ตอนที่ 377 บังกระสุน

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

หลังจากที่ออกมาจากบ้านแล้ว ไป๋หลานก็ยิ้มกว้างออกมาทันที เธอหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา เลื่อนดูข่าวที่พูดเธอกดบันทึกไว้ ช่วงนี้ซูฉิงน่าจะดูการถ่ายทำที่กองถ่ายใช่มั้ย
งั้นเธอจะให้ซูฉิงรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเสียใจไปตลอดชีวิต!
“ไปตามที่อยู่นี้ แฟนของฉันถ่ายละครอยู่ที่นั่น ฉันจะไปดูสักหน่อย”
หลังจากขึ้นรถแท็กซี่แล้ว ไป๋หลานก็เปิดที่อยู่กองถ่ายให้กับคนขับรถแท็กซี่ จากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็มาถึงกองถ่าย
“คัท! ซุปตาร์เฉินแสดงได้ดีมาก สื่ออารมณ์ของพระเอกที่รู้สึกสับสนและเศร้าใจออกมาได้ แววตาก็สื่อออกมาได้ดี สมแล้วที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม!”
ผู้กำกับมองดูการแสดงของฉากเมื่อกี้ที่หน้าจอมอนิเตอร์ก็พูดชมไม่ขาดปาก
เฉินจุนเหยียนยิ้ม”ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้กำกับที่กำกับได้ดี ผู้กำกับกับนักแสดง พวกเราล้วนต้องให้ความร่วมมือกัน”
“จนถึงตอนนี้แล้วยังจะถ่อมตนอีก ฉันได้ดูกับผู้กำกับแล้ว ฉากเมื่อกี้นายเล่นได้ดีมาก แต่ว่าฉากต่อไปถือว่าหนักเพราะเป็นฉากที่พระเอกจะต้องถูกทหารจับตัวไป มีรายละเอียดมากที่ต้องระวัง…….”
ซูฉิงยิ้มพูด เฉินจุนเหยียนเวลาถ่ายละครจะตั้งใจมาก ได้ยินซูฉิงพูดมาอย่างนี้ ก็ได้รับความสนใจ ทั้งสองเดินมานั่งข้างๆ กันแล้วคุยกันเรื่องฉากละคร
ที่กองถ่ายมักมีคนเข้าออกมากมาย ดังนั้นพนักงานก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าไป๋หลานได้มาที่นี่ในตอนนี้แล้ว
เธอก้าวเดินไปข้างหน้า สายตาที่มองเห็นซูฉิงนั่งอยู่กับเฉินจุนเหยียนตามลำพัง เหมือนพูดอะไรกันอยู่ แต่เธอได้ยินไม่ชัดเจน
–แต่ว่าเพียงแค่เห็นซูฉิงยิ้มอย่างมีความสุขกับเฉินจุนเหยียน เธอก็เดินโกรธโมโหเข้ามา
ไป๋หลานรีบเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคนพร้อมกับจ้องซูฉิงด้วยความแค้น “ซูฉิง!”
ซูฉิงได้ยินเสียงก็หันไปมองไป๋หลาน ก็ตกใจอึ้งตะลึง
เฉินจุนเหยียนก็ตกใจ แล้วถามอย่างสงสัย:”ไป๋หลานหรอ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ซูฉิง แกมันนังแพศยา!”
ไป๋หลานที่ตาแดงก่ำ กัดฟันกรอดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น
อยากจะฆ่าอีกฝ่ายเร็วๆ
“เธอกำลังพูดอะไร!”ซูฉิงยังไม่ทันพูดอะไร เฉินจุนเหยียนก็พูดต่อว่าไป๋หลานก่อน คิ้วขมวดมองเธอด้วยแววตาทั้งโมโหและไม่เข้าใจ
ไป๋หลานมองเฉินจุนเหยียนด้วยแววตาแดงก่ำที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยรักและเสียใจ เธอก็เป็นผู้หญิงนะ ดูออกว่าตอนที่เฉินจุนเหยียนคุยกับซูฉิงเมื่อกี้แววตาเผยออกมาว่าชอบเธอมากแค่ไหน
และเพราะเฉินจุนเหยียนชอบ เธอถึงต้องทำลายทิ้ง!
เฉินจุนเหยียนจ้องไป๋หลานเขม็ง พูดสั่งอย่างไม่เกรงใจ”ที่นี่เป็นกองถ่ายละคร ขอให้เธอออกไปจากที่นี่ซะ!”
ไป๋หลานที่น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับรอยยิ้มประชด เพียงแค่เหล่มองหน้าเฉินจุนเหยียนแล้วก็หันกลับไปจ้องหน้าซูฉิง
“เธอคงได้ใจใช่มั้ยที่ตอนแรกไปอ่อยฮ่อหยุนเฉิงแต่ก็ถูกเขาสลัดทิ้งแล้วก็มาอ่อยเฉินจุนเหยียน ให้เขายอมทำอะไรเพื่อเธอใช่มั้ย”
“ซูฉิง เธอที่ดูท่าทางอ่อนโยน คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหลายใจ ฉันเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้ให้นักข่าวฉีกหน้ากากของเธอออกมาตั้งแต่แรก ให้พวกเขาได้รู้ว่า ท่านประธานใหญ่แห่งสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์นั้นเป็นผู้หญิงที่สำส่อน!”
