ตอนที่ 303 ไทเก็ก

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 303 ไทเก็ก

ซูเจวี๋ยมิได้จัดหมวก ท่าทางของเขาดูเคร่งเครียด แต่กลับพยักหน้า “เขายังสามารถสู้ได้ ! ”

ใจของต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินต่างก็หล่นวูบไปแล้ว เหล่าบัณฑิตสำนักศึกษาและเหล่าขุนนางกรมพิธีการในขณะนี้ต่างจดจ้องด้วยความเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด บนกำแพงนั้นมีผู้คนปีนขึ้นไปจนเต็ม

ด้านหลังของบัณฑิตราชวงศ์อู๋ก็มีกลุ่มคนที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน

พวกเขาคือบัณฑิตทั้งสองแคว้นโดยมีเยียนหานยวี่และท่าป๋ายวนเป็นผู้นำ ฝานเทียนหนิงมิได้มา แต่คาดมิถึงว่าชายชราในชุดสีเขียวที่ติดตามเขาบนกวนหยุนถายก็เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ เช่นกัน

เยียนหานยวี่และท่าป๋ายวนได้ยินมาว่าบัณฑิตราชวงศ์อู๋เปิดลานประลอง จึงได้เร่งรีบมา ในขณะนั้นก็ทันมาเห็นการต่อสู้คราที่สามของฟู่เสี่ยวกวนพอดิบพอดี

“คาดมิถึงว่าคนผู้นั้นจะเข้าสู้เส้นทางวรยุทธ์แล้ว” ท่าป๋ายวนกล่าวขึ้นมาหนึ่งประโยค ทันใดนั้นก็นึกถึงหอหยิงปินที่เมืองฝานหนิงขึ้นมาได้ ลูกเตะของเยียนหานยวี่เตะจนฟู่เสี่ยวกวนตัวปลิว หากฟู่เสี่ยวกวนเข้าสู่เส้นทางวรยุทธ์แล้ว จะมิมีทางตัวปลิวเพราะลูกเตะนั้นได้

ท่าป๋ายวนเหลือบมองเยียนหานยวี่ และกล่าวอีกว่า “เจ้าโดนฟู่เสี่ยวกวนตลบหลังแล้ว ! ”

เยียนหานยวี่ในยามนี้ย่อมรู้แจ้งแล้ว เขาจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างดุดัน ขบกรามแน่นและกล่าวว่า “ข้าจะทำให้เขานึกเสียใจ ! ”

อีกด้านหนึ่งชายชราในชุดสีเขียวก็คิ้วขมวดทันพลัน เพราะเขาอ่านกระบวนท่าของฟู่เสี่ยวกวนไม่ออก

……

ถังเชียนจวินหนึ่งดาบพันชั่งราวกับยอดเขาไท่ซาน ในสายตาของชายชุดเขียว กำลังภายในของฟู่เสี่ยวกวนย่อมห่างชั้นจากถังเชียนจวิน เช่นนั้นเขาสมควรจะถอยไปโดยปริยาย เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย และค่อยหาโอกาสอีกครา

แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิร่นถอย

มิเพียงแต่เขาจะมิถอยเท่านั้น เขายังดาหน้าเข้าไปอีก !

“ฟู่เสี่ยวกวนแพ้แล้ว” เยียนหานยวี่ยิ้มเยาะ “มิประมาณตน เขามิใช่คู่มือของชายผู้นั้นเลย”

ท่าป๋ายวนเห็นด้วยอย่างยิ่ง พวกเขาต่างก็เป็นผู้มีวรยุทธ์ ย่อมมองเห็นความแตกต่างได้โดยปริยาย

ถังเชียนจวินคิ้วขมวด ฝ่ามือดาบของเขาหากผ่าลงไปบนก้อนหิน ก็ยังทำให้ก้อนหินนั้นแตกได้ หรือว่าฟู่เสี่ยวกวนจะคิดว่าตนเองแข็งแกร่งยิ่งกว่าก้อนหินกัน ?

เขามิได้หยุดมือ การเอาชนะฟู่เสี่ยวกวนได้ในกระบวนท่าเดียว นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ !

อย่างไรก็ตาม…

ทันทีที่ฟู่เสี่ยวกวนขยับเท้า ขยับไปได้ครึ่งก้าว มือของเขาก็สับลงมาบนฝ่ามือที่ถูกตวัดออกมา หลังจากนั้นก็เห็นสองมือของเขาสะบัดขึ้นลง สองเท้าของเขากำลังเคลื่อนไปทีละน้อย ๆ คาดมิถึงว่าเขาจะหมุนเป็นวงกลม

แรงจากฝ่ามือของถังเชียนจวิน เมื่อมาอยู่ระหว่างเขาที่ยังไม่หยุดหมุนและสะบัดมือไปมา ก็ถูกเขาทำให้สลายไปจนไร้รูปลักษณ์

นี่คือสถานการณ์ใดกัน ?

