เสี่ยวหลัวยืนนิ่ง ปลดปล่อยพลังที่เหนือชั้นและทรงพลังอันไร้คู่ต่อกรออกมา
สงบนิ่งดั่งสายน้ำบนภูเขาที่ไหลผ่าน แต่พอเคลื่อนไหวก็เหมือนดั่งเสือร้ายที่หลุดออกมาจากกรง!
นักศึกษาทุกคนในโรงอาหารตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและไม่กะพริบ เมื่อพวกเขามองดูเขาและ จ้าว ชิงเหอ กับพรรคพวกของเขาที่กำลังนอนราบอยู่บนพื้น บางคนกำลังถือช้อนซุปค้างอยู่ ในขณะที่บางคนก็กำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ในปาก บางคนถึงกับถือชามขนาดใหญ่ขณะที่พวกเขากำลังเขมือบซุปลงไป…. ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดถูกแช่แข็งอยู่ในเวลานี้
0.03 วินาทีต่อมาทั้งโรงอาหารทั้งหมดก็เริ่มตกตะลึงและเกิดความโกลาหล!!
“พระเจ้าช่วย เขาส่งคนที่บินไปสี่หรือห้าเมตรด้วยการเตะเพียงหนึ่งครั้ง ทำไมเขาถึงมีความแข็งแกร่งมากขนานนั้น!”
“เขาจะต้องได้รับการฝึกฝน มาเป็นอย่างดีแน่นอน”
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนดุร้ายและรุนแรงขนาดนี้อยู่ในมหาลัยของเรา เขาเป็นใครกัน? เป็นพวกมืออาชีพ?”
พวกนักศึกษาทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กัน เสียงชัตเตอร์ของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “แซะ” “แซะ” ทุกคนยุ่งอยู่กับสื่อโซเชียลของพวกเขา – บางคนกำลังเขียนโพสต์ขณะที่บางคนโพสต์ลงWeibo – ตอนนี้พวกเขาลืมเรื่องการกินข้าวไปจนหมดสิ้นแล้ว
“เทพหลัว บ้าระห่ำจริงๆ!”
พวกผู้หญิงจากวิชาเอกภาษาอังกฤษมองหน้ากัน หากพวกเธอไม่เห็นด้วยตาตนเอง พวกเธอคงไม่เชื่อว่าเสี่ยวหลัวนั้นจะสามารถส่งผู้ชายที่หนัก 160-70 ปอนด์ บินออกไปด้วยการเตะเพียงหนึ่งครั้งได้ ในขณะเดียวกันพวกเธอนั้นก็รู้สึกว่าการเตะของเสี่ยวหลัวนั้นสง่างามมาก มันมีความหนักแน่นและดุดัน เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน มันสามารถพูดออกมาในคำเดียวได้ว่ามันยอดเยี่ยมมาก!
ฮวาง รั่วหราน ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอจึงก้มหน้าลงทานอาหารต่อไป ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันรู้สึกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับIQ ของ ซ่ง เจียหนาน เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่า เสี่ยวหลัวนั้นเก่งมากในการต่อสู้ แต่เขาก็ยังส่งลูกน้องตัวเล็กๆ แบบนี้เพื่อให้เสี่ยวหลัวอัดพวกเขาอีก” ชูเยว่ เยาะเย้ย
ไป๋หลิงไม่ตอบ เธอเอาแต่จ้องมองที่เสี่ยวหลัวราวกับคนโง่
ชูเยว่โบกมือของเธอต่อหน้าหลิงหลิงแล้วถามว่า“เธอเป็นอะไร?”
ไป่หลิง กู้คืนความรู้สึกนึกคิดของเธอแล้วหันกลับมายิ้มเสมือนฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาของเธอหดแคบลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและเธอก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า“คุณหนูชู เธอเห็นไหมว่าเสี่ยวหลัว หล่อมากในตอนนี้!”
“ห้ะ?”
ปากของชูเยว่ เบิกกว้างกลายเป็นรูปตัว0ด้วยความมึนงง เธอสามารถเข้าใจได้ว่าทำไม อันหวน ถึงคิดว่าเสี่ยวหลัวที่ทำตัวเป็นอันธพาลนั้นหล่อเหลา แต่ทำไมเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอถึงเป็นไปกับเขาเช่นกัน ราวกับว่ามีบางคนร่ายคาถาใส่เธออย่างไรอย่างนั้น?
