บทที่ 1009 ยืนหยัดให้ได้สิบห้าวินาที!

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“สวบสาบๆๆ…”

เห็นชัดว่าสัตว์ประหลาดข้างหลังวิ่งเข้ามาเร็วกว่า…ถึงแม้มีศพของถังฮ่าวถ่วงไว้ แต่แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว ว่า “ปริมาณเนื้อ” พวกนั้นซื้อเวลาได้ไม่นาน และทันทีที่ศพถูกพวกมันจัดการเรียบ พวกมันก็จะพุ่งเป้าความสนใจมาที่มนุษย์สองคนและซอมบี้สองตัวทางนี้…สถานการณ์จะแย่ลงในพริบตา

“วิ่งต่อไป ไม่ต้องสนใจ” หลิงม่อกลับบอก

“แต่…”

“วิ่งต่อไปเถอะ” อวี่เหวินซวนพูดขแทรกสวี่ซูหานที่ยังอยากจะพูดอะไรอีก “ถึงจะหยุดวิ่งก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้อยู่ดี”

สวี่ซูหานอึ้ง สุดท้ายจึงได้แต่เงียบ เพียงแต่พอมองไปที่หลิงม่อ สายตาของเธอกลับสะท้อนความสงสัยออกมา…เหล่าสัตว์ประหลาดที่วิ่งตามหลังมานี้ ไม่มีทางที่หลิงม่อจะไม่รู้ว่าพวกมันอันตรายขนาดไหน…ถึงแม้จะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไปเหมือนที่อวี่เหวินซวนบอก แต่ยังไงช้าเร็วพวกเธอก็ต้องถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นตามทันแน่นอน หรือว่า เขาคิดอะไรออกแล้ว?

“ชิท ร่างแม่สมควรตายตัวนั้น…”

หลิงม่อกัดฟันกรอดๆ ในใจ…ตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัว พวกเขาก็ถูกบีบให้เจอกับทางตัน…แต่ที่แย่กว่าก็คือ ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน สิ่งเดียวที่ยังพอเบาใจได้ก็คือ ตอนนี้สัตว์ประหลาดทั้งหมดล้วนอยู่ใกล้เขา ดังนั้นซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินจึงยังปลอดภัยชั่วคราว ส่วนเฮยซือ…ที่สุนัขสาวตัวนั้นเลือกจะผละจากร่างร่วม แสดงว่าเธอจะต้องมีสุดประสงค์บางอย่างแน่ๆ และเธอก็ไม่มีทางตายง่ายๆ

ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างแม่ที่เขารู้ยังมีน้อยมาก ถังฮ่าวจะต้องรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไม่น้อยแน่ๆ แต่ภายใต้สถานการณ์ในตอนนั้น แค่ทำให้เขายอมชี้ทางออกได้ก็ไม่ง่ายแล้ว แม้แต่ข้อมูลที่เขาเผลอหลุดปากออกมาอย่างไม่ตั้งใจ หลิงม่อก็ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดกว่าจะได้ข้อสรุป บางทีตอนที่ถังฮ่าวถามคำถามเหล่านั้นออกมา เขาอาจกำลังหวังว่าจะทำให้หลิงม่อหมกมุ่นหาคำตอบเหล่านั้น แต่สุดท้ายก็ต้องตายโดยที่ไม่รู้อะไรเลยก็เป็นได้ เพียงแต่จนถึงก่อนตาย เขาก็ยังประเมินหลิงม่อต่ำไป และยิ่งไม่คาดคิดว่าความจริงหลิงม่อไม่ได้เคลื่อนไหวเพียง “คนเดียว”

“สวบสาบๆๆ…”

ในขณะที่เสียงอื้ออึงเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกหลิงม่อตามแนวท่ออย่างรวดเร็ว หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อก็ปรากฏตัวอยู่ในช่องทางเดินอีกเส้นหนึ่ง เขาพิงผนัง และตั้งใจฟังเสียงที่ดังมาจากจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ตามคาด…เป้าหมายของพวกมันคือที่นี่…”

