ตอนที่ 897 ให้ตายเถอะ…เพราะชะมัด!
เมื่อได้ยินว่าอวี๋เยว่หานกำลังจะไป สาวน้อยที่รั้งเขาไว้ก็ทนไม่ได้
“พี่ชายสุดหล่อ ดอกไม้บ้านไหนล่ะจะหอมสู้ดอกไม้ป่าได้? จะรีบไปทำไมกัน? ผับที่นี่ยังมีอะไรให้เล่นสนุกอีกเพียบ ให้ฉันพาคุณไปดูดีกว่า คุณจะต้องชอบแน่ๆ!”
สาวน้อยพูดพลางเอาร่างเย็นชุ่มฉ่ำมาพิงบนตัวอวี๋เยว่หาน
มองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างยั่วยุ
“พี่สาวคนนี้ใส่ชุดแบบนี้มาเที่ยวผับ เชยไปหน่อยนะคะ!”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่มองลงไปที่ตัว
เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนพร้อมกับรองเท้าผ้าใบขาว
ผมยาวรวบเป็นหางม้า การแต่งตัวทำให้เธอดูเป็นเด็กวัยรุ่นใสๆ
ประกอบกับใบหน้าโดดเด่นสะดุดตา ดูแล้วเหมือนนักศึกษาที่เพิ่งออกจากรั้วมหาวิทยาลัย มองไม่ออกสักนิดว่ามีลูกสาววัยสามขวบแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับผ้าขี้ริ้วไม่กี่ชิ้นของสาวน้อยคนนั้น เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเธอดูมิดชิดเกินไป
นี่โดนคนหัวเราะเยาะซะแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่โกรธ ไม่เพียงแค่ไม่โกรธ ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่สามีฉันก็ชอบแค่ฉัน มันช่วยไม่ได้”
น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนทำให้คนโมโหเป็นพิเศษ
“เธอ…” เมื่อสาวน้อยโดนยั่วโมโหก็หันไปมองอวี๋เยว่หานและพยายามใช้ร่างกายยั่วเขา
แต่สายตาอวี๋เยว่หานกลับมองเหนียนเสี่ยวมู่ตลอดเวลา
ดวงตาดำขลับดูลึกซึ้งอย่างที่ใครไม่อาจเข้าใจได้
ในหูยังเต็มไปด้วยเสียงขี้เล่นของเธอเมื่อครู่นี้ “สามีขา”
ให้ตายเถอะ…เพราะชะมัด!
ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานเป็นประกายเล็กน้อย ถ้าตอนนี้เขายังมองไม่ออกว่าเหนียนเสี่ยวมู่จงใจ เขาคงโง่ไปแล้ว
แต่เป็นไปได้ยากมากที่เธอจะแสดงวิธีการหึงหวงได้น่ารักและไม่หยาบคายแบบนี้ ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือก็เกรงว่าการที่เขาอยากให้เธอย้ายกลับคฤหาสน์ตระกูลอวี๋จะยากยิ่งกว่านี้
“สามีขา ฉันจะไปแล้วนะ” เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาไม่พูด เธอก็เตรียมจะไป
เขาคว้ามือไว้ในฝ่ามือ แต่ไม่ได้ดึงมันกลับ เพียงแค่ตะโกนออกมาจากปากโดยที่ขายังไม่ขยับออกไป
หลังจากผ่านไปได้สักพักเมื่อเห็นอวี๋เยว่หานยังไม่ตอบสนอง เธอจึงพูดอีกครั้ง
“ฉันจะไปจริงๆ แล้วนะ!”
เสียงของเธอเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เหมือนกับว่าถ้าเขาไม่เอ่ยปากรั้งเธอไว้ เขาจะไม่มีเมียอีกต่อไป
“ไปด้วยกัน” อวี๋เยว่หานพูดเพียงสามคำ
พอได้ยินดังนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ก็สุขใจแล้ว
จงใจชี้ไปที่สาวน้อยและถามว่า “เธอทั้งสาวทั้งสวยขนาดนั้นและยังแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วคุณอีก คุณไม่แม้แต่จะดื่มเหล้ากับเธอซักแก้ว มันจะดีเหรอ?”