ไป๋หลานที่ตอนนี้บ้าไปแล้ว กำลังจ้องหน้าซูฉิงด้วยแววตาเกลียดแค้นอย่างเปิดเผย พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง อยากจะกัดและดื่มเลือดของเธอเลย
เฉินจุนเหยียนที่ตอนนี้โกรธโมโหแล้ว เขามองไปที่ไป๋หลาน พร้อมกับมือที่กำหมัดแน่น จนเส้นสีเลือดสีเขียวเข้มบนหน้าผากของเขานูนออกมา แต่เพื่อซูฉิงเขาเลยยังคงระงับความโกรธไว้
ซูฉิงมองเธอคิ้วขมวด “ไป๋หลาน เธอบ้าไปแล้วรึไง”
“ใช่!”ไป๋หลานตะโกนออกมา และตอนนี้เองทุกคนต่างก็หันมามอง พร้อมกับสายตาชวนสงสัย จนมีคนเดินเข้ามาดึงแขนไป๋หลานแต่ก็ถูกสลัดออก
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงอย่างแกที่จับปลาสองมือ จะทำให้ผู้ชายสองคนยอมทำทุกอย่างเพื่อแกได้ ซูฉิงแกเก่งจังเลยนะ …….ฉันบ้าไปแล้ว ฉันถูกแกใส่ร้ายจนถูกจับเข้าคุกไปหลายวัน ที่บ้านของฉันก็เกือบจะล้มละลายเพราะแก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะแกหรอกหรอ! ซูฉิง แกยังมีหน้ามาทำตัวอ่อนโยนต่อหน้าคนอื่นอีก แกมีสิทธอะไรห๊ะ!”
ผมของไป๋หลานที่กระจัดกระจายออกแววตาแข็งกร้าว แม้แต่เสียงก็ยังดังก้องไปทั่วทั้งกองถ่าย
เธอบ้าไปแล้วจริงๆ
ซูฉิงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แล้วก็รู้เริ่มรู้สึกเวทนาไป๋หลาน แต่ก็ไม่ถึงขึ้นรู้สึกสงสาร
“ไป๋หลาน ฉันคิดว่าเธอควรจะต้องรู้เรื่องเรื่องหนึ่งนะ ตอนแรกคนที่ทำผิดคือเธอ ถ้าหากไม่ใช่เธอที่ช่วยสวีหว่านเอ๋อร์วางแผนทำเรื่องผิดตั้งหลายครั้ง และยังเป็นคนจ้างให้แฮกเกอร์แฮกเว็บไซต์ของบริษัทของเรา ไม่งั้นคงไม่ต้องเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้หรอกนะ”
“แม้แต่เรื่องที่ครอบครัวเธอล้มละลาย เรื่องนี้จะโทษฉันก็ไม่ได้ เพียงแค่เธอไม่สู้เอง ถ้าหากว่าไม่ใช่การกระทำร้ายๆ ของเธอที่ถูกเปิดเผยอออมา จะถูกตำรวจจับเข้าคุกได้หรอ อีกทั้งฉันเพียงแค่ใช้สิทธอันชอบธรรม ให้กฎหมายช่วยฉันแก้ไขปัญหาก็เท่านั้นเอง ไป๋หลานที่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองว่าผิดอีกหรอ”
ตอนที่ซูฉิงพูดประโยคนี้ออกมา ด้วยสีหน้านิ่ง แต่ในใจเธอก็รู้ว่าคนอย่างไป๋หลานนั้นทั้งหวาดระแวงและก้วร้าว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอก
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเธอยิ่งยั่วโมโหไป๋หลาน
หน้าของเธอแก่งก่ำด้วยความโกรธ พร้อมกับกำหมัดแน่นจนสั่น จากนั้นก็หยิบเอาปืนสั้นออกมาจากกระเป๋า เสื้อแล้วจ่อไปที่ซูฉิง หลับตาตะโกนเสียงดัง”งั้นแกก็ไปตายซะ!”
ซูฉิงเบิกตากว้าง ไป๋หลานเธอบ้าจริงๆ แล้ว?!
“ซูฉิงระวัง! “เฉินจุนเหยียนเหมือนจะตั้งสติได้ทัน เข้าไปกอดบังซูฉิงไว้
พนักงานที่อยู่โดยรอบต่างก็วุ่นวายโกลาหล พนักงานรักษาความปลอดภัยก็รีบเดินเข้ามา
“เสียงปืนดัง”ปั้ง”
เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากเสื้อของเฉินจุนเหยียน จนเป็นรอยเปื้อนที่เสื้อด้านหลังของเขา อีกทั้งยังไหลออกมาไม่หยุด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ซูฉิงตกใจอึ้ง
เฉินจุนเหยียนเอาตัวเองมารับกระสุนแทนเธอ
ซูฉิงมองหน้าเฉินจุนเหยียนที่ซีดด้วยความเป็นห่วง
ปากของเขามีเลือดไหลออกมา แต่ก็ยังถามเธอด้วยความเป็นห่วง”ซูฉิง เธอเป็นอะไรมั้ย……”
“ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เฉินจุนเหยียน ……นายอดทนหน่อยนะ รถพยาบาลกำลังมาแล้ว รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!”
ซูฉิงที่มือสั่น ไป๋หลานมองเฉินจุนเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินจุนเหยียนจะเอาตัวเข้ามารับกระสุนแทนซูฉิง
ตอนนี้เธอหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
พนักงานรักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามาจับแขนของไป๋หลานแล้วลากออกไป และเมื่อกี้ก็มีคนโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว
ยังดีที่กองถ่ายอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกล ขับรถมาประมาณสิบนาททีก็ถึงแล้ว และมีคนวิ่งเข้ามาพูด”รถพยาบาลมาแล้ว จอดรออยู่ข้างหน้า!”
พอพูดจบ ก็มีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามา แล้วก็ช่วยกันหามเฉินจุนเหยียนใส่เปล ซูฉิงก็มีสีหน้าเป็นห่วง แล้วเดินตามพวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถไปโรงพยาบาล