ชื่อเสียงของฉู่สวินหยางในเวลานี้ไม่เท่าไร
ความในใจของหลี่เหวยถูกเปิดโปง หน้าจึงแดงขึ้นอย่างอิหลักอิเหลื่อ
เขาก้มหัวลงต่ำพูดขึ้นเบาๆ “เป็นข้าที่หลงผิดต้องคำนึงถึงเรื่องใหญ่ หวังว่าฝ่าบาทจะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่สักครั้ง”
องค์รัชทายาทไม่เอ่ยอันใด
สำหรับสาวน้อยฉู่สวินหยางที่เหี้ยมโหดนั้น เขาไม่เคยคาดหวังอะไรในใจอยู่แล้ว ทุกครั้งที่พบหน้านางต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกคราไป สามารถคาดเดาได้ว่าหากต้องแต่งนางกลับไปด้วยเหตุผลทางการเมือง…
คนทั้งสองต่างไม่มีความสุข เขามีลางสังหรณ์ว่าตนเองจะถูกนางทำให้กระอักเลือดจนตายทั้งยังมีชีวิตอยู่
แต่ทว่า…
หากคำเล่าลือที่ข้างนอกพูดถึงกันเป็นเรื่องจริง สาวน้อยผู้นั้นมีคนในใจอยู่แล้ว หากต้องแต่งงานกับเขาแล้ว…
ดูเหมือนผู้ที่จะถูกทำให้กระอักเลือดตายที่แท้จริงควรจะเป็นฉู่สวินหยาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจขององค์รัชทายาทหนานฮวาก็รู้สึกเป็นสุขขึ้นมาก
หลี่เหวยเห็นเขายิ้มอย่างแปลกประหลาด ในใจรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก จึงได้แต่ใช้หางตาของตนลอบมองเขา
องค์รัชทายาทใจลอยไปชั่วขณะ จากนั้นจึงโบกไม้โบกมือ “เจ้าออกไปก่อนเถิด เรื่องนี้ไม่ได้รีบร้อน สถานการณ์ในซีเยว่ตอนนี้เป็นอย่างไรยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ทั้งหมดให้รอทางนั้นก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
“ขอรับ ฝ่าบาท” หลี่เหวยถอยออกไป
องค์รัชทายาทหนานฮวากลับไปพิงพนักเก้าอี้หลับตาลงพักผ่อน
หุบเขาเพลิงอัคคี
ที่นี่อยู่ระหว่างภูเขาไฟทั้งสองลูก อากาศแปลกประหลาด นอกจากเหมาะสมให้ต้นไม้ใบหญ้าเจริญเติบโตแล้วนั้น ทั้งยังมีบ่อน้ำพุร้อนทั้งเล็กและใหญ่นับไม่ถ้วน
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงเป็นคนที่อยู่ว่างไม่ได้ ในระยะเวลาหลายปีมานี้เขาจึงได้ทำการสำรวจบ่อน้ำพุร้อนที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว จึงให้เขานำน้ำในบ่อน้ำพุร้อนมาใช้ประโยชน์ทางการรักษา ลักษณะเป็นบ่อวงกลมขึ้นมา
หลายวันนี้เขาเตรียมยาสมุนไพรไม่น้อย ต้องให้เหยียนหลิงจวินลงไปแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนตามที่เขาสั่ง
สำหรับฉู่สวินหยางแล้วนั้น ได้แต่ ‘หน้าด้าน’ อยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหน เขานั้นไม่ได้สนใจนาง แต่ไหนแต่ไรมาเขาเดินเชิดคางมองผู้อื่นด้วยสายตาที่มองต่ำลงมา
ฉู่สวินหยางสงบนิ่ง ไม่ได้หาผลประโยชน์จากเขา และไม่ปะทะกัน จากต้นจนจบให้คิดเสียว่าเขาไม่มีตัวตน หกวันเต็มๆ ที่ผ่านมา คนทั้งสองต่างไม่ได้พูดอะไรกันสักคำเดียว
ฉู่สวินหยางนั้นอย่างไรก็ได้ ทว่าสองวันมานี้หน้าของผู้เฒ่าเหยียนหลิงเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
แม้แต่ฉู่สวินหยางยังสงสัยว่าเขาเจตนาต้องการจะแค้น ก่อนหน้านี้หลายครั้งยังเรียกให้เหยียนหลิงจวินแช่ยาสมุนไพรในบ่อน้ำพุร้อน ในระยะสองวันนี้ให้เขาแช่น้ำอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนถึงเจ็ดแปดชั่วยาม
เชินหลานที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแลบลิ้น ยังคงกล่าวกับฉู่สวินหยางอย่างน่าเอ็นดูว่า “ท่านหญิง นายท่านของข้ายังแช่น้ำสมุนไพรอยู่เจ้าค่ะ ที่นี่ไม่สะดวกเท่าไรนะเจ้าคะ”
“จริงหรือ?” ฉู่สวินหยางยิ้มบางๆ “เช่นนั้นเขาจะออกมาเมื่อไรล่ะ?”