ลมผันผวนจากฝ่ามือ และสลายไปอย่างคาดมิถึง !

ถังเชียนจวินขมวดคิ้วอีกครา มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น

ฝ่ามือของเขาราวกับผ่าลงไปในปุยฝ้าย บางเบาและไร้พลังอย่างคาดมิถึง !

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ามือของตนและสองมือของฟู่เสี่ยวกวนปะทะกันเป็นแน่แท้ แต่แรงปะทะนั้นกลับผละออกทันทีที่สัมผัส กล่าวได้ว่าพลังจากฝ่ามือของตนนั้นมิได้ปะทะที่มือของฟู่เสี่ยวกวนอย่างแท้จริง

ใบหน้าของชายชราในชุดเขียวดูงุนงง เยียนหานยวี่อ้าปากค้าง และส่งเสียง “ไอหยา…” ออกมา ท่าป๋ายวนเองก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

ซูโหรวยังคงปักผ้าต่อไป ซูเจวี๋ยขยับหมวก ซูซูโยกสองขาไปมา ครุ่นคิดว่าพวกเขาสู้กันเยี่ยงนี้ต้องเหนื่อยเป็นแน่แท้

กล่าวไปดูจะยาว แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

ถังเชียนจวินลงแรงไปในฝ่ามือจนหมดสิ้น ร่างของเขาอยู่ประชิดฟู่เสี่ยวกวนอย่างมาก

เขายกเท้าและเตะไปที่หน้าท้องของฟู่เสี่ยวกวน ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็งอตัวถอยหลังไปราวกับกุ้ง ลูกเตะนี้อยู่ห่างไปเกือบจะหนึ่งฉื่อ

และในตอนนั้นเอง ถังเชียนจวินก็เห็นว่าสองมือที่สะบัดเมื่อครู่ของฟู่เสี่ยวกวนทันใดนั้นก็ม้วนเป็นดอกไม้ตูมขึ้นมา หลังจากนั้นก็พุ่งตรงมาทางเขา

ฝ่ามือของเขามิได้ผละออกจากสองมือของฟู่เสี่ยวกวน

เมื่อมองไปแล้วเหมือนเขาเก็บมือ และสองมือของฟู่เสี่ยวกวนก็ราวกับถูกเขาดึงออกมา

ในชั่วพริบตานั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายขนาดใหญ่ !

ถังเชียนจวินมิลังเลแม้แต่น้อย แล้วเขาก็ระเบิดหมัดซ้ายออกไป มือขวาของเขาผละออกมาจากวงนั้น แต่เขาก็เห็นรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนอย่างชัดเจน

หมัดของเขาพุ่งออกไปอยู่ระหว่างสองมือของฟู่เสี่ยวกวน

ณ ตรงนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดที่น่าเหลือเชื่อ

ราวกับกำแพง !

และราวกับค้อนที่หนักอึ้ง

ทันใดนั้นสองฝ่ามือของฟู่เสี่ยวกวนก็ผลักออก ร่างของเขากระโจนไปด้านหลัง หมัดของถังเชียนจวินราวกับติดอยู่กลางอากาศ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “ตู้ม… !” ถังเชียนจวินถอยหลังไปหลายก้าว แต่กลับเห็นฟู่เสี่ยวกวนปรี่เข้ามาท่ามกลางประกายไฟ

…..

“เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น ? ” ท่าป๋ายวนเอ่ยถาม

เยียนหานยวี่ส่ายหน้า “เมื่อครู่ราวกับว่าชายผู้นั้นต่อยหมัดใส่อากาศ”

คำพูดนี้ไร้สาระอย่างยิ่ง แม้แต่เยียนหานยวี่ก็ยังมิอยากจะเชื่อ

แต่คิ้วของชายชราชุดเขียวในตอนนี้กลับคลายออก พยักหน้าน้อย ๆ และกล่าวเสียงเบาว่า “วิเศษยิ่ง ! ”

นี่คือหลักการยืมแรงมาต่อกรของไทเก็ก เพียงแค่เพราะมีกำลังภายในมาส่งเสริม จึงเปลี่ยนไปโดยมิเหมือนเดิมเล็กน้อย แต่หลักการก็ยังคงเป็นหลักการดังเดิม เพียงแต่ในโลกนี้มิมีไทเก็ก ดังนั้นเสียงดังในเมื่อครู่ มีเพียงชายชราชุดเขียวและซูเจวี๋ยเท่านั้นที่เริ่มระแคะระคาย