…
จ้าว ชิงเหอ รู้สึกอับอายและอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาออกมา ด้วยโทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่อยู่รอบๆ พวกมันกำลังถ่ายภาพและวิดีโอ และมันจะใช้เวลาเพียงครึ่งวันกว่าที่ข่าวของพวกเขาจะถูกตีให้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหัวเย่ ในเวลานั้นเขาจะกลายเป็นหัวข้อที่ถูกหัวเราะเยาะและกลายเป็นเรื่องนินทาหลังอาหาร
ทันทีที่คิดเกี่ยวกับมัน เขาขบฟันของเขาแน่น แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร ด้วยลูกเตะของเสี่ยวหลัว มันทำให้เขารู้สึกถึงความกลัว ในตอนนั้นเขาคิดว่าเขากำลังจะตายในทันทีที่โดนเตะ
“อย่ามานอนราบไปกับพื้นและแสร้งทำเป็นตายเพื่อมาแบล็กเมล์ฉัน เดี๋ยวพื้นมันจะสกปรกหมด ดังนั้นพวกนายลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” เสี่ยวหลัวยักไหล่แล้วพูดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จ้าว ชิงเหอ ก็รู้สึกละอายใจเหลือเกินเขารู้สึกโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขากุมหน้าท้องและลุกขึ้นมาจากพื้น คนอื่นๆก็ค่อยๆลุกขึ้นตามมา
“เสี่ยวหลัวฉันจะจดจำสิ่งนี้ไว้ ในไม่ช้าก็เร็วฉันจะจ่ายคืนให้กับนายเป็นสิบเท่า!” จ้าว ชิงเหอ ขบฟันของเขาพร้อมกับพูดออกมา
“แล้วฉันจะรอ!”
เสี่ยวหลัวอดไม่ได้ ได้แต่ต้องการจะหัวเราะออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย มันเกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษามหาวิทยาลัยทุกวันนี้กัน? พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำเช่นการเรียนหรือการตกหลุมรัก แต่พวกเขากลับชอบทะเลาะวิวาทกัน?
จ้าว ชิงเหอ โกรธมากจนควันออกมาจากหูของเขา แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ เมื่อเขาได้ยินเสียง แชะ ที่ดังมาจากกล้อง มันดังอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นสึนามิ เขาตะโกนอย่างรุนแรงต่อพวกนักศึกษาที่อยู่รอบๆตัวเขาว่า“พวกนายกำลังถ่ายอะไร หยุดการถ่ายเดี๋ยวนี้ ไอแม่เย็…ด มิฉะนั้นฉันจะฆ่าพวก!”
เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าที่ดุร้ายของเขา พวกนักศึกษาทุกคนก็ถูกข่มขู่และวางโทรศัพท์มือถือลงไปตามจิตใต้สำนึก
จ้าว ชิงเหอ โบกมือของเขาแล้วพูดกับพักพวกของเขาว่า“ไปกันเถอะ” กลุ่มของเขารีบออกจากโรงอาหารในทันที
เมื่อพวกเขามา พวกเขามาด้วยความเย่อหยิ่งที่เต็มเปี่ยม แต่เมื่อพวกเขากลับ พวกเขากลับไปราวกับพวกตัวไร้ประโยชน์!
อันหวน ชื่นชมและชื่นชอบเสี่ยวหลัวมากขึ้นเรื่อยๆ“เทพหลัว คุณคือเทพเจ้าที่สมบูรณ์แบบของฉัน ฉันจะติดโปสเตอร์ที่หล่อเหลาของคุณไว้บนผนังห้องนอนของฉัน”
“เพื่ออะไร? เพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้าย?” เสี่ยวหลัวกล่าว ออกมาอย่างทนทุกข์
อันหวน จีบปากเล็กๆ อย่างเขินอาย“ไม่ใช่ ฉันติดมันไว้บนผนังก็เพื่อให้ฉันได้เห็นคุณทุกช่วงเวลาและทุกๆวัน”
“ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะฟ้องคุณเรื่องละเมิดสิทธิ์ในรูปของฉัน อย่างจริงจังแล้ว” เสี่ยวหลัว กล่าวข่มขู่
เขามาที่มหาลัยเพื่อปกป้องคนคนหนึ่ง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะก่อปัญหามากมาย เมื่อเทียบกับ ซ่ง เจียหนาน แล้ว อันหวน เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก นี่คือเด็กผู้หญิงที่คอยบอกว่าเธอชอบเขา เขาไม่สามารถเตะเธอปลิวได้ เหมือนกับคนอื่นๆ
“โอ้ เทพหลัว คุณ…. คุณจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร!” อันหวน พูดออกมาอย่างเอียงอาย
“เห้อ… .. เนื่องจากพี่ชายหลัว กล่าวว่าคุณไม่สามารถใช้รูปถ่ายของเขาได้ แต่รูปของพวกฉันใช้ได้นะ ด้วยการใช้photoshop เล็กๆน้อยๆ รูปของฉันก็จะดูหล่อเท่ห์และเย่อหยิ่ง เหมือนกับะวกไอดอลหนุ่มๆ เหล่านั้นแน่นอน” จูเสี่ยวเฟย กล่าวแทรก
“ใครต้องการรูปถ่ายของนายกัน! มันไม่มีความสง่างามเลยสำหรับไอหมูอ้วนและลิงผอมอย่างพวกนาย พวกนายไม่สามารถเปรียบเทียบกับ เทพหลัว ได้เลยแม้แต่นิด!” อันหวน กล่าวพร้อมกับแขนเท้าสะเอว
จูเสี่ยวเฟย กุมหน้าอกของเขาและต้องการที่จะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา“นั่นเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไปแล้ว!”
