กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 481
กู้ชูหน่วนชะงักไปนิดหนึ่ง “ให้ข้าเหรอ”

นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม

“ใช่ ให้เจ้า” ที่มุมปากของเยี่ยจิ่งหานมีรอยยิ้มจางๆ

กู้ชูหน่วนดีใจมาก นางรีบหยิบม้วนหนังแกะโบราณมาพลิกดู

นอกจากจะมีพิกัดสถานที่ที่หนาแน่น ภายในม้วนหนังแกะยังมีสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษที่ไม่เชื่อมโยงกันอีกมากมาย ตอนที่กางออกอ่านครั้งแรก นางดูไม่รู้เลยสักนิดว่าม้วนหนังแกะโบราณนี้กำลังแสดงให้เห็นถึงอะไร

ขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังสืบสาวไปให้ลึก นางก็เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองนางอย่างพยายามค้นหาความจริงอยู่ตลอดเวลา ราวกับอยากจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง

กู้ชูหน่วนระงับความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ แสร้งทำตัวปกติและถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านอ๋อง พวกนี้คือสัญลักษณ์อะไรงั้นหรือ ข้าดูแล้วไม่เห็นเข้าใจเลย”

“ข้าเองก็ไม่เข้าใจ”

เยี่ยจิ่งหานเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของนางและเอ่ยเรียบๆ

เขาศึกษาม้วนหนังแกะโบราณอยู่หลายวันและคิดหาวิธีนับไม่ถ้วน ทว่าก็ยังมองความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นไม่ออก ไม่มีใครเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้เลย

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมอบให้กู้ชูหน่วน อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนรู้หรือไม่ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้หมายถึงอะไร

และอยากรู้ว่านางจะเอาม้วนหนังแกะโบราณไปทำอะไร

แต่การแสดงออกของนาง…

ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยจิ่งหานไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วกู้ชูหน่วนอ่านเข้าใจหรือไม่

กู้ชูหน่วนยิ้มแหย “งั้นไม่เป็นไร ข้าจะลองค้นคว้าดู ถ้าค้นคว้าสำเร็จแล้วข้าจะบอกท่าน ขอเก็บตำราเล่มนี้ไว้ที่ข้าก่อนนะ”

นางว่าแล้วก็เอาม้วนหนังแกะไปซ่อนไว้ใต้หมอน กันไม่ให้เยี่ยจิ่งหานนึกเสียดายและนำม้วนหนังแกะโบราณกลับไป

“ตกลง”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม จากนั้นจึงหัวเราะ สถานะความสัมพันธ์ของทั้งคู่คลี่คลายแล้ว และบรรยากาศความมึนตึงมาคุภายในจวนก็สลายไปจนหมด

เยี่ยจิ่งหานยังคงอยู่ในห้องต่ออีกนานและเป็นฝ่ายชวนกู้ชูหน่วนคุยตลอดเวลา

ทว่ากู้ชูหน่วนแทบรอไม่ไหวที่จะไล่เขาออกไป

ไม่รู้เลยว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนช่างพูดตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดไม่หยุด กู้ชูหน่วนจึงออกปากไล่เขาตรงๆ “ท่านอ๋อง ข้าเหนื่อยนิดหน่อย อยากจะนอนหลับสักงีบ”

“ได้สิ เช่นนั้นเจ้าหลับไปเถิด แล้วข้าจะกลับมาหาเจ้าใหม่”

เยี่ยจิ่งหานถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดคุยกับผู้หญิง

เขาพูดไม่เก่ง แต่ซูมู่สอนเขาว่าผู้ชายควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องหาหัวข้อสนทนามาชวนคุย

ในบทสนทนาแต่ละครั้ง ส่วนมากเขาจะเป็นฝ่ายพูด ส่วนกู้ชูหน่วนจะพยักหน้าเป็นครั้งคราว และนั่นทำให้เขาอึดอัดมาก

การทำแบบนี้ทรมานยิ่งกว่าการถูกโบยสิบครั้งเสียอีก

โชคดีที่นางเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองว่าอยากพักผ่อน

หลังจากเยี่ยจิ่งหานออกไป กู้ชูหน่วนก็ถอนหายใจยืดยาวไม่ต่างกัน

อึดอัดแทบตาย

ต่อไปถ้ามีใครมาบอกนางว่าเยี่ยจิ่งหานเป็นท่านอ๋องที่เย็นชา เก็บปากเก็บคำเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก นางจะค้านเต็มที่

