[เจ้าของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์มาคุมงานละครด้วยตัวเอง! เข้าไปดูการถ่ายทำทั้งวันถึง8ชั่วโมง!]
ตอนนี้ซูฉิงถือเป็นบุคคลที่ดังในตอนนี้ อยากจะค้นหาเรื่องของเธอถือว่าเป็นเรื่องง่ายมาก และยิ่งข่าวที่เป็นกระแส ข่าวเสียหายที่เธอกับเฉินจุนเหยียนอยู่ในห้องด้วยกันก็มีมากกว่า 80เปอร์เซ็นแล้ว
หัวข้อข่าวนี้จะต้องเปิดไปหน้าที่สองถึงได้เห็นข้อความข่าว
ไป๋หลานคิ้วขมวดเล็กน้อย อ่านข่าวอย่างสนใจ ข่าวในโลกโซเชียลเห็นรูปหน้าของซูฉิงอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอที่ยิ้มออกมา ทำให้ไป๋หลานรู้สึกไม่พอใจและยิ่งรู้สึกเกลียดแค้นมาก
ซูฉิง แกมีสิทธอะไรได้รับในสิ่งที่เธอไม่ได้ โดยเฉพาะจุนเหยียน เฉินจุนเหยียน!
เธอจะต้องกำจัดเสี้ยนหนามนี้ให้ได้!
……………
“เอาละ ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว รีบเก็บของ แล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ ”
ซูฉิงที่ตรวจดูความคืบหน้าของพื้นที่ถ่ายทำ พยักหน้าให้ผู้กำกับเบาๆ แล้วก็ดูหน้าจออีกครั้ง เพื่อเช็กว่ามีไม่มีปัญหาแล้วถึงได้ลุกขึ้นแจ้งทุกคน
พวกนักแสดงต่างก็รู้สึกโล่งใจ กลับไปที่พักของตัวเองแล้วเก็บของ หลินเสี่ยวหนิงเดินเข้ามาทักทายเธอ
“ท่านประธาน งั้น…….ฉันขอตัวก่อนแล้ว”
วันนี้ตอนบ่ายไม่มีคิวถ่ายของเฉินจุนเหยียน ดังนั้นเขาได้เลยไม่มาที่กองถ่าย และก็ทำให้ซูฉิงโล่งใจ
ตั้งแต่ที่คำพูดนั้นของเฉินจุนเหยียน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและมีข่าวไม่จริงออกไป เธอก็รู้สึกประหม่า ไม่ได้คุยกับเฉินจุนเหยียนจริงจังมาหลายวันแล้ว นอกจากในกองถ่าย ทั้งสองพูดเรื่องส่วนตัวน้อยมาก
ซูฉิงตั้งสติกลับมาได้ แล้วยิ้มให้หลิวเสี่ยวหนิง ช่วงนี้ผู้หญิงคนนี้มีการพัฒนาในการแสดงมากแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนาน จะต้องประสบความสำเร็จแน่
“อืม กลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้เธอก็เหนื่อยแล้ว”
พวกนักแสดงต่างก็ทยอยกลับ ซูฉิงก็ถอนหายใจโล่ง ก็ลูบจมูก แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้บิดขี้เกียจ
เธอเองก็น่าจะกลับไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา ซูฉิงที่พึ่งจัดการตัวเองเสร็จ กำลังจะสวมชุดคลุม และหยิบรองเท้ามาจากตู้เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
ซูฉิงที่ทั้งกำลังสวมรองเท้า และทั้งกดรับสายโทรศัพท์
“วันนี้มีเวลามั้ย ออกมากินข้าวด้วยกันหน่อยมั้ย ”
เสียงของฮ่อหยุนเฉิงดังมาตามสาย
“หยุนเฉิงหรอ “ซูฉิงที่รู้สึกสงสัย แล้วก็มองดูเวลาในนาฬิกา เหมือนจะยังไม่ถึงเวลาทำงาน “ทำไมถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้ละ”
“ไม่ได้หรอ”เสียงผู้ชายเศร้าของผู้ชายดังมาตามสาย
ซูฉิงก็หัวเราะออกมา แต่ว่าพอนึกถึงกินข้าวขึ้นมาเธอก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
ถ้าหากพวกเขากินข้าวด้วยกันสองต่อสอง ถังรั่วอิงจะไม่จับได้หรอ
“ไม่ใช่ –ฉันแค่กำลังคิดว่า นายโทรมาหาฉันตอนนี้เพื่อออกไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็น จะไม่ทำให้ถังรั่วอิงสงสัยหรอ ถ้าหากเธอรู้ว่าเรามากินข้าวด้วยกันสองต่อสองจะทำยังไง”
“ถังรั่วอิง……..”
