ยามเมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ แวบแรกที่เห็นก็คือไกรวิทย์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เอนหลังพิงม้านั่งตัวยาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ปกติเขาก็เป็นคนน่าเกรงขามอยู่แล้ว บวกกับใส่ชุดทหารเต็มยศ ยิ่งทำให้เคร่งขรึม จนทรงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่
เชอร์รีนเม้มริมฝีปากบางๆ และกล่าวเรียก “คุณตา”
ไกรวิทย์ได้ยินแล้ว แต่กลับไม่ยอมเหลือบมองสักนิด ทำเหมือนไม่ได้ยิน ไร้ความรู้สึกรู้สมแต่อย่างใด และเอาแต่อ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา
พฤติกรรมที่แสดงออกมาเช่นนี้ก็เป็นไปดั่งที่คิดเอาไว้ ดังนั้นเชอร์รีนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
สุนันท์กำลังชงกาแฟอยู่ ท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่างและใบหน้าที่ประทินโฉมอย่างดีมาหลายปี กลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ ท่วงท่าความงามของหญิงวัยกลางคน
เธอเรียกทักทายอีกครั้ง “คุณแม่”
“กลับมาแล้วเหรอ?” การแสดงออกของสุนันท์ดีขึ้นเล็กน้อย “ห้องหับฉันก็ให้บ่าวไพร่ทำการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวให้หล่อนพาคุณเข้าไป”
แต่จังหวะนั้นเอง น้ำเสียงออดอ้อนดังมา “เธอก็คือภรรยาของพี่ออกัสเหรอคะ?”
จากนั้น พลันมีร่างกายอันงดงามเป็นเงาตะคุ่มปรากฏตัวต่อหน้าเชอร์รีนในเวลานี้ จากนั้นใช้สายตาประเมินเธอ
จากนั้น คิ้วของเหมียวเหมียวขมวดหากัน จนรู้สึกรังเกียจอยู่บ้าง “หน้าตาก็งั้นๆ ทำไมพี่ออกัสถูกใจเข้าไปได้ยังไง?”
“เหมียว!” น้ำเสียงของสุนันท์เสียงแข็งอย่างชัดเจน จากนั้นก็เบนสายตามาทางตัวของเชอร์รีน และกล่าวว่า “เหมียวอายุยังน้อย เวลาพูดจาอะไรออกมาก็จะตรงๆ ต้องพลอยทำให้คุณต้องทนเอาสักหน่อย”
เชอร์รีนยิ้มให้เล็กน้อย พลันมองมาที่เหมียวเหมียว จากนั้นก็พูดตาม “คุณแม่ ฉันรู้แล้วค่ะ คุณเหมียว เป็นคนที่สวยจริงๆ หน้าตาผุดผ่อง สวยสะพรั่ง งั้นฉันขอตัวไปที่ห้องก่อนนะคะ”
เหมียวเหมียวฟังไม่ออกความหมายอื่นที่นอกเหนือจากนี้ แถมยังคิดว่าเธอนั่นกำลังยกยอปอปั้นเธออยู่จริงๆ สีหน้าอวดดี อีของชั้นต่ำแบบนี้ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาแย่งของพี่ออกัสเธอไป!
แต่งงานกันแล้วจะทำไมล่ะ? เธอสามารถทำให้พวกเขาหย่ากันได้นี่!
มือของสุนันท์ที่กำลังคนกาแฟอยู่ถึงค้างเล็กน้อย แต่กลับเป็นเวลาเพียงชั่ววินาทีเท่านั้นก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว พลันกล่าวตามปกติ “ไปเถอะ”
ห้องกว้างใหญ่มาก หน้าต่างจรดพื้นหันไปทางผืนป่าอันเขียวชอุ่ม ใบไม้ร่วงหล่นหมดต้น ต่างปกคลุมไปด้วยหิมะเป็นชั้นๆ ช่างสวยงามมากจริงๆ
ซึ่งเชอร์รีนไม่มีกะจิตกะใจจะไปชื่นชมอะไร การได้พักอยู่ที่นี่ สำหรับเธอแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง
เธออาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรก เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำและนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
พลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น และหันกลับไปอย่างแปลกใจ แต่กลับเห็นมือข้างหนึ่งของออกัสปลดเนคไทออก และเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา
เธอนั่งไม่ขยับเขยื้อนบนโซฟา ยังคงดูโทรทัศน์ต่อไป
ออกัสพลันเลิกคิ้วขึ้น แต่กลับมายืนตรงด้านหน้าของเธอ ริมฝีปากบางเผยอออก น้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณหญิงเชอร์รีนแกะกระดุมกับปลดสายเสื้อออกซะ”
เชอร์รีน ปลายคางแตะมือของเขา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “มือของประธานออกัสไม่ใช่ว่าว่างอยู่หรือคะ?”