หุ่นซอมบี้ลอบชกผนังแรงๆ หนึ่งที ตอนนี้เขางงไปหมดแล้ว ตอนแรกสัตว์ประหลาดพวกนี้ตั้งใจจะ “กลับบ้าน” แน่ๆ แต่มาถึงครึ่งทางกลับเกิดเรื่องที่ถังฮ่าวสลายร่าง ผลปรากฏว่าพวกมันกลับมุ่งหน้าไปทางนั้นแทน…หรือว่านี่ก็เป็นแผนการที่เด็กผู้หญิงคนนั้นคิดไว้แล้วเหมือนกัน? เธอคาดไว้แล้ว ว่าหุ่นซอมบี้จะล่อสัตว์ประหลาดพวกนี้ออกมา? หรือ เธอเพิ่งจะตัดสินใจหลังจากที่รู้สถานการณ์ทางนี้?

ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว!

เด็กผู้หญิงคนนั้นควบคุมกลุ่มผู้รอดชีวิตของถังฮ่าว แต่ทำไมถึงไม่ควบคุมพวกเขาล่ะ? แต่ไม่ว่าอย่างไร…ยังไงเธอก็ต้องมีจุดที่คำวนณผิดพลาดอยู่บ้าง ซึ่งนั่นก็คือหุ่นซอมบี้

บางทีในการตัดสินใจของเธอ หุ่นซอมบี้อาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกซย่าน่า แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีวันคาดถึง ว่าการทดลองที่เธออยากทำนักหนา กลับเป็นจริงภายใต้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อแล้ว…

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

หุ่นซอมบี้หอบหายใจถี่ติดๆ กันหลายครั้ง จากนั้นก็เริ่มคำนวณระยะห่างระหว่างร่างจริงกับหุ่นซอมบี้…สามร้อยเมตร! แต่ระยะห่างระหว่างสัตว์ประหลาดพวกนั้นกับศพของถังฮ่าว อาจไม่ถึงสองร้อยเมตรด้วยซ้ำ!

ต้องเร็วกว่านี้!

“เด็กผู้หญิงคนนั้นคงไม่คิด ว่าฉันจะทำอย่างนี้ในสถานการณ์อย่างนี้ เพราะว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความเข้าใจที่เธอมีต่อซอมบี้ ไม่ว่าเธอจะเรียนรู้อะไรมามากแค่ไหน แต่มันก็เป็นแค่ความรู้ที่พลิกแพลงไม่ได้…” คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อพลันควบคุมหุ่นซอมบี้ให้กระโจนออกไป วินาทีนี้หุ่นซอมบี้ได้ระเบิดความเร็วจนถึงขีดสุด เร็วจนถึงขั้นไม่ได้ยินเสียงเลยซักนิด ขณะเดียวกัน หลิงม่อก็รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อตรงน่องของหุ่นซอมบี้เริ่มฉีกขาด…

“เร็วอีก…เร็วอีก!”

หนึ่งร้อยเมตร! คือระยะห่างระหว่างสัตว์ประหลาดกับศพ!

ก่อนที่พวกมันจะกินถังฮ่าว เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างก่อนให้ได้…

“ย๊ากกกกก!”