เติ้งไค กระทุ้งข้อศอกใส่จูเสี่ยวเฟย“แกแค่พูดถึงรูปของแกคนเดียวไม่ได้หรือไง แล้วทำไมจะต้องลากฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยเนี้ย”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน ถูกอันอวนทำให้อับอายด้วยกันมันจะตายเหรอ?” จูเสี่ยวเฟย พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เติ้งไค มองเขาอย่างจริงจังซักพักแล้วด่าว่า: “ไอแม่เย็…ด!”
“แม่เย็…ด น้องสาวป้า แม่มึ..งสิ!” (อังกฤษมันพิมพ์คำด่ามาแบบนี้จริงๆนะ)
จูเสี่ยวเฟย คิดว่า เติ้งไค จะพูดอะไรบางอย่างที่เต็มไปด้วยปรัชญา แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ
******
ทุกวันนี้ ชูเยว่ อารมณ์เสียมากเพราะไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอก็จะพบเสี่ยวหลัวอยู่ทุกครั้ง
เมื่อกลับไปที่หอพักเธอก็ขว้างกระเป๋าของเธอลงบนเตียงด้วยความโมโห: “ฉันโมโหมาก!”
“คุณหนูชู เป็นอะไร?” ไป่หลิง ที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์เธอหันหลังกลับมาและถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ว่าจะไปที่ไหนฉันก็พบแต่เขา” ชูเยว่ กล่าว พร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“มันคงเป็นโชคชะตาแล้วแหละอย่างนั้น” ไป่หลิง หัวเราะออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไป่หลิง เชื่อหรือไม่ว่า ฉันจะถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอออก” ชูเยว่ ยิ้มด้วยริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับปีศาจน้อย
“อย่า! คุณหนูชู ตอนนี้มันเป็นตอนกลางวัน มันน่าอายที่จะถูกถอดเสื้อผ้าในหอพักตอนนี้”
“แล้วทำไมเธอถึงกล้า พูดแบบนี้กับฉัน?”
ไป่หลิง ยิ้ม: “ฉันกำลังพูดความจริง และฉันก็เห็นเธอบ่นเรื่องนี้กับฉันไปแล้วถึงหกครั้งและในขณะนี้คือครั้งที่เจ็ด ดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับเสี่ยวหลัวถึงแม้ว่าเธอจะลงไปรับพัสดุภัณฑ์ก็ตาม นี่มันไม่ใช่โชคชะตาหรอกเหรอ?”
“ใครอยากมีโชคชะตากับตาบ้าจอมโอ้อวดนั่นกัน?”
ชูเยว่ พูดออกมาอย่างไม่สนใจ จากนั้นเธอนึกถึงความเป็นไปได้อื่นและมีสัญญาณเตือนปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่น่ารักของเธอ“ไป่หลิง เธอคิดว่าเขาต้องการที่จะแก้แค้น เรื่องเมื่อตอนงานปาร์ตี้หรือเปล่า?”
“เธอคิดมากเกินไปแล้ว เสี่ยวหลัวไม่ใช่คนแบบนั้น” ไป่หลิง รู้สึกชื่นชมจินตนาการอันประเจิดของเพื่อนที่ดีที่สุดของเธออย่างแท้จริง
“ทำไมถึงไม่ใช่อย่างนั้นหละ? ฉันคิดว่าเขายังมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่มืดมน” ชูเยว่ ยิ่งกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และร่างกายของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวขึ้นมา
ไป่หลิง ส่ายหัวของเธอ: “หยุดทำให้ตัวเองหวาดกลัวได้แล้ว นอกจากนี้เรายังอยู่ในมหาลัยเดียวกันจะเจอเขามันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
“มันอาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ฉันเจอเขามาเจ็ดครั้งแล้ว นี่เป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร? เขาต้องตามฉันมาแน่ๆ” ชูเยว่ ยังคิดว่ามันมีปัญหา
“ในเมื่อเธอไม่เชื่องั้นเรามาลองทดสอบในตอนบ่ายดีไหม ไปที่เนินเขาด้านหลัง แล้วมาลองดูว่าเธอยังจะเจอเสี่ยวหลัวอยู่อีกครั้งหรือเปล่า ที่เนินเขาด้านหลังเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ หากเธอพบเขาอีกครั้ง นั่นก็หมายความว่าเขากำลังติดตามเธอมาโดยเจตนา ถ้าไม่ใช่เธอก็แค่คิดมากไปเอง”ไป่หลิง กล่าว
“นั่นเป็นความคิดที่ดี!”
ชูเยว่พยักหน้า หากเธอไม่ได้ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง หัวใจของเธอก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาแน่ๆ