“ผมเหนื่อยแล้ว ยังมีอีก กระดุมที่เสื้อมันเยอะมาก ขี้เกียจใช้แรง…” มือซ้ายของเขานวดหว่างคิ้วอยู่ พลันใช้มือขวาฉุดเธอขึ้นอย่างหนักหน่วง และฉุดให้ลุกขึ้น
“…” เชอร์รีนกัดฟันเล็กน้อย “ไม่ชอบที่ชุดมันกระดุมเยอะ อย่าใส่อีกนะ!”
เป็นถึงท่านประธานยักษ์ใหญ่ของเมืองs แต่กลับมีความขี้เกียจเรื่องนี้อยู่ด้วย เธอก็เพิ่งจะรู้นี่แหละ!
เขาเอามือทาบลงบนกระดุมตรงหน้าอกของชุดคลุมอาบน้ำ พลันคลี่ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย “แก้ผ้าโล่งโจ้งงั้นเหรอ ผมถูกใจมากที่คุณหญิงเชอร์รีนทำตามที่ชอบ”
“ทำตัวเกินเหตุ!” เชอร์รีนกระซิบด่าอย่างไม่สบอารมณ์ มือก็ยังคงแกะกระดุมไปเรื่อย
ลูกตาดำซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ ดวงตาของเขามองจากบนลงล่าง แก้มขาวผ่องของเธอเริ่มแดงระเรื่อ เส้นผมสีดำแถมมีหยดน้ำเป็นเม็ดๆ เกาะอยู่บนแก้ม ช่างเย้ายวนเหลือเกิน
สำหรับเธอแล้วชุดคลุมอาบน้ำมันช่างตัวใหญ่เหลือเกิน จนกระดูกไหลปลาร้าอันงดงามปรากฏออกมาให้เห็นอยู่ด้านนอกเสื้อ
อย่างไรก็ตาม เชอร์รีนกลับไม่ได้สนใจสายตากับสิ่งที่อยู่บนตัวของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะมัวแต่แกะกระดุมเสื้อออก
ฝ่ามือใหญ่ของออกัสเริ่มขยับเขยื้อนทันที จังหวะที่คว้าจับช่วงเอวคอดนั้น พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูก็คือเหมียวเหมียว แถมในมือยังถือถาดผลไม้เข้ามาอีก
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังแสดงพฤติกรรมใกล้ชิดสนิทสนมและคลุมเครือในเวลานี้ เธอแสดงความไม่พอใจออกนอกหน้า แถมยังจ้องเชอร์รีนตาเขม็งอยู่เงียบๆ อยู่หลายครั้ง
เหมียวเหมียวใส่รองเท้ส้นสูง 7 เซนติเมตรเดินลงส้น และเดินบิดสะโพกเดินเข้ามา และจงใจแทรกเชอร์รีนไปอยู่ด้านข้าง
“พี่ออกัสคะ ผลไม้จานนี้ฉันเพิ่งจะปอกเสร็จค่ะ พอได้ยินจากคุณป้าว่าพี่กลับมาแล้ว ฉันเลยรีบเอาส่งให้เลยค่ะ”
“นี่มา เมืองsตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ออกัสกวาดตามองเชอร์รีนที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับสื่อความหมาย จากนั้นถึงได้พูดกับเหมียวเหมียวต่อ
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าอันงดงามของเหมียวเหมียวก็เหมือนกับดอกไม้แรกแย้ม จนพูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างอดใจไม่ไหว “วันนี้ พี่ออกัส พรุ่งนี้พี่พาฉันไปเดินเที่ยวในเมืองsได้ไหมคะ?”
“ไม่มีเวลา…”
ตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น ร่างกายอันสูงโปร่งนั้นนั่งลงบนโซฟา และนั่งไขว่ห้าง เขาดื่มน้ำเย็นไปอึกหนึ่ง จากนั้น คิ้วพลันขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบายใจ
เธอรู้สึกกลายเป็นความว่างเปล่าในสายตาของคนสองคน?
เชอร์รีนมองคนสองคนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์ เดี๋ยวก็พี่พี่ออกัส เดี๋ยวก็น้องน้องเหมียว นี่พวกเขาคิดว่าเป็นหลินไต้ยู่กับเจี๋ยเป่าอี้ที่มี Puppy loveกันอยู่หรือยังไง?
