ตอนที่ 260 ผมรวยจริงๆ
คําขอโทษของหลินฟานแน่นอนเป็นเท็จแต่นั้นเป็นความจริงที่เขาสวมหมวกทรงสูงบนหัวของฟานเสี่ยวเสวี่ยรอ?
หลินฟานพูดว่าถ้าฟานเสี่ยวเสวี่ยขอให้หลินฟานเสียเงินมันจะไม่ตระหนี่เกินไปหรอเหรอนั้นทําให้ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยโกรธมากแต่มันไม่เท่ากับที่หลินฟานสวมหมวกทรงสูงนี้ให้มันช่างเป็นพิษเสียจริงๆ
“เงิน เป็นเงินเพียงเล็กน้อยแต่คุณเป็นคนยากจนถ้าคุณอยากจ่าย คุณจะจ่ายได้หรือเปล่า”ฟ่านเสี่ยวเสวี่ดุด่าและกระทืบเท้าของเธอ“ฉันจะไปซื้อมันอีกครั้ง!”
เธอหันหลังกลับ และเดินเข้าห้างไปช๊อปอีกแล้ว…
เพิ่งรั่วหลานและหลินฟานก็ตามเข้าไปเพิ่งรั่วหลานส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น:“เสี่ยวฟานลืมมันไปเถอะฉันคิดว่าเธอได้สร้างความเดือดร้อนมากพอสําหรับเสี่ยวเสวี่ยแล้วหลินฟานพยักหน้าอย่างจริงจัง:“เอาล่ะผมจะฟังพี่สาวของผม”
ด้วย”
เขาไม่ยอมให้ใบหน้าของฟ่านเสี่ยวเสวี่ยแต่ใบหน้าของเพิ่งรั่วหลานเขาให้ได้กลับมาที่ห้าง
ทั้งสามเดินเข้าไปใน ร้านชาแนล
พวกเขาเคยมาที่ร้านนี้แล้วในครั้งก่อนและฟานเสี่ยวเสวี่ยซื้อของในคราวนี้มันดูง่ายมากเมื่อเดินไปที่ไม้แขวนฟ่านเสี่ยวเสวี่ยชี้ไปที่ด้านบนและบอกพนักงานว่า“เก็บชุดนี้ให้ฉัน
เสมียนสงสัยเล็กน้อยเธอยังคงจ๋าฟ่านเสี่ยวเสวี่ยได้เธอไม่ได้มาซื้อของแล้วแล้วก่อนหน้านี้ล่ะทําไมเธอถึงมาซื้ออีก?
แต่เธอไม่คิดจะถามออกไป นี่เป็นธุรกิจมีลูกค้ามาซื้อนี่ก็เพียงพอแล้วเธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส“ตกลงค่ะฉันจะไปแพ็คให้คุณผู้หญิงทันที”
ในไม่ช้า สินค้าด้านบน ก็ถูกบรรจุ และใส่ในถุงช้อปปิ้งพิเศษ
เสมียนกล่าวว่า“ขอบคุณคะ ทั้งหมด 18,000 หยวน”
ฟ่าน เสี่ยวเสวี่ย หยิบบัตรธนาคารออกมา แล้วยื่นให้กับเสมียน และพูดอย่างไม่อดทนว่า “เร็ว
เธอยังมีร้านค้า ไม่กี่แห่งที่จะไปเยี่ยมชม
หยด!
เสมียนส่งเสียงเยาะเย้ย : “คุณค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยฉันได้ทําการรูดบัตรแต่.. มันไม่สําเร็จยอดคงเหลือในบัตรของคุณไม่เพียงพอ คุณผู้หญิงคุณหยิบบัตรผิดหรือเปล่า?”
ใบหน้าของฟ่านเสี่ยวเสวี่ยเปลี่ยนไป:“อะไรนะเป็นไปไม่ได้คุณลองรูดอีกครั้ง!”
เสมียนต้องรูดอีกครั้งแต่ยอดเงินก็ยังไม่เพียงพอ
ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอย่างรวดเร็ว และโทรออกไปแต่เธอไม่สามารถโทรออกไปได้ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลในมุมมองของฟ่านเสี่ยวเสวี่ยในตอนนี้เธอขาดความสมดุลไปสมดุลที่ส่งผลต่อความมั่นใจของเธอก็คือ“เงิน” ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายและน่าละอายอย่างยิ่ง..ขณะนี้ มีลูกค้ารายอื่นอยู่ในร้าน
เมื่อพบว่าเงินของฟ่านเสี่ยวเสวี่ยไม่เพียงพอพวกเขาทั้งหมดก็กระซิบกระซาบกัน..“ดูผู้หญิงคนนี้สิเธอไม่มีเงินยังคิดที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยฮึ! มันไร้สาระมาก”
“ท่าตัวเป็นคนรวย?”
“เธอไม่อายเลย จริงๆ”
หลากหลายสายตา ต่าง ยิ้มเยาะ
ใบหน้าของฟานเสี่ยวเสวี่ยแดงไปจนถึงหู
เพิ่ง รั่วหลานถาม“เสี่ยวเสวี่ยเกิดอะไรขึ้น?”
ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยพูดอย่างกังวลใจ :“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนี่เป็นการ์ดที่พ่อของฉันให้มามันมีวงเงินหนึ่งล้านหยวนแต่แล้วทําไมมันถึงใช้ไม่ได้กันล่ะ และฉัน ก็ติดต่อพ่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
หลินฟานหัวเราะแล้วพูดว่า“พี่สาวเสี่ยวเสวี่ยบัตรของคุณมีวงเงินหนึ่งล้านหยวนจริงๆหรือมันดูไม่เหมือนเลยเป็นไปได้ไหมว่าที่คุณกําลังทําคือการพยายามรักษาหน้าของคุณไว้?”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ทุกคนภายในร้านก็หัวเราะออกมา
เสมียนก็มองดูฟ่านเสี่ยวเสวี่ยทันทีด้วยท่าทีดูถูกฟ่านเสี่ยวเสวี่ยคนนี้ไม่เคยปฏิบัติกับพนักงานเหมือนกับคน มาก่อนและทําตัวดูเหมือนเจ้านายของพวกเธอ
มันบังคับ!แสร้งท่ากันชัดๆ!
แม้ว่าฟ่านเสี่ยวเสวี่ยจะซื้อเสื้อผ้าได้สําเร็จแต่ก็อาจเป็นเงินก้อนเดียวที่ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยมีและในท้ายที่สุดเธอต้องการแกล้งทําเป็นถูกบังคับเป็นครั้งที่สอง…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เสมียนก็ดูหมิ่นฟานเสี่ยวเสวี่ยมากขึ้นไปอีกและพูดว่า“คุณผู้หญิงคะคุณมีเงินที่จะซื้อมันหรือไม่ถ้าคุณไม่มีเงิน คุณไม่จําเป็นต้องบังคับแสร้งทํามันแบบนี้”
ฟาน เสี่ยวเสวี่ย เกือบจะร้องไห้เธอไม่เคยอับอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“พี่สาว เสี่ยวเสวี่ยคุณมีเงินไม่พอทําไมไม่ขอยืมผมล่ะแต่ผมคิดดอกเบี้ยนะ”หลินฟานยิ้ม
เพิ่ง รั่วหลานกระซิบ“เสี่ยวเสวี่ยทําไมเธอไม่ยืมฉันก่อน”
ฟ่าน เสี่ยวเสวี่ยโกรธมากยืมเงิน?เพื่อซื้อเสื้อผ้าต่อหน้าคนจํานวนมาก?เนี้ยน่ะ!
มันจะไม่น่าอายมากขึ้นไปอีกหรือ….
ฟาน เสี่ยวเสวี่ย โยนเสื้อผ้าคืนให้เสมียน:“ฉันจะไม่ซื้อที่ร้านนี้อีกต่อไป!”เสมียนกล่าวว่า:“ถ้าคุณไม่ซื้อแล้วคุณยังมีให้ซื้ออีกหรือ”
นี่เป็นดาเมจติดคริติคอลของจริง!ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยเกือบจะสูญเสียฐานรากของเธอไป…
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเธอไม่สามารถทําอะไรได้เธอจึงหันกลับและชี้ไปที่หลินฟานและดุด่าว่า“แกมันคนจนตัวเหม็นเป็นความผิดของแกทั้งหมดแกบริจาคเสื้อผ้าของฉันไปและแกทําให้ฉันตกต่า!ให้ฉันยืมเงิน!มีเงินให้ฉันยืมไหมเหอะ!”