ฮ่อหยุนเฉิงเสียงเบาลง รู้สึกหงุดหงิด
เขากับซูฉิงที่เป็นคู่รักกัน แต่ต้องทำเหมือนกับว่าเป็นแอบคบกันก็ไม่ปาน
“ไม่เป็นไร ตอนนี้หล่อนเชื่อใจฉันแล้ว และก็ไม่มายุ่งกับฉันแล้ว อีกทั้งมีเรื่องต้องหนักใจ น่าจะเรื่องที่ฉันคุยกับเธอเรื่องหนังสือแผนการ เธอก็คิดถึงเรื่องอะไรขึ้นมาได้”
“ตอนเย็นถ้าหากว่าเธอว่าง พวกเรามากินข้าวกันที่ร้านอาหารจื่อเถิง ฉันได้จองที่ไว้แล้ว เธอตอนนี้ก็ไม่ได้เจอเธอ พวกเรากินเข้าด้วยกันหน่อย น่าจะไม่มีอะไร”
เห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงที่จัดการเรียบร้อยแล้ว ซูฉิงคิดอยู่ชั่วครู่ ที่เขาพูดก็มีเหตุผล เลยตอบตกลง
“โอเค พอดีที่วันนี้มีคิวถ่ายตอนเย็น ฉันดูพวกเขาถ่ายเสร็จแล้วจะไป ถ้าหากนายไปถึงก่อน ก็รอฉันสักครู่”
“โอเค “ฮ่อหยุนเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงดีใจ และก็อ่อนโยนลงมาก
ตอนที่ซูฉิงมาถึงกองถ่าย เฉินจุนเหยียนก็ได้ซ้อมบทละครกับนักแสดงแล้ว ทุกคนที่พอมองเห็นซูฉิงต่างก็เอ่ยทักทาย
และพอเฉินจุนเหยียนได้ยินคนเอ่ยชื่อซูฉิง ก็หันกลับไปมอง เขาก็มองซูฉิงที่ยิ้ม แต่แฉะยิ้มเล็กน้อย โดยไม่พูดอะไรออกมา
เขายอมรับเขาตั้งใจที่จะพูดกับนักข่าวเองว่าตามจีบซูฉิง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาออกมาพูดเรื่องนี้นี้อย่างจริงจัง เพราะเขาอยากจะสู้สักตั้ง
นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป
แต่ว่าช่วงนี้ท่าทางของซูฉิงทำให้เขาไม่รู้จะเริ่มคุยกับเธอยังไง สุดท้ายก็ทำได้เพียงยิ้มให้
“ลำบากทุกคนแล้ว รอสักครู่พอถ่ายเสร็จแล้วช่วงพักผ่อนก็มาดื่มชานมเถอะ”
ซูฉิงที่ตอนนี้ในมือที่ถึงชานมอยู่สองถุง ซึ่งเธอตั้งใจซื้อมาฝากทุกคน
พอถึงเวลาพักก็แจกให้ทุกคน ซูฉิงหยิบเอาชานมหนึ่งแก้วเดินมาหาเฉินจุนเหยียน แล้วยื่นให้กับเขาแล้วพูดว่า”นายก็ดื่มสิ ไม่มีน้ำตาล รักษาหุ่นได้”
เฉินจุนเหยียนเงยหน้ามองเธอ แล้วยิ้มให้ พร้อมรับชานมมาพร้อมพูด”ขอบคุณนะ”
ซูฉิงยิ้มให้แล้วกำลังจะเดินกลับ ก็ถูกเฉินจุนเหยียนเรียกไว้
“ยังมีอะไรหรอ”
“…….ขอโทษด้วยนะ” เฉินจุนเฉียนอึกอักอยู่สักครู่ แต่ก็พูดออกมา”ก่อนหน้าที่นี้ที่เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าว แล้วพูดต่อหน้าพวกเขา……….ฉันผิดไปแล้ว ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของเธอ ขอโทษนะ”
ซูฉิงอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก แต่ว่าก็ตั้งสติได้เร็วแล้วโบกมือพูด
“ฉันโกรธจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ปิดข่าวนี้ได้แล้ว แต่ว่าต่อไปอย่าไปพูดเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจผิดต่อหน้านักข่าวอีกนะ เพราะมันจะทำให้ฉันพลอยมีปัญหาไปด้วย”
“ได้ “เฉินจุนเหยียน พยักหน้าเบาๆ แล้วไขว้มือได้ด้านหลังพร้อมกับนิ้วที่งอขึ้นมาเล็กน้อย คิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ ก็พูดออกมาว่า”งั้นพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย ”
“อืม’
ได้ยินซูฉิงตอบมาอย่างนี้ เฉินจุนเหยียนก็โล่งใจแล้ว
อีกฝั่ง ไป๋หลานที่เอาแต่คิดว่าจะเข้าใกล้ซูฉิงยังไง ตอนนี้เธอเหมือนจะเป็นนางมางร้ายแล้ว
หรือว่าจะต้องทำให้ซูฉิงตาย ไป๋หลานถึงจะกลับมาสภาพเดิม เฉินจุนเหยียน เฉินจุนเหยียนจะได้หันมามองเธอบ้าง
ไม่ได้ ซูฉิงจะต้องตาย!
ไป๋หลานลุกขึ้นมาจากเตียง ตอนนี้พี่ไป๋ไปบริษัทแล้ว ในบ้านเหลือเพียงแต่เธอกับคนรับใช้ เธอค่อยๆ เดินลงมาชั้นล่าง เห็นคนรับใช้กำลังล้างจานอยู่ ก็เข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ตรงมุมบ้าน
เธอจำได้ว่าเคยเห็นคุณพ่อเอาปืนสั้นล่าสัตว์มาเก็บไว้ในห้องนี้ เดือนที่แล้วคุณพ่อยังเคยบอกกับเธอว่าปืนนี้ใช้ได้
ตอนนี้ก็ถือเป็นโอกาสดี
เธอหยิบปืนออกมาจากหีบเหล็ก ลูกปืนยังอยู่ครบ ไป๋หลานค่อยๆ หยิบมันออกมาอย่างเบาๆ แล้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋าของเสื้อคลุม แล้วพูดกับคนรับใช้ว่า “แม่บ้านหลิว ฉันจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย แล้วก็จะไปซื้อของกินด้วย เดี๋ยวจะรีบกลับมา”
คนรับใช้ได้ยินอย่างนั้น ก็ดินออกมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง ไป๋หลานส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ป้าวางใจเถอะ ฉันไม่ไปก่อเรื่องอีกแล้ว “