เชินหลานแอบมองผู้เฒ่าเหยียนหลิงที่อยู่ข้างๆ กาย จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างอึดอัดใจว่า “เรื่องนี้…เพิ่งจะเปลี่ยนยาเมื่อสักครู่เจ้าค่ะ ควรจะใช้เวลาไม่น้อยกว่าสองชั่วยาม ท่านหญิงไปพักผ่อนก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวหากนายท่านของเข้าออกมาแล้ว ข้าจะไปเชิญท่านมานะเจ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง ส่งเสียงร้องหึหันไปกำชับเชินหลานอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย หากไม่ถึงเวลาไม่อนุญาตให้เขาออกมา”
พูดแล้วจึงเดินออกไปไม่แม้แต่จะเหลียวมองฉู่สวินหยางสักครั้ง และเดินผ่านด้านข้างนางออกไป
ฉู่สวินหยางเห็นท่าทางเจ้าอารมณ์เหมือนเด็กของเขา จึงได้แต่หันกายแล้วเดินออกไปเช่นกัน
ออกจากประตูไป นางและผู้เฒ่าเหยียนหลิงต่างเดินกันคนละด้าน
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงหันกลับมา เห็นนางเลี่ยงไปทางมุมกำแพงเพื่อกลับไปยังเรือนของตน ยามนี้จึงได้ร้องหึขึ้นอีก จากนั้นจึงเดินกลับไปยังเรือนของตนเองบ้า
ฉู่สวินหยางหยุดอยู่ที่หัวมุมของกำแพง ไม่สนใจว่าอีกด้านหนึ่งนั้นผู้เฒ่าเหยียนหลิงออกไปแล้วหรือยัง นางแตะเท้าครั้งหนึ่ง ใช้มือเพียงข้างเดียวแตะก็สามารถพลิกตัวข้ามกำแพงไป
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดตาบอด คนนอกไม่สามารถรู้ได้ กำแพงที่มีนั้นก็แค่เครื่องประดับ สำหรับนางแล้วนั้นไม่มีความยากอะไร
นอกจากเชินหลานที่เก็บยาสมุนไพรที่ลมพัดจนแห้งแล้วอยู่ข้างๆ กำแพง
ดวงตาของฉู่สวินหยางพลันโค้งขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินเข้าไปในห้อง
สถานที่ที่นางพักอยู่ในะนี้เป็นที่ที่เหยียนหลิงจวินอาศัยในอดีต แต่ผู้เฒ่าเหยียนหลิงใช้เหตุผลที่เหยียนหลิงจวินต้องพักรักษาตัว จึงรั้งเขาอยู่ที่นี่
เรือนแห่งนี้นับเป็นเรือนใหญ่ที่สุดในหุบเขาเพลิงอัคคี ด้านหน้ายังมีเรือนอีกหลายหลัง ด้านหลังเดินอ้อมภูเขาหิน”ไปจะเป็นถนน ด้านหลังคือบ่อน้ำพุร้อน
สถานที่แห่งนั้นนับว่ากว้างขวาง ล้อมน้ำพุร้อนไว้ทั้งหมดสี่บ่อทั้งเล็กและใหญ่ ใหญ่ที่สุดมีขนาดสิบจั้ง ขนาดเล็กที่สุดดูเหมือนจะแค่จั้งเดียว
รอบด้านเต็มไปด้วยหุบผาหิน มองลงไปเห็นเส้นทางสายหนึ่ง
ในเวลากลางวันจะมองเห็นดอกไม้ใบหญ้าผ่านช่องแผ่นหินแตก ในเวลากลางคืนแค่เพียงเงยหน้าก็จะสามารถมองเห็นแสงจันทร์
บรรยากาศในเวลานั้น ราวกับเป็นกระจกวิเศษครอบจักรวาล ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่งดงาม
ด้วยเหตุที่ปริมาณน้ำสูงขึ้น บนพื้นดินจึงยังชื้น แม้กระทั่งเก้าอี้หินที่อยู่บนไม้มีหลายจุดที่มีน้ำท่วมขังอยู่
ฉู่สวินหยางถอดถุงเท้าและรองเท้าถือไว้ในมือ เดินเท้าเปล่าไปยังบ่อน้ำพุร้อนด้านหน้า
เพราะต้องการให้น้ำพุร้อนแช่กายเพื่อให้ร่างกายได้แช่อยู่ในสมุนไพร เหยียนหลิงจวินจึงใช้บ่อน้ำพุร้อนที่เล็กที่สุด ในนั้นมีสมุนไพรหลากหลายชนิด ควันที่ลอยออกมาจากอุณหภูมิของน้ำ กลิ่นหอมของต้นหญ้าและใบไม้สมุนไพรลอยมาอย่างเข้มข้น
ฉู่สวินหยางอาศัยแสงจากดวงดาวเดินข้ามไป
เวลานี้เขาหันข้างให้กับทางออก เรือนร่างใหญ่โตนั้นแช่อยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง พิงอยู่ด้านหนึ่งเพื่อพักผ่อน
ฉู่สวินหยางเดินอย่างระมัดระวังราวกับกินปูนร้อนท้อง
———————–