ทันทีที่ฟู่เสี่ยวกวนออกหมัด ถังเชียนจวินก็แลกหมัดโดยปริยาย แต่คาดไม่ถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะหยุดลงในทันทีที่ถังเชียนจวินออกหมัด สองหมัดแปลเป็นฝ่ามืออีกครา และใช้วิธีเดียวกันม้วนฝ่ามือและเคลื่อนเท้าต่อไป

ถังเชียนจวินก็ได้เข้าใจอย่างคลุมเครือแล้วว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น แต่เขามิเชื่อเยี่ยงนั้น เขาคิดว่าหนึ่งพลังล้มได้สิบครา เยี่ยงนั้นก็ใช้กำลังภายในที่แข็งแกร่งบดขยี้ฟู่เสี่ยวกวนเสีย !

พลังของหมัดนี้มหาศาลมากยิ่งนัก

ราวกับในตอนนี้มิได้เผชิญหน้ากับหมัดของฟู่เสี่ยวกวน แต่เป็นค้อนเหล็กหนึ่งด้าม

เขายังคงเดินหน้าต่อไป สองฝ่ามือตกลงบนหนึ่งหมัดนั้น ราวกับเถาวัลย์ที่พัวพัน ราวกับฝนฤดูใบไม้ผลิที่ชื้นแฉะ

จากสายตาของเหล่าบัณฑิตที่มองอยู่ด้านนอก ฟู่เสี่ยวกวนในยามนี้ราวกับเรือลำเล็กที่แล่นอยู่ใจกลางพายุ เขากำลังพายอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะหากมิระวังก็จะถูกคลื่นพายุลูกนั้นกลืนกินเอาได้

ภายในใจของทุกคนต่างกระดอนกันมาอยู่ที่ลำคอ มีเพียงซูเจวี๋ยและชายชราชุดเขียวเท่านั้นที่ยังนิ่งเฉย

เพียงแค่ฟู่เสี่ยวกวนสลายพลังจากหมัดนี้ไปจนหมด ในยามที่ส่งกลับไปอีกครา เกรงว่าถังเชียนจวินจะแพ้เสียแล้ว

ถังเชียนจวินรู้สึกเสียใจอย่างมาก

สัมผัสเดียวกัน ความอ่อนนุ่มเช่นเดียวกัน ให้ตายเถอะ ราวกับหมัดของตนตกลงไปในปุยฝ้ายอีกครา เยี่ยงนั้น…ก็ชกเขาอีกสักหมัดเถอะ !

ดังนั้น หมัดซ้ายของเขาก็ได้ห่อหุ้มพลังเอาไว้และระเบิดออกไป !

ฟู่เสี่ยวกวนผลักออกไปหนึ่งมือ และพัวพันอยู่กับหมัดซ้ายของเขา สองฝ่ามือสองหมัดร่ายรำอยู่กลางอากาศ ดูยุ่งเหยิงในสายตาผู้ชม

ถังเชียนจวินเองก็อยากจะถอนสองฝ่ามือออก แต่ทันใดนั้นก็พบว่าสองฝ่ามือของตนติดอยู่ในหลุม ในฝ่ามือของฟู่เสี่ยวกวน มันมีแรงดึงดูดที่ยากจะอธิบายได้ ดูดดึงหมัดของเขาเอาไว้ จนเขาไม่สามารถหยุดได้

เขาคำรามลั่น กำลังภายในที่ทรงพลังพวยพุ่งออกมา ฟู่เสี่ยวกวนเดินเร็วขึ้น สองฝ่ามือกวัดแกว่งไปเร็วยิ่งขึ้น ในยามนี้จึงเห็นเงาของฝ่ามืออย่างมากมาย หลังจากนั้นสองหมัดของฟู่เสี่ยวกวนหยุดนิ่ง คำรามออกไปอย่างดุดัน และผลักสองฝ่ามือออกไป

“ตู้ม… ! ”

เสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ

ร่างของถังเชียนจวินและฟู่เสี่ยวกวนกระเด็นออกไปพร้อมกัน ถังเชียนจวินกระอักลิ่มเลือดออกมา แต่ฟู่เสี่ยวกวนเพียงกลืนก้อนเลือดนั้นลงไป

ทั้งสองคนราวกับลงมาถึงพื้นพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ไปทางลานประลอง

“ข้าแพ้แล้ว”

“ยุติ”

“นั่นคือวิชาอันใดกัน ? ”

“ไทเก็ก ! ”