“หือ? คุณหมายถึงใคร?” อวี๋เยว่หานถามมึนๆ
ทันทีที่พูดจบก็หันไปมองรอบๆ ราวกับว่ามองไม่เห็นผู้หญิงคนไหนนอกจากเหนียนเสี่ยวมู่
ท่าทางลุ่มหลงทำให้สาวๆ ที่อยู่รอบๆ ถึงกับอิจฉาตาร้อน
มองมาทางเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยสายตาเหมือนอยากเข้าไปแทนที่จนแทบทนไม่ไหว
มองเขาจูงมือเหนียนเสี่ยวมู่ออกจากผับด้วยความไม่พอใจ เขาทำราวกับไม่มีคนอื่นแล้ว
เจิ้งเหยียนเดินอยู่ท้ายสุด ทันทีที่ก้าวออกจากประตูผับก็หัวเราะอย่างหนักจนต้องประคองตัวกับผนังไว้
“พวกเธอตั้งใจแสดงให้ฉันขำตายใช่ไหมเนี่ย รับมรดกฉันด้วยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….”
“ตอนที่ฉันออกมา ฉันเห็นสาวน้อยคนนั้นที่ยกเหล้าให้อวี๋เยว่หานเกือบจะเขกหัวตายอยู่แล้ว…”
“พูดจริงนะ พวกเธอมีพรสวรรค์ด้านการแสดงขนาดนี้จะทำธุรกิจไปทำไมกัน? ไปแสดงเถอะ จะต้องเป็นถึงขั้นราชาหรือราชินีภาพยนตร์ได้แน่นอน!”
“……”
เจิ้งเหยียนยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ที่เดินนำหน้าก็ชะงักเท้า
หันไปมองเธอ
เจิ้งเหยียนสะดุ้งโหยง เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ฉันพูดล้อเล่นแค่ไม่กี่คำคงไม่ถึงกับต้องฆ่าปิดปากหรอกมั้ง?”
ตอนที่ 898 จุดเปลี่ยนที่น่าตกใจ
“บัญชีบริษัทของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์อยู่ไหน?” คราวนี้เหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนแรกที่ถาม
ถานเปิงเปิงหายตัวไปนานมากแล้ว เธอจึงร้อนใจอยู่บ้าง
เดิมทียังคิดว่าพอพวกเขาได้รหัสผ่านของบ้านประจำตระกูลถานมาแล้วก็จะหาที่อยู่ของถานเปิงเปิงพบ
แต่วนไปวนมาสุดท้ายก็กลับมาที่เดิม
ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเจิ้งจริง พวกเขาจะต้องตามหาคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังให้เจอโดยเร็วที่สุด!
“สำนักงานใหญ่เจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ในเมือง N” เจิ้งเหยียนตอบทันที
สายตาเธอเป็นไปอย่างเปิดเผยดูไม่เหมือนพูดโกหก
ทว่าเมื่ออวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นดูซับซ้อนขึ้นมาทันใด
ภาพที่ไปเมือง N ครั้งที่แล้วยังคงชัดเจน
ก่อนที่จะรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ การไปเมือง N ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้ว
“อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องไปถึงเมือง N หรอก แค่พวกคุณเอาช่วงเวลาที่กุ้ยจื่อได้รับเงินโอนหรือบัญชีบริษัทที่โอนให้เขามาให้ฉันก็พอแล้ว ฉันจะให้ฝ่ายการเงินไปตรวจสอบบัญชีเอง!”