ระหว่างวิ่งทะยานด้วยความเร็ว หลิงม่อพลันกางแขนทั้งสองข้าง แหงนหน้าแล้วตะโกนเสียงดังลั่น

เสียงร้องในครั้งนี้แทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มี กระทั่งรู้สึกว่าคอแทบฉีก และเพราะเสียงสะท้อน เสียงคำรามที่ทั้งเดือดดาล และเต็มไปด้วยความท้าทายนี้ก็ดังก้องไปทั่วทั้งช่องทางเดิน ราวกับถูกขยายเสียงให้ดังขึ้นอีกเท่าตัว…

“ย๊ากกก ย๊ากกกกก…”

เสียงสะท้อนก้องติดกันหลายครั้ง และหลังจากที่เสียงนี้หายไป ช่องทางเดินเส้นนี้กลับจมดิ่งสู่ความเงียบอย่างน่าประหลาด…ไม่ถึงหนึ่งวินาทีต่อมา เหล่าสัตว์ประหลาดพลันหันหน้ามาพร้อมกัน ท่ามกลางความมืด ดวงตาสีแดงเป็นจุดๆ จำนวนมากพลันจ้องมาที่หุ่นซอมบี้เขม็ง

“ย๊ากกก!”

หลิงม่อเองก็หยุดวิ่ง แหกปากคำรามเสียงดังอีกครั้ง และครั้งนี้ ของเหลวอุ่นๆ สายหนึ่งก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยกมือปาดออกอย่างไม่สนใจ

“มาสิ…” หลิงม่อคิดในใจ

หุ่นซอมบี้หนึ่งตัว กับสัตว์ประหลาดนับร้อย…หลังจากหันหน้าเผชิญกันไม่ถึงหนึ่งวินาที เสียง “สวบๆๆ” ก็ดังขึ้นอีกครั้ง! และในตอนนั้น สัตว์ประหลาดเหล่านั้นกรูเข้ามาทางเขาอย่างรวดเร็วปานกระแสน้ำขึ้น!

ถึงแม้จะเป็นหุ่นซอมบี้ แต่พอออกไปจากมุมที่ยืนอยู่นี้ หลิงม่อก็ยังรู้สึกเหมือนสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ…เหมือนกับซอมบี้ ความน่ากลัวของพวกมันไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งของแต่ละตัว แต่อยู่ที่จำนวนมากมายมหาศาลรวมถึงแรงขับเคลื่อนที่เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อสัตว์ประหลาดนับร้อยตัวเบียดเสียดกันอยู่ในช่องทางเดินเพื่อพุ่งเข้ามาทางเขา ความหวาดกลัวที่เกิดจากสัญชาตญาณ และถาโถมใส่จิตใจในชั่วพริบตานั้น จู่โจมเข้ามาอย่างทรงพลังดั่งผลักภูเขาพลิกผืนน้ำ…

ชั่วขณะหนึ่ง ร่างกายของหุ่นซอมบี้ชะงักค้างไป…

“เข้ามาเลย!” หลิงม่อคำรามเสียงดังก้องอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เสียงของเขาแหบพร่า และไม่ดังเท่าครั้งก่อนๆ แต่เลือดที่พุ่งออกมาจากปากเขา รวมถึงท่าทีอันคลุ้มคลั่ง กลับยิ่งกระตุ้นสัตว์ประหลาดพวกนั้นให้คลั่งตามได้อย่างชัดเจน…ตอนแรกพวกมันไล่ตามหลิงม่ออกมา ตอนนี้พอหาเป้าหมายเจอ จึงเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งไปทันที…

เสียงคำรามทำให้ร่างกายของหุ่นซอมบี้สั่นสะท้าน ได้สติกลับคืนมาจากความหวาดกลัว จ้องมองสัตว์ประหลาดเหล่านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มมากขึ้นทุกที…หลายจุดในร่างกายเขาก็เริ่มมีเสียงแตกร้าวบางเบาดังขึ้น กล้ามเนื้อเริ่มพองตัวขึ้นในทุกระเบียดนิ้ว เสื้อส่วนต้นขาและหน้าอกพลันฉีกขาดและกระจายไปพร้อมกัน

ห้าสิบเมตร…

เหลืออีก…ยี่สิบเมตร!

