ตอนที่ 899 แหย่มัจจุราช!
“……”
แม้เหนียนเสี่ยวมู่จะรู้จักเจิ้งเหยียนได้ไม่นาน ติดต่อกันไม่กี่ครั้ง แต่ก็รับรู้ได้ว่าเธอเป็นคนง่ายๆและใจกล้าบ้าบิ่น
ทว่าขณะนี้สายตาเธอพลันเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงตระกูลมั่ว
เปลี่ยนเป็นความเคารพยำเกรง
เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
และหวาดผวาเล็กน้อย
เหมือนกับว่าถ้าไปแหย่ตระกูลมั่วเข้าก็เท่ากับแหย่มัจจุราช!
เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งไปสักพัก
เจิ้งเหยียนเดินมาข้างหน้าเธอและยื่นมือจับไหล่เธอไว้ “เหนียนเสี่ยวมู่ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เธอลองคิดดูดีดีว่าเธอไปแตะต้องคนตระกูลมั่วตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอได้ไปล่วงเกินตระกูลมั่วมาหรือเปล่า?”
“…ฉันจำไม่ได้!” เหนียนเสี่ยวมู่ผลักแขนเธอออกพลางมองเจิ้งเหยียนด้วยอารมณ์ร้ายเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วแล้วบอกว่า
“ถึงฉันจะไปล่วงเกินตระกูลมั่วโดยไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ก็แค่อธิบายออกมาให้ชัดๆ ก็ได้”
“ตระกูลมั่วไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเธอคิด!” เจิ้งเหยียนเหลือบมองเธอและเดินไปที่หน้าต่าง
แสงจันทร์หนาทึบอยู่ภายนอกหน้าต่าง
ดวงจันทร์ที่สว่างไสวห้อยอยู่บนกิ่งไม้โดยถูกกิ่งไม้บังไว้บางส่วน เหลือเพียงเสี้ยวจันทร์
แสงจันทร์อ่อนรำไรสาดส่องมาบนตัวเจิ้งเหยียน
เธอลังเลสักพักก็หันกลับมา
มือทั้งสองกอดอกแน่น
“ตระกูลมั่วก็เหมือนกับแซ่ ‘มั่ว’ ที่แปลว่าดำมืด สืบเชื้อสายกันมานานหลายร้อยปี ตอนนี้ทุกคนเห็นแค่เพียงเปลือกนอก เล่ากันว่าบรรพบุรุษตระกูลมั่วเป็นสมาชิกราชวงศ์ในสมัยโบราณ พวกเขาไม่ยอมร่วมแย่งชิงอำนาจในราชสำนักจึงปลีกตัวออกจากโลกภายนอก ถึงได้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ ลูกหลานสายตรงของตระกูลมั่วทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ที่ต่างจากคนอื่น นับตั้งแต่เกิดมาก็มีความสามารถไม่เหมือนคนทั่วไปแล้ว!”
เมื่อเทียบกับตระกูลทั่วๆ ไป ตระกูลมั่วมีความลับมากมายที่คนภายนอกไม่อาจรู้ได้
นอกจากนี้ตระกูลมั่วยังทำตัวสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด
โลกภายนอกจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลมั่วมากไปกว่าตระกูลที่มีกิจการใหญ่โต
แต่เจิ้งเหยียนรู้ดีมากกว่าหน่อย
“ตระกูลมั่วไม่ใช่ตระกูลธรรมดาทั่วไป เบื้องหลังตระกูลมั่วยังมีอิทธิพลอำนาจอีกมากมายที่พวกคุณไม่สามารถจินตนาการได้…” เจิ้งเหยียนพูดได้เพียงครึ่งก็หันไปมองกุ้ยจื่อและหยุดพูด
ผู้ช่วยเข้าใจจึงพากุ้ยจื่อออกจากห้องหนังสือ
จากนั้นเจิ้งเหยียนก็เดินมาตรงหน้าอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่
ลดเสียงลงแล้วบอกว่า
“เรื่องนี้ฉันเคยได้ยินพ่อคุยกับแม่ตอนที่เดินผ่านห้องหนังสือของพ่อโดยบังเอิญ ฉันถึงได้รู้ว่าตระกูลเจิ้งของเราและเจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ทั้งหมดล้วนเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลมั่ว ขอเพียงแค่ผู้นำตระกูลมั่วออกคำสั่ง ตระกูลเจิ้งทั้งตระกูลจะต้องหวนกลับมา!”
เจิ้งเหยียนเม้มริมฝีปากและกล่าวด้วยความหวั่นเกรง
เธอรู้มาตลอดว่าที่ตระกูลเจิ้งมีวันนี้ได้เพราะอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลมั่ว
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแม้กระทั่งตระกูลเจิ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมั่ว…
และหน้าที่ที่พวกเขาต้องทำคือคุ้มครองตระกูลมั่ว!
“ฉันไม่รู้ว่านอกจากตระกูลเจิ้งแล้ว ตระกูลมั่วยังมีอีกกี่ตระกูลที่คอยคุ้มครองตระกูลมั่วเหมือนอย่างตระกูลเจิ้ง ฉันรู้แค่ว่าคนที่ล่วงเกินตระกูลมั่วล้วนไม่พบจุดจบที่ดี ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับตระกูลมั่วจริง ฉันขอเกลี้ยกล่อมพวกคุณว่าอย่าทำอะไรผลีผลาม!”
