บทที่ 410 ถล่มลานประลอง
บทที่ 410 ถล่มลานประลอง
“ท่านหัวหน้า! เจอตัวเขาแล้วครับ!”
ซาตานที่กำลังโกรธจัดได้แผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้ออกมา ซึ่งเหล่าสมาชิกกิลด์จักรวรรดิกาลาดูร์ต่างก็รู้ดีกันในเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรแม้ว่าในใจจะโกรธไม่ต่างกันก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมาหลังจากได้รับข้อมูลบางอย่างมา
“ดี! มันอยู่ไหน?”
ซาตานรีบหันกลับมาถามอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนเจอเป้าหมายของเขาเร็วขนาดนี้ เพราะงั้นจึงลืมความโกรธไปชั่วขณะ
“ที่เมืองจักรวรรดิครับ! อยู่ในลานประลอง!”
“ว่ายังไงนะ!”
…
มันเพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายเท่านั้น แต่อีเวนต์ขนาดใหญ่นี้ก็ทำให้ฟอรั่มของทั้งเขตฮันกึลและเขตฮัวเซียครึกครื้นกันไปหมด
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดคุยกันในฟอรั่มนั้น หาใช่เรื่องอีเวนต์ที่กำลังจะมาไม่ มันกลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียที่หายตัวไปร่วมเดือนอย่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง แต่เป็นในเขตฮันกึลแทนที่จะเป็นเขตฮัวเซียดังเดิม!
จริง ๆ เรื่องนี้ก็สั่นสะเทือนทั่วทั้งเขตฮันกึลมาก่อนหน้าแล้ว ข่าวของการที่มีคนข้ามเขตมานั้นกระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว และมันบีบบังคับให้พวกเขาต้องออกมาตามล่าผู้บุกรุกกันจนอลหม่านไปหมด
ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตฮันกึลที่มีการพูดถึงในฟอรั่มอยู่ตลอดนั้น มันทำให้ผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้คนที่เป็นผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย เจ้าแห่งฮีลเลอร์
เพียงแค่ได้เห็นชื่อนี้กลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้งก็มากพอจะดึงดูดพวกเขาแล้ว เพราะต่อให้เจ้าตัวจะไม่ได้ล็อกอินมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม แต่เขาก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ในผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตฮัวเซียอยู่ดี!
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือที่มาจากฟอรั่มของเขตฮันกึลนั้นดูไม่น่าเชื่อถือมากนัก ทั้ง ๆ ที่เส้นแบ่งเขตแดนก็ยังไม่ถูกลดระดับความหนาแน่นลง แบบนี้แล้วจะให้ผู้เล่นข้ามเขตแดนไปได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียที่ไม่เชื่อข่าวลือนั้น แต่เขตอื่น ๆ เองก็ไม่เชื่อด้วย พวกเขาคิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องปั่นกระแสที่เขตฮันกึลสร้างขึ้น เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะไปปรากฏตัวที่เขตฮันกึลได้อย่างไร?
เพราะพวกเขารู้ดี ว่าถ้าหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไปยังเขตฮันกึลได้ล่ะก็ หนึ่งเดือนที่เขาหายตัวไป ฮันกึลก็คงเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว เขาคงไม่อยู่เงียบ ๆ มานานถึงขนาดนี้หรอก
แต่แล้ววันนี้ การถ่ายทอดสดที่มาจากฟอรัมเขตฮันกึลก็แสดงให้เห็นว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง เจ้าแห่งฮีลเลอร์ อันดับ 1 ของเขตฮัวเซียไปอยู่ที่เขตฮันกึลจริง ๆ!
“บ้าน่า! นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์นี่! ฉันจำชื่อตัวละครเขาไม่ผิดแน่!”
“ใช่ นั่นเขาจริง ๆ ด้วย! ฉันเคยเข้าไปเคลียร์ดันเจี้ยนกับเขามาครั้งนึง! ในลานประลองนั่นเป็นเขาจริง ๆ ! ฉันสาบานเลย!”