หุ่นซอมบี้พลันหมุนตัว และในขณะที่เขาก้าวเท้าออกวิ่ง เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงตะครุบตรงหัวไหล่ เลือดสดๆ พุ่งกระฉุดกลางอากาศไปตามการเคลื่อนไหวของเขา จนเกิดเป็นรอยเลือดทางยาว…

“เชี่ย! ตามมาเลยเซ่!” หลิงม่อคำรามเสียงแหบ พลางพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่าบ้าคลั่ง

ขออีกแค่ห้าร้อยเมตร…ขอล่อพวกมันออกไปให้ไกลจากร่างจริง อีกแค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้น…

แล้วมันต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน? บางทีอาจใช้เวลาไม่ถึงสิบห้าวินาทีด้วยซ้ำ? แต่ เขาจะยืนหยัดได้ถึงสิบห้าวินาทีหรือเปล่า?

สัตว์ประหลาด อยู่แค่ข้างหลังเขา!

เสียงที่พวกมันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงเหวี่ยงแขน ล้วนดังอย่างชัดเจนอยู่หลังใบหูเขา…

“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น?”

ถึงแม้ตอนที่ได้ยินเสียงคำราม พวกอวี่เหวินซวนจะไม่ได้หยุดวิ่ง แต่ไม่คิดว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นกลับเปลี่ยนทิศทาง…

พอนึกย้อนไปถึงคำที่หลิงม่อบอกว่า “ไม่ต้องสนใจ” ทั้งสามต่างพากันหันไปมองหน้าเขา

เป็นฝีมือหลิงม่องั้นหรอ?

ในสามคนคนที่มั่นใจในความคิดนี้ มีเพียงอวี๋ซือหรานเท่านั้น

แต่อวี่เหวินซวนและสวี่ซูหานหลังจากมองตากันแวบหนึ่ง ก็ได้มั่นใจในข้อสันนิษฐานหนึ่ง ซึ่งก็คือไม่ว่าหลิงม่อจะทำอย่างนั้นได้ยังไงก็แล้วแต่ ที่ตอนนี้อันตรายได้ออกห่างพวกเขาไปชั่วคราว จะต้องเป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน…

“เร็วเข้า!”

อวี่เหวินซวนเร่งความเร็วทันใด…ถึงแม้ไม่รู้ว่าหลิงม่อจะยืนหยัดได้นานแค่ไหน แต่ถ้าหากพวกเขาไปถึงทางออกได้เร็วเท่าไหร่ หลิงม่อก็จะผ่อนคลายได้เร็วขึ้นเท่านั้น เวลาอย่างนี้ คนที่ต้องสู้สุดชีวิต ไม่ได้มีแค่หลิงม่อคนเดียว!

สวี่ซูหานเองก็เหมือนจะตระหนักได้ถึงจุดนี้อย่างรวดเร็ว เธอพลันกัดฟันวิ่งพุ่งเข้าไปคว้าไหล่ของหลิงม่อ จากนั้นก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าดัง “ฟิ้ว” ส่วนอวี๋ซือหรานหลังจากขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็กระโจนตามไปด้วย โลลิน้อยเคลื่อนไหวรวดเร็วไม่แพ้สวี่ซูหาน เธอก็ยื่นมือออกไปคว้าตัวหลิงม่อ สองสาวซอมบี้เร่งฝีเท้าพร้อมกัน ทำให้เร็วขึ้นอีกหลายส่วน

“ฉัน…”

อวี่เหวินซวนเบิกตากว้าง พลางยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปหมายจะคว้าตัวพวกเธอด้วย แต่กลับล้มเหลว วินาทีถัดมาเขาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างนึกอนาถตัวเอง แล้วอยู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง “ระวังข้างหลังด้วย! อีกอย่าง ห้ามมองข้างหลังฉันนะ!”

“ฟิ้ววว!”

เงาร่างดำเงาหนึ่งพลันพุ่งเฉียดไหล่พวกสวี่ซูหานไปพร้อมประกายไฟ…

“เอ่อ…ไฟไหม้ก้นเขาแล้ว…”

—————————————-