ตอนที่ 199

Black Tech Internet Cafe System

“วันนี้วันเสาร์”

 

เช้าวันนี้ซงฉิงเฟิงนั่งลงบนโซฟาพร้อมถ้วยบะหมี่ “อีกแค่วันเดียวกระบี่เทพสังหารตอนที่เก้าและสิบก็จะมาแล้ว”

 

เนื่องจากเรื่องขี่พายุทะลุฟ้าได้เปิดตัวไปแล้วสี่ตอนในวันอังคารก่อนเพรราะฉะนั้นอังคารหน้าก็จะมาเพิ่มอีกสี่ตอนเป็นแปดพอดี

 

“เจ้าของไปไหน” เขามองไปรอบๆ เห็นว่าฟางฉีนั้นกำลังทำอะไรบางอย่าง พวกเขาจึงเดินไปสำรวจใกล้ๆ เพื่อจะมีอะไรแปลกใหม่บ้าง

 

ก่อนหน้านี้ฟางฉีเองเล่นเกมด้วยความชำนาญ ในสายตาลูกค้าหรือคนอื่นๆ มองว่าเขานี่ละเซียนเกม ในตอนนี้เขาเองก็กำลังดูกระบี่เทพสังหารตอนที่เจ็ดและแปดอยู่

 

แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาแอบดูฟางฉีว่ากำลังทำอะไร .. หลายครั้งที่พวกเขาเฝ้ามอง

 

ขณะเดียวกันที่พวกเขากำลังยืนอยู่ข้างหลังฟางฉีี ฉากในละครก็ปรากฏขึ้นว่า จางเสี่ยวฟานกำลังยืนมองการดูดซับของลูกปัดวิญญาณที่กำลังรวมพลังเข้ากัน

 

ระหว่างที่ฟางฉีเฝ้ามองหน้าจออยู่นั้นความคิดก็ผุดขึ้นมา .. ทำไมเขาต้องเฝ้าดูละครแค่ในมุมของเสี่ยวฟานอย่างเดียว ทุกคนรู้ดีว่าพื้นฐานในการดูละครคือการหยุดชั่วคราวหรือเล่นไปข้างหน้าไม่ก็ย้อนกลับ

 

ตัวเลือกขั้นสูงรวมไปถึงการปรับแต่งคุณภาพและตัวเลือกอื่นๆ เนื่องจากระบบไม่ได้ให้หนังสือคำแนะนำแก่เขา เขาจึงไม่ทราบว่าจะมีตัวเลือกดังกล่าวหรือไม่

 

ด้วยความประหลาดใจเขาจึงตัดสินใจเปิดหัวข้อตัวเลือกมันปรากฏขึ้นทันที!

 

ฟางฉีีจ้องมองพบว่ามันมีตัวเลือกการตั้งค่าขั้นสูง .. เขาสามารถลบกล้องที่ถูกบล็อคได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือวิทัศน์ต่างๆ ไม่ได้ถูกจำกัดมุมกล้องเหมือนละครปกติ

 

หมายความว่าเขาสามารถที่จะโยกย้ายไปดูในมุมอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่นเขาสามารถย้ายมุมกล้องไปที่ยอดเขาอื่นๆ ในขณะที่เสี่ยวฟานกำลังฝึกฝน

 

“บ้าเอ้ย!” ฟางฉีสบถไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะสามารถใช้ตัวเลือกในการดูละครได้

 

สถานที่แรงที่เขาเลือกจะไปคือถ้ำพระจันทร์ซึ่งอยู่ที่ภูเขาด้านหลังที่พักของกลุ่มเมฆเขียว .. แต่เมื่อกำหนดมุมกล้องให้ไปยังที่นั้นกลับดูระบบเด้งกลับมามุมเดิม

 

ฟางฉีรู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่สามารถเข้าถึงถ้ำพระจันทร์ได้ แม้จะมีอิสระสูงในการใช้รูปแบบการดูละคร แต่มันยังคงมีข้อจำกัดบางอย่าง

 

เขาเองไม่สามารถฝ่าฝืนข้อจำกัดเหล่านี้ได้

 

“ระบบไม่เห็นจะบอกอะไรข้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีสีดำพวกนี้เลย ..” ฟางฉีพึมพำ

 

ตอนนี้เขากำลังพิจารณาว่าจะไปที่ไหนต่อดี

 

“หรือข้าจะไปที่ยอดเขาดี?” ด้วยความคิดนี้เขาเลือกที่จะกดปุ่มหยุดชั่วคราว .. และกดเริ่มเล่นอีกทีเมื่อเดินทางไปถึงยอดเขา

 

มองไปที่ป่าไผ่พบลำธารไหลผ่านสาวกหญิงเดินผ่านไปมาแยกเป็นสองถึงสามกลุ่ม “นี่มัน .. เป็นเทคโนโลยีสีดำที่เจ๋งจริงๆ”

 

แน่นอนเขาไม่ได้ต้องการให้ใครพบเขา เชามาที่นี่เพราะจำได้ว่าก่อนการแข่งของลูซัวฉีหนึ่งในตัวละคนหญิงหลักแทบจะไม่เคยเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้าเลย

 

เพียงแต่ช่วงก่อนตอนที่เก้าและสิบมีหนังสั้นๆ เผยให้เห็นถึงการแข่งขัน .. เขาจึงมั่นใจว่าอาจารย์ของเธออาจสอนให้เธอได้รู้จักกับเทคนิคในช่วงเวลานี้ก็เป็นได้