หลินฟาน พยักหน้าอย่างจริงจัง:“เฮ้หากผมบอกว่าผมรวยจริงๆพี่สาวเสี่ยวเสวี่ยทําไมคุณถึงโกรธผมขนาดนั้นผมมาที่นี่เพื่อช่วยคุณนะ”
ฟาน เสี่ยวเสวี่ย หัวเราะเยาะ:“ช่วยฉัน? ถ้าคุณมีเงิน 18,000 หยวน ในบัตรธนาคารของคุณจริงๆฉันจะก้มหัวให้คุณเลย!แต่ก็นะฉันเกรงว่าคุณจะไม่มีแม้กระทั่ง 118 หยวน!”จริงๆ
หลินฟาน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆและดูเหมือนว่าเขาไม่ควรมีเงินถึงร้อยสิบแปดหยวน
ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยต้องการหันเหความโชคร้ายทั้งหมดของเธอไปทางทิศตะวันออกและเปลี่ยนจุดสนใจทั้งหมดไปที่หลินฟานการเคลื่อนไหวนี้ค่อนข้างโหดเหี้ยม..
แน่นอนว่าเมื่อทุกคนเห็นชุดของหลินฟานพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าฟ่านเสี่ยวเสวี่ยพูดถูกและรังเกียจหลินฟานไปในทันที
“เฮ้ ทําไมวันนี้ มีผีจนๆเข้าชาแนลเยอะจัง!”
“ชาแนลได้พาพวกเขาเข้ามางั้นเหรอ”
“จริงๆ แล้ว มีกลิ่นเปรี้ยวในทางเข้าออกร้านนะพวกคุณได้กลิ่นไหม?”
ฝูงชน หัวเราะเยาะ
หลินฟานไม่ได้ใส่ใจกับการดูถูกของทุกคนมากนักและเขาเพียงหยิบบัตรธนาคารของเขา
ออกมาแล้วยื่นให้กับเสมียน:“ผมต้องการซื้อชุดนี้”
เสมียนเริ่มสงสัยเด็กคนนี้รวยจริงหรือ?
เสมียนนําเอาบัตรธนาคารมายังไงซะถ้ารูดเงินไม่ได้ผู้ชายคนนี้ก็จะอับอายแทน..
เสมียนจึงรูดบัตรของหลินฟานในทันที
หยด!
รูดสําเร็จ!
“อะไร?”
ทุกคน โดยรอบ อึ้ง 18,000 หยวน รูด สําเร็จ?
เด็กคนนี้ ที่ใส่เสื้อผ้าแผงลอยหากเพียงมองเด็กคนนี้ที่ไม่น่ามีเงินหลักร้อยกับจ่าย 18,000ได้ อย่างง่ายๆแบบนี้งั้นเหรอ!?
พนักงานก็แปลกใจเล็กน้อยแค่เพียงลูกค้าจ่ายเงิน และตราบใดที่เธอรูดบัตรได้สําเร็จ ก็เป็น
พระเจ้าของเธอ..
“ขอบคุณที่อุดหนุนคะกรุณาเก็บบัตรและสินค้าของคุณไว้” เสมียนยิ้มและมีความกระตือรือร้นมากเธอคืนบัตรให้หลินฟาน ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเก็บถุงเสื้อผ้าส่งให้หลินฟาน
หลินฟานหยิบถุงเสื้อผ้าแล้วหันไปมอบให้เพิ่งรั่วหลาน:“พี่สาวผมให้นี่กับพี่ผมรู้จักพี่มานานแล้วแต่ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญกับพี่เลยและนี่ถือเป็นของขวัญจากผม”
เพิ่งรั่วหลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจริงๆแล้วเสี่ยวฟานไม่เคยให้ของขวัญเธอมาก่อนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับของขวัญ เป็นชิ้นแรกจากหลินฟานมันยากที่จะปฏิเสธ จริงๆและเธอปฏิเสธไม่ได้
“ขอบคุณเสี่ยวฟานฉันชอบมันมาก”เพิ่งรั่วหลานหยิบถุงช้อปปิ้ง โดยไม่สนใจอารมณ์ของฟานเสี่ยวเสวี่ย
ใบหน้าของฟ่านเสี่ยวเสวี่ยกระตุกเหมือนถูกตบหน้าฉากใหญ่
บ้าจริง หลินฟานตบหน้าเธอจริงๆใครจะไปคิดว่าหลินฟานที่ยากจนมากแต่เขาสามารถ
จ่าย 18,000 หยวนได้อย่างง่ายดาย!
“พี่สาวเสี่ยวเสวี่ย ตอนนี้คุณเชื่อหรือยังเฮ้ใบหน้าของคุณเป็นอย่างไรบ้างพี่สาวเสี่ยวเสวี่ยหน้าของคุณ. . เป็นตะคริวหรือเปล่า” หลินฟานถามฟ่านเสี่ยวเสวี่ยเกือบเป็นลมตาย..
