว

มู่เฟยเฟยพูดด้วยท่าทางจริงจัง“ขอบคุณมากที่ประธานโม่เตือน ฉันชัดเจนมากว่าตัวฉันเองกำลังทำอะไรอยู่”

“ฉันรู้หวงฉาวบันเทิงมีความแข็งแกร่งมาก แต่”

หล่อนมองฉินเทียนอยู่ พูดอย่างจริงใจว่า“เสน่ห์และบุคลิกเฉพาะตัวของคุณฉินและหลิวหรูยู่ทำให้ฉันเลื่อมใส”

“ฉันคิด ฉันหาแพลตฟอร์มที่ถูกใจที่สุดแล้ว และก็เจอคนที่ใช่ที่สุดแล้วฉันจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ๆ ”

“คุณฉิน ขอให้คุณเชื่อความจริงใจของฉันอีกทั้งให้โอกาสนี้กับฉัน!”

ฉินเทียนไม่เข้าใจเรื่องในวงการ แต่เขามองออกมู่เฟยเฟยคือจริงใจจริง ๆ

อีกทั้งตอนนี้หล่อนดูเหมือนว่ามีมูลค่าธุรกิจมาก

ไม่งั้นแล้วก่อนหน้านี้หลิวหรูยู่และหลิวชิงก็จะไม่เอาหล่อนยืนยันเป็นตัวเลือกพรีเซ็นเตอร์ของครีมซูยู่

ถ้าไม่ใช่ตรงกลางเกิดเรื่องราวนั่นของพานหลงแล้ว ตอนนี้หล่อนควรจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของครีมซูยู่แล้วมั้ง

เขาหันมองไปขอความคิดเห็นจากฟู่เจียง

พยักหน้าอย่างตื่นเต้นแล้ว เขาเป็นคนที่ถูกไว้วานดำเนินการในทรัพย์สินของคนในวงการ รู้มูลค่าของมู่เฟยเฟยมากแล้ว

โดยเฉพาะสำหรับซิงถูแล้วที่จริงสมาชิกศิลปินที่เซ็นสัญญาปรากฏการตัดขาดชั้นที่รุนแรง หลิวหรูยู่นำหน้าไปไกลโดดเด่นที่สุด

ด้านล่างกลับแทบจะไม่มีอะไรที่สามารถเป็นหน้าตาได้เลย

และหลิวหรูยู่ก็ไม่ยอมที่จะออกงานกิจกรรมธุรกิจอีก

ถ้าหากมู่เฟยเฟยมาแล้ว สามารถเติมช่องว่างนี้ให้สมบูรณ์แบบได้

ฉินเทียนยิ้มพูด“คุณมู่ ยินดีต้อนรับเข้าร่วม”

“ผมรับรองซิงถูเสนอข้อตกลงให้คุณจะไม่แย่กว่าบริษัทอื่น ๆ เรื่องรายละเอียดคุณสามารถเจรจาอย่างละเอียดกับคุณฟู่ได้ในภายหลัง”

“ใช่แล้วฟู่เจียง วันหลังคุณก็คือผู้จัดการใหญ่ของบริษัทแล้ว เรื่องของวงการบันเทิงผมไม่เข้าใจ การจัดเตรียมเรื่องทั้งหมดคุณสามารถปรึกษาทำได้กับหรูยู่”

ฟู่เจียงตะลึงเล็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้นว่า“ขอบคุณคุณฉินมาก ไม่ใช่ คือท่านประธาน!”

“ขอบคุณท่านประธาน ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!”