“เมื่อกี้ฉันเห็นสกิลค้อนสีทองนั่น! มันเป็นสกิลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ผิดแน่! แล้วไหนจะวิธีการสู้นั่นอีก ตามปกติแล้วเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็มักจะฆ่าผู้เล่นอื่นด้วยค้อนนั่นทุกครั้งอยู่แล้วด้วย!”
“เดี๋ยวสิ ก็ในเมื่อเส้นแบ่งเขตแดนยังไม่เจือจางลง เจ้าแห่งฮีลเลอร์เดินทางไปที่เขตฮันกึลได้ยังไงน่ะ?”
“ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบของคำถามนี้เหมือนกันนั่นแหละ แต่ใครจะมาตอบล่ะ? เหตุผลที่ดูจะเข้าเค้าที่สุดก็น่าจะเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังทำภารกิจพิเศษอยู่ บางทีการที่เขาหายตัวไปนาน ๆ อาจจะเกี่ยวข้องกับภารกิจที่ทำ เขาอาจจะไปพลาดติดกับดักในภารกิจนั้นก็ได้”
“เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้า แค่เขาปลอดภัยฉันก็โล่งอกแล้ว รู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ฉันกังวลมากเลยที่หลาย ๆ คนต่างก็บอกว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกศัตรูฆ่าตายในโลกจริงไปแล้ว เขตฮัวเซียของพวกเราเกือบจะสูญเสียคนอย่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไปแล้วนะ!”
“ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในเกมน่ะ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาในโลกจริงแน่ ๆ เพราะงั้น บางทีเขาอาจจะเป็นยอดฝีมือที่มีศิลปะการต่อสู้โบราณก็ได้นะ คิดว่าจะมีใครเอาชนะเขาได้อีกเหรอ?”
“ใช่แล้ว! ดูสิ เห็นไหม เจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังสบายดี! ถึงแม้เขาจะหายไปนาน แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะโดนอะไรบางอย่างรั้งเอาไว้แน่ ๆ บางทีอาจจะเป็นภารกิจพิเศษอย่างที่พวกนั้นพูด เขาเลยหลุดไปอยู่ที่เขตฮันกึลได้”
“ตอนนี้เลเวลของเขาตามหลังคนอื่นอยู่นิดหน่อย ถ้าเมื่อไหร่เขาสามารถเก็บเลเวลตามคนอื่นทันได้ล่ะก็ เขาจะต้องกลับมาเป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียได้อีกครั้งแน่ ๆ!”
“แน่นอน! ทั้งสัตว์เลี้ยงแล้วก็สัตว์ขี่ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เองก็อยู่ที่นั่นด้วย นายเองก็เห็นพลังของสัตว์เลี้ยงระดับตำนานตัวนั้นแล้วใช่ไหม? ไม่ว่าจะสกิลไหนของเธอมันก็เป็นสกิลโจมตีหมู่หมดเลย! มีเพียงสัตว์เลี้ยงตัวนั้นเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์กลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง!”
“แต่ดูเหมือนว่าอุปกรณ์ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะอยู่ในมือของนายท่านไนท์คูนเนอร์ไม่ใช่เหรอ? เขาจะเอามันกลับคืนมาได้หรือเปล่านะ?”
“ฉันได้ยินมาจากหัวหน้ากิลด์ของฉันว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นฝ่ายทิ้งอุปกรณ์ของเขาไว้กับกิลด์มิดซัมเมอร์เองน่ะ ด้วยความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองฝ่าย บางทีในเมื่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์กลับมาแล้ว มันคงไม่มีปัญหาอะไรหากเขาจะขออุปกรณ์คืนหรอกมั้ง”
“แล้วถ้ามิดซัมเมอร์คิดไม่ซื่อล่ะ?”
“นั่นไม่ใช่เรื่องของพวกเราซักหน่อย ถ้าหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะกระจอกขนาดโดนหักหลังง่าย ๆ เขาคงไม่ได้เป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียแบบนี้หรอกมั้ง”
“นั่นสิ ดูบนตัวเขา เห็นไหม อุปกรณ์ที่เขาสวมอยู่เปล่งแสงสีขาวอยู่ด้วย แสดงว่ามันต้องเป็นชุดระดับเทพเจ้าอีกชุดแล้วแน่ ๆ ขนาดพวกเราที่เล่นมาตลอดยังหาของแบบนี้ไม่ได้เลย เห็นหรือเปล่าว่าความห่างชั้นกันมันมีมากขนาดไหน!”
“เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่าในฟอรัมของฮันกึล มีกระทู้ที่เรียกให้ผู้เล่นฮันกึลทุกคนดักฆ่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์นี่ใช่ไหม?”
“อ่าฮะ ฉันเองก็จำได้เหมือนกัน แต่ก็นะ พวกนั้นหาเรื่องตายเองนี่! พวกนั้นมันไม่รู้หรือไงว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ากลัวขนาดไหนถ้าโกรธขึ้นมาน่ะ? เผลอ ๆ เขาอาจจะถล่มทั้งเขตยับเลยก็ยังได้มั้ง”
“ฉันรู้สึกว่ายิ่งมีกระทู้ตามล่าตัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในฟอรัมของฮันกึลมากเท่าไหร่ พวกนั้นก็ยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้นเท่านั้นเลยนะ”
“ฮ่า ๆ ฉันเองก็หวังว่าจะได้เห็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ทำให้ฮันกึลปั่นป่วนได้นะ เพราะขนาดตอนอยู่ในฮัวเซีย ความเป็นคนไม่ยอมคนของเขายังทำเอาหลาย ๆ กิลด์ต้องเจ็บหนักกันมาแล้วเลย ไม่ว่าจะกลอรีหรือกิลด์ดึกดำบรรพ์ จะว่าไปมิดซัมเมอร์เองก็เคยระทมหนักเพราะเขาด้วยนี่นา”
“ตอนนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ในลานประลอง หรือว่าเขาต้องการจะปั่นอันดับของตนเองให้สูงขึ้นเพื่อเข้าร่วมอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้เหรอ?”
“ฉันว่าน่าจะแบบนั้นแหละ เพราะแบบนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เลยไม่มีเวลามาสนใจพวกนั้น ไม่งั้นแล้วป่านนี้พวกฮันกึลอาจจะเละไปแล้วก็ได้”
“ฮ่า ๆ ฉันล่ะอยากเห็นตอนที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ถล่มฮันกึลจริง ๆ!”
“เดี๋ยวนะ มีอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า? เจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังปั่นแรงค์ของเขาในขณะที่เขาอยู่ในสนามประลองของเขตฮันกึลนะ! แบบนี้แสดงว่าถ้าเขาเข้าร่วมการแข่งขัน เขาก็จะเป็นตัวแทนของเขตฮันกึลไม่ใช่หรือไง?”
“อ๊าาา! ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ!”
“ฉิบหายแล้ว! มันมีโอกาสเป็นไปได้นะ! แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เขตฮันกึลก็จะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันน่ะสิ? เพราะพวกนายเองก็รู้ว่าไม่มีใครเอาชนะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้หรอก!”
“ได้โปรด อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป! เจ้าแห่งฮีลเลอร์ในตอนนี้น่ะ ทั้งอุปกรณ์ทั้งเลเวลล้วนแต่ตามหลังทุกคนหมดเลย บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่เหนือไปซะทุกคนแล้วก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น พวกยอดฝีมือหาตัวจับยากอย่างเทพเจ้าสายฟ้าน่ะ!”
“นอกจากนี้ ต่อให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะได้อันดับ 1 มา เดี๋ยวเขาก็คงจะนำของรางวัลที่ได้ในเขตฮันกึลกลับมายังฮัวเซียเองแหละ เรื่องมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกน่า…”
…
จำนวนผู้เล่นที่ล็อกอินอยู่ในฟอรัมเขตฮันกึล ณ เวลานี้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเพิ่มขึ้นจากปกติถึงสิบเท่า และมันมากกว่าจำนวนผู้เล่นในเขตฮันกึลจริง ๆ เสียอีก!