“พี่ออกัสนี้แกล้งอีกแล้วนะ ไม่ง่ายเลยที่ฉันจะมาเมืองsสักครั้ง แต่ออกัสยังไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนฉันสักชั่วโมงเลย ฉันจะไปฟ้องคุณปู่หัวหน้านายทหารเก่า”
เหมียวเหมียวบ่นอย่างออดอ้อน ทว่าก็ยังแสดงท่าทีจริงจังออกมาเล็กน้อย เธอย่อมรู้ดี คนที่ให้พี่ออกัสเชื่อฟังนั้น ก็มีแค่คุณปู่นายทหารเก่าเท่านั้นคนเดียวแหละ!
ซึ่งคุณปู่อดีตนายทหารกับคุณปู่ของเธอนั้นก็อยู่ในค่ายทหารเดียวกันตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่น แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก!
อีกอย่าง เธอเองยังได้ยินข่าวคุณปู่เคยช่วยชีวิตคุณปู่อดีตหัวหน้านายทหารเอาไว้ด้วย ดังนั้นคุณปู่อดีตหัวหน้านายทหารจึงหลงรักและเอ็นดูเธอมาตั้งแต่เด็ก
ขอแค่เธอออกปากร้องขอไป คุณปู่อดีตหัวหน้านายทหารก็จะทำให้ทันที ดังนั้น เธอจึงมั่นใจว่าต้องได้แน่!
คิ้วโค้งเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งแสดงความกระวนกระวายออกมาเล็กน้อย จากนั้น นัยน์ตาไร้ความรู้สึกของเขากวาดไปมองผู้หญิงที่กำลังดูละครอยู่ เขาใช้ฝ่ามือใหญ่รูดแก้วเหล้า พลันเผยอริมฝีปากบางออกมา “เรื่องนี้เอง งั้นให้พี่สะใภ้ของคุณไปเป็นเพื่อนคุณแล้วกัน…”
จู่ ๆ เรื่องบาดหมางก็พุ่งมาหาตนเองทันที เชอร์รีนตะลึงเล็กน้อย หลังจากตั้งสติได้แล้ว ก็กัดฟันถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคืองอยู่เงียบๆ
ออกัสเหลือบมองเธอ พลันเลิกคิ้วโก่งเข้มอันทรงพลังขึ้น ทำท่าทางอมยิ้มแทน
เหมียวเหมียวไม่ยอมอยู่แล้ว เธออยากให้พี่ออกัสไปเป็นเพื่อน ไม่ใช่อีคนชั้นต่ำนั่น!
“พี่ออกัสฉันไม่ค่อยสนิท…กับพี่สะใภ้ค่ะ”
ออกัสเผยอริมฝีปากบาง “อยู่ไปอยู่มาเดี๋ยวก็สนิทกันแล้ว หรือว่า คุณไม่อยากไปเดินเที่ยวกับพี่สะใภ้ของคุณมากกว่า?”
“เปล่า…” เหมียวเหมียวใช้เล็บที่ทาสีส้มดึงกระโปรงบนตัวของตนเอง เวลานี้ เธอยังพูดถึงเรื่องที่ไม่อยากทำได้ด้วยเหรอ?
“เปล่าก็ดีแล้วนี่…”
ออกัสยกแก้วน้ำอุ่นๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา พลางดื่มไปหลายอึก แต่หัวคิ้วยังคงย่นหากัน
เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริง ๆ …
“หรือว่าฉันเป็นความว่างเปล่าไปแล้วเหรอ?” เชอร์รีนพูดจาอย่างไม่ถูกใจ
เขาตัดสินใจแทนเธอ ขนาดจะถามสักคำยังไม่มีเลย หรือว่าเธอกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้วเหรอ?
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็เอนหลังพิงโซฟา พลันใช้มือทั้งสองข้างนั่งกอดอก และแสดงท่าทางความสบายและขี้เกียจออกมา จากนั้นก็เหลือบมองเธอด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม “โรงเรียนปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เชอร์รีนยอมรับตามความเป็นจริง “ใช่ค่ะ แต่พรุ่งนี้ฉันอาจจะมีงานอื่นงอกขึ้นมาก็ได้”
“พรุ่งนี้ฉันอาจจะมีงานอื่นงอกขึ้นมาก็ได้?” เขาเลิกคิ้วขึ้น
เธอพยักหน้าไว้ สำหรับเหมียวเหมียวแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกดีอะไรด้วยเลย
“งั้นรอให้คุณได้รายละเอียดของงานอื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน…” ริมฝีปากบางของเขาเผยอออก แถมพูดอย่างมีเหตุผล…
เชอร์รีน: “……”