เขาเป็นคนเก่าแก่ของวงการบันเทิงมีความทะเยอทะยาน มีความคิด มีวิธีแต่หดหู่เสียใจตลอด

ตอนนี้เจอฉินเทียนเขารู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็รอจนมีโอกาสปล่อยมือเท้าทำงานใหญ่แล้ว

งานแถลงข่าวที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่ง ใช้รูปแบบที่เกินความคาดหมายของทุกคนดำเนินมาถึงเวลาที่ควรจะปิดฉาก

หลิวหรูยู่กลับสู่เหนือเมฆจากสระน้ำลึก แต่ผ่านประสบการณ์เหล่านี้กลับยิ่งทำให้หล่อนเงียบสงบแล้ว

เผชิญหน้ากับฉินเทียนหล่อนก็ไมได้พูดคำที่ขอบคุณอะไร แต่ทุก ๆ สายตาในความเงียบนั้นต่างก็ส่งต่อการพึ่งพาที่หล่อนมีต่อผู้ชายคนนี้

“ประธานฉิน คนเหล่านี้ของบริษัทควรจะทำยังไง?”

“โดยเฉพาะหลี่หยานคนนั้น ฉันเสนอเอาหล่อนไล่ออกเลยทันที!” พี่หรงพูดอย่างโมโห

“ประธานฉินละเว้นฉันเถอะ!”

“เป็นฉันที่มีตาหามีแววไม่ เป็นฉันที่ใช้ตาหมามองดูถูกคน!”

“ฉันผิดไปแล้ว!ขอร้องคุณล่ะ อย่าไล่ฉันออกเลย!”

“ฉัน……เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่ง ลูกของฉันกำลังเรียนหนังสือทั้งหมดนี้ต่างก็ต้องการฉัน!”

“ถ้าหากไม่มีงานนี้แล้ว ฉันไม่รู้ควรจะทำยังไงดีจริง ๆ !” ร้องไห้น้ำมูกไหลอย่างเสียใจ คุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าฉินเทียน

หลิวหรูยู่พูดอย่างเป็นห่วง“ฉินเทียน คนเหล่านี้ของบริษัท คุณเตรียมที่จะทำยังไง?”

เหมือนอย่างฐานะชนิดนี้ของฉินเทียนตอนนี้จะไม่ไปถือสากับคนชนิดนี้ ได้ยินคำพูดของหลิวหรูยู่แล้วเขายิ้มพูด“ปัญหานี้ควรจะถามคุณนะ”

“ทุกท่าน ที่จริงมีเรื่องหนึ่งผมต้องการทำให้กระจ่างสักหน่อย”

“บริษัทนี้เถ้าแก่ที่แท้จริงไม่ใช่ผม แต่เป็นหลิวหรูยู่”

เขาเอาสัญญาที่หวางเฉียงเซ็นชุดนั้นส่งให้กับหลิวหรูยู่ พูด“ถือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งแล้วกัน”

“เป็นการชดเชยในฐานะที่ช่วงระยะเวลานี้ทำให้คุณได้รับความน้อยใจมากแล้ว”

“ผมเชื่อ ภายใต้การนำของคุณและฟู่เจียง บริษัทจะต้องยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน”

มองเห็นลงชื่อของตัวเองบนสัญญา หลิวหรูยู่ตกใจจนอ้าปากกว้างแล้ว

หุ้นเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทซิงถู ตอนนี้คิดไม่ถึงจะอยู่ภายใต้ชื่อของหล่อนหลิวหรูยู่

ถูกความดีใจและความซาบซึ้งใจที่มหาศาลชนิดหนึ่งโจมตี หล่อนรีบหมุนตัวปิดปากไว้แล้ว

หยางหรงถอนหายใจพูด“คุณฉิน ขอบคุณคุณแล้ว!”

“ขอบคุณคุณที่ทำทั้งหมดนี้เพื่อหรูยู่!”

“ใช่แล้ว” ฉินเทียนนึกอะไรขึ้นได้ เอากุญแจนั่นที่หวางเฉียงให้มามอบให้หยางหรงแล้ว พูดว่า“พี่หรง นี่คือกุญแจตู้เซฟห้องทำงานของหวางเฉียง”

“เขาพูด ข้อมูลของคนมีชื่อเสียงทุกคนที่มีพฤติกรรมไม่ดีเขาควบคุมไว้ในหลายปีนี้ต่างก็อยู่ข้างใน”

“คุณดูจัดการเองก็แล้วกัน”

หยางหรงตะลึงเล็กน้อย จู่ ๆ ใบหน้าแดงรีบยื่นมือไปรับ พูดเสียงต่ำ“ขอบคุณ!”