เจิ้งเหยียนกล่าว
วิธีนี้ยังพอใช้ได้
ทั้งหมดกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋พร้อมกัน
เจิ้งเหยียนกับกุ้ยจื่อมาถึงห้องหนังสือแล้ว
หลังจากผ่านการสอบสวนไปหนึ่งวัน สภาพจิตใจกุ้ยจื่อก็ดูเหี่ยวเฉาเล็กน้อย ไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใดๆเมื่อเจอเจิ้งเหยียน
แต่ตอนที่เจิ้งเหยียนเจอเขาก็อารมณ์เดือดพล่านเล็กน้อย
“นี่คือไอ้คนที่ใส่ร้ายฉันสินะ? เดี๋ยวถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ คอยดูเถอะ ฉันจะถลกหนังมัน!”
น้ำเสียงอันห้าวหาญของเธอทำให้กุ้ยจื่อตกใจจนหลบไปอยู่ข้างหลังผู้ช่วย เขาได้แต่โวยวายว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ธนาคารเป็นผู้ตรวจสอบออกมาเอง
เจิ้งเหยียนหยุดพูดเรื่องไร้สาระกับเขา หลังจากได้บัญชีธนาคารมาจากอวี๋เยว่หาน เธอก็ส่งให้ฝ่ายการเงินของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์เป็นอย่างแรกและเริ่มตรวจสอบบันทึกการโอน
เงินทุกก้อนที่ใช้จ่ายออกไปของบริษัทใหญ่ๆสามารถตรวจสอบได้
กุ้ยจื่อสามารถบอกเวลารับเงินได้อย่างแม่นยำ อวี๋เยว่หานก็ตามตรวจสอบบัญชีธนาคารที่อยู่เบื้องหลัง ในไม่ช้าทางด้านเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ก็จับคู่บัญชีได้
“วันที่กุ้ยจื่อได้รับเงิน เจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์มีเงินจำนวนหนึ่งที่โอนออกจากบัญชีธนาคารของบริษัทสาขาหนึ่งจริง…”
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา บรรยากาศในห้องหนังสือก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม
สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
เจิ้งเหยียนเปิดเสียงลำโพงโทรศัพท์ ขณะที่ได้ยินฝ่ายการเงินพูด เธอก็กำลังจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฝ่ายการเงินกลับพูดเสริมมาอีกประโยคหนึ่ง
“เงินถูกโอนออกจากบริษัทพวกเรานั้นไม่ผิด แต่ไม่ได้โอนให้กุ้ยจื่ออะไรนั่น เพราะบัญชีบริษัทข้างต้นนั้นโอนให้บริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารของตระกูลมั่ว…”
ตระกูลมั่วกับตระกูลเจิ้งไปมาหาสู่กันหลายชั่วอายุคน
แม้ความสัมพันธ์จะไม่ดีดังเดิม แต่ดีร้ายอย่างไรตระกูลเจิ้งก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลมั่วซึ่งมีลักษณะอุตสาหกรรมที่คล้ายคลึงกัน
ดังนั้นแม้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลจะจืดจางลงไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีโครงการที่ร่วมมือกันในระยะยาวอยู่
สิ่งที่ฝ่ายการเงินพูดมาคือการร่วมทุนกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
“คุณกำลังหมายความว่าถึงเงินจะโอนออกจากบริษัทของเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ แต่คนที่สั่งให้เจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์โอนเงินคือตระกูลมั่ว?” เจิ้งเหยียนหรี่ตาลง
ตายังคงมึนๆ งงๆ
หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดเจิ้งเหยียนก็ไม่กล้าพูดมาก
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลมั่วได้ยังไง?” เหนียนเสี่ยวมู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอวี๋เยว่หานหันหน้าไปถาม
แม้เธอจะไม่ได้รู้จักตระกูลมั่วมากมายอะไรนัก แต่เธอก็ฟังเรื่องตระกูลนี้มาจากปากอวี๋เยว่หานและเจิ้งเหยียนมาไม่น้อย
ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตระกูลลึกลับ ไม่มีความหวือหวา
ทำไมจู่ๆ ถึงมาพัวพันกับกุ้ยจื่อได้ล่ะ?
“พวกคุณมีใครที่ไปล่วงเกินตระกูลมั่วหรือเปล่า?” เจิ้งเหยียนวางสายและถามด้วยหน้าตาจริงจัง