ในตอนนี้มีเพียงทักษะชาเขียวเท่านั้นที่ช่วยรักษาสถานการณ์เอาไว้ได้
ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยยิ้มหวาน:“หลานหลานฉันอิจฉาเธอจริงๆที่มีน้องชายแบบนี้และเขาก็ให้ของขวัญเธอนี่เขาช่างห่วงใยเธอจริงๆ อย่างไรก็ตามฉันกลัวว่าเขาที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งในก่อนหน้านี้ และเขาได้ใช้มันเพื่อซื้อเสื้อผ้าไปแล้วดังนั้น.. เขาจึงไม่มีเงินที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป
ในอนาคต ใช่หรือไม่?”
คําพูดเหล่านี้ เป็นทักษะชาเขียวจริงๆดูเหมือนว่าเธอจะสนใจ หลินฟานแต่ในความเป็นจริงเธอกําลังเยาะเย้ยหลินฟานที่ทําให้ใบหน้าของเธอบวมและอ้วน
หลินฟานกล่าวว่า“พี่สาวเสี่ยวเสวี่ยกังวลมากเกินไปแล้วผมยังมีเงินอยู่อีก”
ถ้าเงินสดหลายแสนล้านในบัตรธนาคารของเขาไม่พอใช้แล้วเท่าไหร่จึงจะพอใช้?
ฟ่าน เสี่ยวเสวี่ยฮัมเพลง:“อย่าพูดว่าฉันดูถูกคุณถ้าฉันเดาไม่ผิด หลินฟาน หลานหลานควรให้เงินในบัตรของเธอแก่คุณ!”
เพิ่งรั่วหลานเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในหยุนเฉิงดังนั้นการให้เงิน หลินฟานเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย..
ยิ่งเธอจินตนาการถึงมันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งมันใจกับมันมากขึ้น และนั้นฟานเสี่ยวเสวี่ยก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าหลินฟานกําลังใช้เงินของหลานหลาน
เฟิง รั่วหลาน ชี้แจงว่า:“เสี่ยวเสวี่ยเธอเดาผิดไปจริงๆจริงๆแล้ว เสี่ยวฟาน …” ในขณะนี้หญิงวัยกลางคนเข้ามาจากด้านนอกสวมชุดเครื่องแบบของร้านชาแนล“ผู้จัดการร้านกลับมาแล้ว”เสมียนร้านพูดอย่างมีความสุขและเป็นผู้จัดการร้านที่เข้ามาอย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฝีเท้าที่ตื่นเต้นของผู้จัดการร้านและเขาเดินตรงไปหาหลินฟานและโค้งคํานับ:“คุณหลินนั่นใช่คุณจริงๆ!ครั้งล่าสุดที่คุณใช้จ่าย 100 ล้านซื้อของทั้งถนนในตอนนั้นและฉันเป็นผู้จัดการร้านของชาแนลที่นั่นในตอนนั้นด้วยและนี่ฉันเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อสองวัน
ที่ผ่านมาไม่ทราบคุณหลินมีความต้องการอะไรไหม?”
อะไรนะ?
ทุ่ม 100 ล้านซื้อของทั้งถนน?
ทุกคนตกใจมาก
[สวมหมวกสูง ()] – เป็นคําพูดชมเชยมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ต่อมากลายเป็นการล้อเลียนหรือการบลัฟยกตัวอย่าง“ฟ่านเสี่ยวเสวี่ยที่พูดว่าตนเองสงสารสองแม่ลูกที่นั่งขอทานและยกระดับตัวเองโดยถามความคิดเห็นเฉินหยู่จนเฉินหยู่ต้องกล่าวชมฟ่านเสี่ยวเสวี่ย”และนี่คือการยกระดับตัวเองด้วยการชมเชยของผู้อื่นต่อมาทําไมถึงพูดว่า“หลินฟาน”สวมหมวกสูงให้“ฟ่านเสี่ยวเสวี่ย”นั้นก็เพราะ “หลินฟาน”เล่นกลทําให้“ฟ่านเสี่ยวเสวี่ย”สูญเสียเสื้อผ้า และสิ่งของราคาแพงที่ตัวเธอเองเคยเหน็บแนมสองแม่ลูกขอทานไปและเป็นการทําให้“เฉินหยู่”เปลี่ยนมุมมองของ“ฟ่านเสี่ยวเสวี่ย” ไป ถือเป็นการสนับสนุนการกระทําของ“ฟ่านเสี่ยวเสวี่ย”นั้น
เอง…