ที่ฉินเทียนพูด เป็นข้อมูลของคนมีชื่อเสียงที่มีพฤติกรรมไม่ดีทั้งหมดหลายปีนี้ที่หวางเฉียงรวบรวมไว้ แต่หยางหรงรู้เขาทำทั้งหมดนี้ที่จริงแล้วก็เพื่อพฤติกรรมที่ไม่ดีของตัวเอง

ฉินเทียนไม่ได้พูดอธิบายให้ชัดเจนก็คือเพื่อไว้หน้าให้หล่อน

“ฉันอยากเปลี่ยนชื่อให้บริษัท คุณคิดว่าเป็นยังไง?” หลิวหรูยู่มองฉินเทียนอยู่ พูดเสียงต่ำ

ฉินเทียนรีบพูด“ดีสิ!”

“บริษัทใหม่ต้องมีสถานะภาพใหม่!”

“คุณเตรียมเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร?”

หลิวหรูยู่พูด“ก็เรียกบริษัทเทียนยู่แล้วกัน”

“ฉินเทียน ฉันรู้คุณเองน่าจะก็มีอุตสาหกรรมของตัวเองรวมถึงบริษัทของภรรยาคุณ วันหลังบริษัทเทียนยู่บริการให้พวกคุณฟรีตลอดชีวิต”

“รวมถึงฉันก็เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าให้ภรรยาของคุณ”

“ฝากขอบคุณซูซูแทนฉันด้วย ครั้งนี้หล่อนไม่ทิ้งกันฉันซาบซึ้งใจมาก”

“มีโอกาสฉันจะไปขอบคุณหล่อนต่อหน้า”

ฉินเทียนยิ้มพูด“ผมจะส่งต่อแน่นอน”

“บริษัทใหม่จะต้องมีเรื่องมากมายที่ต้องยุ่งแน่นอนล่ะมั้ง? ไม่มีเรื่องอะไร พวกคุณยุ่ง ผมก็กลับไปก่อนแล้ว”

“พวกคุณวางใจ โม่ชงและจ้าวซวู่ทางนั้นมีเรื่องอะไร ให้พวกเขามุ่งมาที่ผม”

“รอเดี๋ยว” มองเห็นฉินเทียนเตรียมที่จะไป หลิวหรูยู่ร้องตระโกนเสียงหนึ่ง“พรุ่งนี้คุณค่อยไป”

“ฉันยังมีเรื่องหาคุณ”

ฉินเทียนตะลึงเล็กน้อยพูด“เรื่องอะไร?”

หลิวหรูยู่พูดจาง ๆ “ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะพูด ตอนเย็นคุณก็รู้แล้ว”

“เอ่อ” นึกถึงอะไรได้ ฉินเทียนเตรียมปฏิเสธ

หลิวหรูยู่พูดจาง ๆ “ช่วงนี้ฉันไม่สบาย ตอนเย็นคุณเดินเข็มให้ฉันสักรอบ”

“ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ทำเรื่องที่ดีก็ต้องทำให้ถึงที่สุดคุณคงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม ?”

ฉินเทียนกลืนน้ำลายพูด“ก็ได้”

ตอนเย็น ในวิลล่าที่เงียบสงบหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ฉินเทียนมองหลิวหรูยู่ที่นอนอยู่ด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายแล้ว

สายตาของเขาขึ้นลงไม่มีที่วางได้เล็กน้อย“เอ่อ บอกผมได้ไหมคุณไม่สบายตรงไหนเหรอ?”

หลิวหรูยู่มองเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ กระดกคิ้วแล้วพูด“คุณทายสิ?”