ใช่แล้ว พวกเขาเหล่านี้มาจากเขตอื่น และท่ามกลางพวกเขาเหล่านี้ ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียดูจะมีประชากรมากที่สุด ทั้งหมดมันก็มาจากกระทู้ปักหมุดในฟอรัมเขตฮันกึลนั่นแหละ เพราะในกระทู้นี้ได้ลงวิดีโอถ่ายทอดสดเอาไว้ ดังนั้นมันจึงนำพาผู้เล่นเขตฮันกึลจำนวนนับไม่ถ้วนให้เข้ามาดูสิ่งนี้
‘พบผู้บุกรุกที่น่ารังเกียจ! บุรุษอันดับ 1ของเขตฮัวเซีย กำลังไล่เข่นฆ่าพวกพ้องชาวฮันกึลของพวกเราอยู่ที่สนามประลอง! เราขอวิงวอนให้เหล่ายอดฝีมือเขตฮันกึลมารวมกันที่สนามประลองแล้วกำจัดเขาซะ!’
วิดีโอถ่ายทอดสดนี้ดำเนินมายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว และเนื้อหาในวิดีโอเองก็แสดงให้เห็นภาพของสนามประลองที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ซึ่งบนสนามประลองเองก็มีการ PVP เกิดขึ้นตลอดเวลาด้วย ทว่าหากจะบอกว่ามันคือการ PVP ทั่วไปก็คงจะด้อยค่าเกินไป เพราะสิ่งที่เกิดมันดูโหดร้ายกว่ามาก ๆ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ พวกเขาต่างก็พบจุดจบกันภายในเวลาสามวินาทีภายใต้ค้อนสีทองขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายได้มากกว่า 600 หน่วยต่อการทุบหนึ่งครั้ง ด้วยความเสียหายระดับนี้ มันสามารถส่งผู้เล่นลงไปเกิดข้างสนามได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเรื่อย ๆ ได้
“ชนะต่อเนื่องหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดครั้ง! พระเจ้า! อันดับ 1 ของเขตฮัวเซียนี่น่ากลัวจริง ๆ! ความเสียหายที่ทำได้นั้นอย่างกับฝันไปเลย! แค่สกิลเดียวก็ทำให้เขาขึ้นมาติดท็อปหนึ่งล้านคนในสนามประลองได้แล้ว! จะไม่มียอดฝีมือของฮันกึลสั่งสอนเขาได้จริง ๆ เหรอ?”
ภายในวิดีโอนั้น มีผู้เล่นเขตฮันกึลที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนพิธีกรในรายการถ่ายทอดสด กำลังยืนบรรยายสถานการณ์อยู่ข้างสนามด้วย คน ๆ นี้กำลังเรียกให้เหล่ายอดฝีมือของเขตฮันกึลมาที่นี่เพื่อที่จะจัดการกับผู้บุกรุกที่เป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียคนนี้เสีย!
ส่วนบนสนามนั้น การบรรยายยังไม่ทันจบ เซียวเฟิงก็ได้ลงมือฆ่าผู้เล่นที่ขึ้นมา PVP กับเขาด้วยค้อนแห่งการพิพากษาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาไม่แม้แต่จะร่ายบัฟให้ตนเองเลยด้วยซ้ำ ผู้เล่นเหล่านี้ไม่ถึงขั้นให้เขาต้องร่ายบัฟเลย
“จบในการโจมตีครั้งเดียวด้วยค้อนสีทองนั่นอีกแล้ว!? นี่อันดับ 1 ของเขตฮัวเซียเป็นนักบวชจริง ๆ เหรอ? ทำไมเขาถึงมีสกิลที่โจมตีได้รุนแรงขนาดนั้นอยู่ด้วย? อ๊ะ ชนะต่อเนื่องหนึ่งร้อยแปดสิบแปดครั้งแล้ว! ยอดฝีมือของฮันกึลอยู่ไหนกันหมด!”