มือเรียวของกู้ชูหน่วนล้วงไปใต้หมอน นางหยิบม้วนหนังแกะโบราณออกมา จากนั้นจึงหยิบเทียนขึ้นมาส่องอ่านอย่างละเอียด

อักษรรูนเหล่านี้นางพอจะดูออกว่าเป็นพิกัดสถานที่

และตัวอักษรภาษาอังกฤษมีวิวัฒนาการมาจากตารางเก้าช่อง

กล่าวก็คือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษแต่ละตัวต่างเป็นปัจเจกและถูกจำกัดวงด้วยค่ายกลตารางเก้าช่อง

ถ้าอยากถอดความให้ได้จะต้องนำพิกัดมาอ้างอิงและแก้กลตารางเก้าช่อง

ด้วยวิธีนี้จึงจะทำให้เข้าใจความหมายที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษเหล่านั้นต้องการสื่อ

ทั้งดวงตาและจิตใจของกู้ชูหน่วนพุ่งจุดสนใจไปที่ม้วนหนังแกะโบราณ พยายามศึกษารูปแบบของค่ายกลอย่างตั้งอกตั้งใจ

การค้นคว้าครั้งนี้กินเวลาทั้งวันทั้งคืน

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน กู้ชูหน่วนก็แทบจะฉีกม้วนหนังแกะโบราณให้เป็นชิ้นๆ

นางอ้างว่าตัวเองเป็นนักทำลายค่ายกลชั้นยอด แต่นางกลับทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าคนที่วางค่ายกลนี้มีระดับฝีมือสูงส่งแค่ไหน

หลังจากถอดความอย่างยากลำบาก นางกลับได้ข้อความมาแค่สามคำคือ ต้นหยาง (หยาง) เมฆ (อวิ๋น) หมึก (มั่ว)

หยางอวิ๋นมั่ว…

ดูแล้วอย่างกับเป็นชื่อใครสักคน

กู้ชูหน่วนจ้องมองม้วนหนังแกะโบราณพลางคิดตารางเก้าช่อง

หลังจากพยายามอยู่สองวัน ในที่สุดนางก็พอจะถอดความภายในม้วนหนังแกะได้

ในม้วนหนังแกะโบราณมีข้อมูลเกี่ยวกับไข่มุกมังกรอยู่จริงๆ แต่ถ้าอยากได้ไข่มุกมังกรจะต้องไปที่หุบเขาตันหุยของพวกตันหุยกู่ ยอดเขาบรรจบเมฆ รวมถึงที่พำนักของเผ่าปีศาจเสียก่อน

กู้ชูหน่วนยังอยากจะถอดความต่อ แต่ในม้วนหนังแกะนี้มีเพียงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ทั้งสามแห่งและชื่อของใครคนหนึ่ง

เหตุผลที่มีชื่อนี้บันทึกไว้อาจเป็นเพราะเขาคือคนที่ทิ้งม้วนหนังแกะโบราณเล่มนี้ไว้

กู้ชูหน่วนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง

นี่มันข้อมูลอะไรกันแน่

ไม่ต้องพูดถึงอะไรหรอก เอาแค่ที่พำนักของเผ่าปีศาจก็กว้างใหญ่มากแล้ว นางเข้าไปที่เผ่าปีศาจแล้วจะทำอะไรได้

ข้อมูลเกี่ยวกับไข่มุกมังกรนี่มันอะไรกัน

กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจเลยสักนิด

แต่เพื่อเผ่าหยก นางจำเป็นต้องลองไปดูที่เผ่าปีศาจอีกครั้ง

ก๊อกๆ

มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก

“เข้ามาได้”

กู้ชูหน่วนรีบลบตารางเก้าช่องทิ้งแล้วหันไปมองทางประตู เยี่ยจิ่งหานผลักประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“ท่านมาหามีอะไรรึ”

“เจ้าอยู่แต่ในห้องมาหลายวัน ได้ยินคนใช้บอกว่าเจ้าไม่ได้ไปไหนเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี”

กู้ชูหน่วนยืดเส้นยืดสายเพื่อบิดขี้เกียจ อยู่แต่ในห้องมาหลายวันมันค่อนข้างจะอุดอู้จริงๆ นั่นละ