 

หากเขาไม่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่องเขาก็คงไม่รู้ว่าเมื่อใดหรือที่ใดเป็นแน่ .. ดังที่เคยได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ระบบได้สร้างโลกใหม่ขึ้นในเกมแถมมันยังสร้างเวทย์มนตร์หรือสกิลคล้ายกับ Diablo

 

ดูเหมือนว่าระบบจะสร้างโลกใหม่ทั้งในเกมและละครคล้ายๆ กัน

 

ในไม่ช้าฟางฉีก็ได้มาถึงเป้าหมาย .. เขาแอบมองลูซัวฉีจากมุมกล้องในละคร

 

มันคงจะน่าเบื่อที่จะต้องอยู่ในที่เดียวที่เดิม ..

 

ตาของฟางฉีเบิกโพงด้วยความตกใจ .. สองร่างกำลังปรากฏตัว คนหนึ่งอยู่ในวัยสามสิบใบหน้ารูปไข่ของเธอดูสง่างสมในชุดคลุมสีขาว ข้างๆ เธอคือศิษย์หญิงในชุดขาวเช่นกัน

 

ฟางฉีใจเต้นรัว ..​เขารู้ทันทีว่าพวกเขาเป็ฦนใคร เหตุใดอาจารย์และศฺษย์ของเธอมาที่นี่ในเวลานี้ เป็นไปได้มั้ยว่าข้าคาดเดาไม่ผิด

 

เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปหาพวกเขาเพื่อให้สอนเกี่ยวกับเทคนิคคาถาที่แท้จริงของเทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้า .. แต่ถึงอย่างไรในความเป็นจริงเขาจำได้ว่าเขากำลังดูละครอยู่ เขาจึงต้องได้และอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ต่อไป

 

“ฉี ข้าจะสอนเทคนิคหลายอย่างและเวทย์มนตร์คาถาให้แก่เจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีเทคนิคขั้นสูงสุดที่สามารถควบคุมองค์ประกอบในธรรมชาติได้” แสงจันทร์ที่ส่องผ่านม่านกระทบเข้ากับใบหน้าของพวกเขา ฟางฉีรู้แล้วว่าในตอนนี้เองลูซัวฉีเองกำลังจะได้เรียนรู้คาถาเทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้า

 

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของเธอกำลังจะถ่ายทอดเทคนิคที่ดีที่สุดให้เธอก่อนการแข็งขันภูเขาเจ็ดลูก!

 

ฟางฉีพบว่ามันสุดยอดจริงๆ ที่เขาค้นพบความลับครั้งนี้! เขาเหลือบมองดูเวลาในทันทีพบว่ามันเป็นเวลา 30:28 นาทีของตอนที่เก้า

 

ตอนนี้ฟางฉีสามารถดูคำแนะนำที่สำคัญของเทคนิคสายฟ้า!

 

 

–  ณ ภูเขาเรือนจำ  –

 

สายฟ้าสีขาวพุ่งผ่านท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่ว สีเมฆมืดหม่นราวกับพายุฝนกำลังเดินทางใกล้มาถึง

 

สองร่างที่กำลังเดินไปตามเส้นทางภูเขา คนที่อยู่เบื้องหน้ามีผมสีขาวและเครายาว ส่วนคนข้างหลังมีลักษณะคล้ายกับคนหน้าแต่ร่างกายใหญ่กว่านิดหน่อย

 

“ท่านอาจารย์” ผู้เฒ่าฟูเอื้อนเอ่ย “หลายปีแล้ว แม้จะยังคงมีร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ แต่ข้าคิดว่ามันคงถูกล้างออกไปบ้างแล้วละ ..”

 

นาหลันฮงวูส่ายหัว “มันจะคุ้มค่ากับความพยายามของเราหากเราหามันพบ แม้แต่ร่องรอยอันน้อยนิดก็เถอะ นอกจากนี้ข้าเองรู้สึกว่าข้าต้องมา ไม่งั้นข้าจะต้องตจายด้วยความค้างคาใจ ..”

 

“ท่านอาจารย์ได้ฝึกฝนจนพลังของท่านนั้นยอดเยี่ยมาก มันใช้เวลานานมากก่อนที่ท่าจะจากไป” ผู้เฒ่าฟูส่ายหัว

 

นาหลันฮงวูสูดหายใจเข้า “ข้าจำได้ว่าเขาถูกฝังอยู่ที่แห่งนี้”

 

“ที่นั่น ..” ผู้เฒ่าฟูชี้ไปข้างหน้า เมือมองไปทางที่ทอดยาวสามารถมองเห็นหลุมฝังศพที่เต็มไปด้วยวัชพืชรกร้าง

 

เสียงฟ้าร้องค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ เม็ดฝนค่อยๆ โปรยลงมากช้าๆ จนเริ่มหนักขึ้น

 

ในขณะเดียวกันเสียงหวีดของลูกธนูที่พุ่งมา .. ลูกธนูสีดำช่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอันมืดมน

 

“ใครกันแอบซุ่มโจมตี!?” ผู้เฒ่าตะโกนขึ้นขณะที่เขาส่งกำลังภายในของเขาออกมาป้องกันตัวเอง

 

ลูกธนูหายไปเมื่อชนเข้ากับกำลังภายในที่ปกป้องรอบตัว .. ความเร็วของมันไวราวกับสายฟ้าแลบ