ผู้ประกาศข่าวที่อยู่ข้างสนามนั้นตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ใช่แล้ว เขาโกรธจริง ๆ แต่ก็อดตื่นเต้นกับความแข็งแกร่งของศัตรูบนสนามไม่ได้ นอกจากนี้เขายังตื่นเต้นกับการที่ไลฟ์สดของเขาถูกนำไปเผยแพร่ในฟอรัมเขตฮันกึลจนมีผู้ชมกว่าหนึ่งพันล้านคนด้วย เพราะนี่มันหมายถึง ตัวเองจะมีรายได้เข้ามาแบบมหาศาลเลย
เหล่าผู้เล่นของฮันกึลตอนนี้ได้มาห้อมล้อมสนามประลองไว้หมดแล้ว และพวกเขาเองก็พากันตื่นเต้นไม่แพ้กันด้วย บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจเต็มไปหมด และแน่นอนว่าถ้อยคำด่ากราดเองก็เต็มไปหมดด้วยเช่นกัน
“ดูนั่น! นั่นมันยอดฝีมือหานชิวเฟิง ที่อยู่ลำดับสามในอันดับผู้มีคุณสมบัติแล้วก็อันดับสี่ในอันดับสนามประลองไม่ใช่เหรอ? นี่เขามาสนามประลองเพื่อที่จะกำจัดอันดับหนึ่งของเขตฮัวเซียสินะ พระเจ้า! จริงด้วย ท่านชิวเฟิงมาแล้ว! ดูนั่น! ดูที่สนามฝั่งนั้น! ในที่สุดยอดฝีมือของฮันกึลก็มากันแล้ว! ได้เวลาสั่งสอนไอ้ปีศาจที่บุกรุกเขตพวกเรานั่นแล้ว! เอาเลย! ท่านชิวเฟิง จัดกา… เอ๊ะ? นายท่านชิวเฟิงโดนกำจัดไปแล้ว! ชนะต่อเนื่องหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าครั้ง!”
เสียงบรรยายจากผู้ประกาศข่าวคนเดิมกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังได้เห็นยอดฝีมือของตนปรากฏตัวในสนามประลอง ทว่าก่อนที่เขาจะได้แนะนำนักสู้เสร็จ ภาพเหตุการณ์เดิมก็กลับมาอีกครั้ง ภาพที่วนซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วนจนถึงตอนนี้ ยอดฝีมือชิวเฟิงถูกค้อนสีทองทุบลงไปเต็มแรงจนพ่ายแพ้โดยที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย
เซียวเฟิงเริ่มจะมีอาการชามือขึ้นมานิดหน่อยแล้ว หลังจากที่เขาทำการฆ่าผู้เล่นด้วยการโจมตีครั้งเดียวนี้มาเกือบจะสองร้อยครั้ง อันที่จริงต่อให้เป็นผู้เล่นคนอื่นที่ทำแบบเขา คน ๆ นั้นก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก
กระทั่งเซียวเฟิงได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนที่ไม่ได้ดังมากมาจากข้างสนาม ถึงเริ่มจะรู้สึกได้ว่าสถานการณ์มันแปลกไป
ครั้งนี้พวกผู้เล่นจากเขตฮันกึลไม่บุกขึ้นหาเขาบนสนามประลองก่อน พวกเขาเลือกที่จะสุมหัวกันพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะเซียวเฟิงยังคงต้องต่อสู้กับศัตรูตรงหน้าก่อน เพราะงั้นเขาจึงง้างค้อนแห่งการพิพากษาแล้วทุบผู้เล่นตรงหน้าไปอย่างไม่ออมมือ
โชคยังดีที่เซียวเฟิงทำเพียงลูบคางตนเองเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายความสงสัย นักธนูคนหนึ่งก็กลับขึ้นมาบนสนามประลองอีกครั้ง
“ผู้เล่นฮัวเซียทั้งหมดหยาบคายเหมือนแกหมดหรือเปล่า?” ชื่อของนักธนูผู้นี้คือหานชิวเฟิง เขากลับมายืนอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของสนามประลองอีกครั้งพร้อมกับมองเซียวเฟิงด้วยความเหยียดหยาม
“โอ๊ะ? ขอโทษทีนะ นายตั้งใจจะพูดอะไรอยู่กันแน่น่ะ?” เซียวเฟิงแคะหูตนเองก่อนจะถามกลับไปอีกครั้ง