“ข้าเรียกหมอหลวงให้มาดูอาการเจ้าแล้ว”

กู้ชูหน่วนตกใจและรีบบอกว่า “ไม่ต้องๆ ร่างกายของข้าแข็งแรงดี ท่านอย่าให้พวกผู้เฒ่าเหล่านั้นมายุ่งวุ่นวายกับข้าเลย”

“ไม่ได้พูดถึงสุขภาพเจ้า แต่หมายถึงสุขภาพของลูกในท้อง ถึงอย่างไรก็ต้องให้หมอตรวจตามกำหนด”

“ข้าเป็นหมอ ข้าตรวจดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น”

ล้อเล่นรึไง เพราะในท้องของนางไม่มีเด็ก นางจึงไม่กล้าให้หมอหลวงเหล่านั้นมาตรวจร่างกาย

ต่อให้ทักษะทางการแพทย์ของนางจะสูงแค่ไหน หมอเหล่านั้นก็ไม่ได้โง่และวันหนึ่งจะต้องปะติดปะต่อได้อยู่ดี

ถูกนางหลอกหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หลายๆ ครั้งเข้า พวกเขาจะต้องสงสัยแน่

เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้ว

นางจะร้อนใจไปทำไม

กู้ชูหน่วนกลัวว่าเยี่ยจิ่งหานจะสงสัย ดังนั้นจึงดึงแขนของเขาและเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอด “โธ่… ท่านอ๋อง ท่านก็เห็นว่าข้าแข็งแรงดี ของบำรุงที่ท่านให้ข้ากิน ข้าก็กินตลอด ตอนนี้ไม่ต้องบำรุงอะไรแล้วจริงๆ ท่านอย่ากังวลไปเลยนะ ตกลงไหม”

“ท่านอ๋อง ท่านบอกว่าจะพาข้าไปที่หอประมูลเฟิงเซียงมิใช่หรือ เราไปกันตอนนี้เลยดีหรือไม่”

“ก็ได้”

นางอยู่แต่ในห้องมานานหลายวัน

ถ้าไม่ออกไปไหนอีก เขาคงสงสัยว่านางคงเบื่อจนป่วยเป็นแน่แท้

“ขอบคุณท่านอ๋อง เช่นนั้นเราไปกันเลยดีกว่า อ้อ จริงสิท่านอ๋อง ข้าถามอะไรท่านสักอย่างได้หรือไม่”

“อะไรหรือ”

“ยอดเขาบรรจบเมฆอยู่ที่ไหนหรือ”

ฟึบ…

สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไปทันที เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เหตุใดจึงถามเรื่องนี้”

“ไม่มีอะไร แค่ถามเฉยๆ ทำไมรึ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”

“ยอดเขาบรรจบเมฆไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรถาม และไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรไป ต่อไปอย่าพูดถึงมันอีก”

กู้ชูหน่วนลูบคาง

เปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก?

ยอดเขาบรรจบเมฆเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่

เหตุใดเยี่ยจิ่งหานจึงต้องห้าม

ถ้าเยี่ยจิ่งหานถึงกับห้ามแบบนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่สถานที่ธรรมดาแน่ๆ

“แล้วหุบเขาตันหุยล่ะ หุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหน”

“เจ้าจะถามไปทำไม”

“ได้ยินว่าที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องการกลั่นยา ข้าอยากจะไปดูแล้วเรียนรู้เพิ่มเติมจากพวกเขา หากมียาอายุวัฒนะดีๆ ข้าจะได้ซื้อมาสักหน่อย”

“หุบเขาตันหุยห้ามมิให้คนนอกเข้าไป เมื่อเจ้าเข้าไปไม่ได้ พวกนั้นก็สอนเจ้ากลั่นยาไม่ได้เช่นกัน นอกเสียจากว่าเจ้าจะเป็นคนในเผ่าของพวกนั้น”

“ดังนั้นความหมายของท่านก็คือ ต่อให้ข้ารู้ว่าหุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหน ข้าก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี?”

“ใช่”

กู้ชูหน่วนเข้าใจแจ่มแจ้ง

ในเมื่อเข้าไปไม่ได้ เช่นนั้นนางก็ต้องไปหาน่าหลานหลิงลั่ว