เจิ้งเหยียนพูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องหนังสือเริ่มมีบรรยากาศกดดัน
คำพูดของเจิ้งเหยียนค่อนข้างเกินความรู้ความเข้าใจของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่บ้าง
เธอหย่อนก้นลงบนเก้าอี้พร้อมกับนั่งขัดสมาธิ พึมพำ “พูดแต่เรื่องเทพเจ้าบ้างมัจจุราชบ้าง ไหนจะตระกูลลึกลับ ไหนจะพรสวรรค์ที่ต่างจากคนอื่น ฉันชักจะกลัวขึ้นมาแล้วสิ ที่สำคัญสิ่งที่ฉันกลัวก็คือตระกูลนี้ดูเหมือนจะต้องการชีวิตน้อยๆของฉัน…”
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้า กะพริบตาปริบๆ
“บอกตามตรง พอเจิ้งเหยียนพูดมา ฉันก็อยากจะลองไปดูตระกูลมั่วซักหน่อย คนตระกูลมั่วหน้าตาและพรสวรรค์ต่างจากคนอื่นไม่ใช่เหรอ แล้วอะไรที่เรียกว่าต่างจากคนอื่น? ความจำเป็นเลิศของฉันนับว่าใช่ไหม?”
ตอนที่ 900 เขิน? น่าอาย?
“…” อวี๋เยว่หานเงยหน้ามองเธอ นัยน์ตาล้ำลึกปกคลุมไปด้วยเงาภาพเธอ
ไม่ได้ตอบคำถามที่เธอถาม
สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวคือภาพตอนที่เธอมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก
ความพิเศษของเธอไม่ได้มีแค่ความจำเป็นเลิศ…
ในตัวเธอมีกลิ่นอายนางพญาแผ่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งแม้แต่เขาก็ไม่อาจมองข้ามไปได้
อวี๋เว่หานเดินไปที่หน้าเก้าอี้ มือใหญ่วางบนหัวเธอโดยเลื่อนจากบนหัวลงมาถึงท้ายทอย จากนั้นก็ยึดท้ายทอยกดมาแนบหน้าอกตัวเอง
สูดกลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวเธอพลางหลับตาลงเล็กน้อย
การคาดเดาที่กล้าหาญของคนคนหนึ่งผุดเข้ามาในใจ
“คุณอยากเจอคนตระกูลมั่วมากเหรอ?” อวี๋เยว่หานเอ่ยขึ้นมา
เมื่อพูดจบก็รู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดพยักหน้า เธอบอกว่า “ถึงจะไม่เข้าใจอยู่บ้างว่าตัวเองไปล่วงเกินตระกูลมั่วตรงไหน แต่ดูจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ฉันก็อยากติดต่อกับตระกูลมั่วเพื่อต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
เธอนิ่งไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเขา
กะพริบตาที่เป็นประกาย
เหมือนลูกเสือดาวที่จ้องมองเหยื่อ ถามเขากลับว่า “หรือคุณไม่สงสัยเกี่ยวกับตระกูลมั่ว?”
เธอสงสัยจะแย่อยู่แล้ว
“อืม” เขาตอบเสียงเรียบ สายตาทอดมองออกไปโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อสังเกตเห็นอาการใจลอยของเขา เหนียนเสี่ยวมู่ก็ดึงชายเสื้อแล้วถามว่า “อืมนี่หมายถึงอะไร?”
อวี๋เยว่หานชักสายตากลับแล้วหลุบตามองเธอ “ก็แปลกใจนิดหน่อย”
เพราะคุณ
อวี๋เยว่หานไม่ได้พูดประโยคท้าย
แค่ว่าก่อนนอนคืนนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เอาแต่ถามตลอดเวลา
จนกระทั่งเธอเหนื่อยและผล็อยหลับไปในอ้อมกอดเขา เขาก็ยังกอดเธอไว้ไม่ปล่อย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ช่วยส่งข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับตระกูลมั่วที่สามารถรวบรวมได้ไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋
อวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เข้าบริษัท แต่หมกตัวอยู่ในห้องหนังสือเพื่อศึกษาเอกสารกองใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากอ่านมาหลายชั่วโมง เหนียนเสี่ยวมู่ก็เริ่มปวดตา
ซุกอยู่ในอ้อมกอดอวี๋เยว่หานพลางบ่นพึมพำ “ข้อมูลตระกูลมั่วนี่เยอะเกินไปแล้ว กว่าจะอ่านเสร็จก็คงเป็นปีหน้า เราจะไปเยี่ยมตระกูลมั่วเมื่อไหร่? บุกไปถึงหน้าประตูไม่ได้เหรอ?”
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” อวี๋เยว่หานหยิบเอกสารในมือเคาะหัวเธอ
เมื่อวานยังเห็นสนอกสนใจตระกูลมั่วเป็นพิเศษ วันนี้ก็ซึมไปซะแล้ว เขาพูดอย่างใจเย็น
“อ่านข้อมูลพวกนี้ไว้ มันยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก”
“อะไร?” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้า
“รักษาชีวิตน้อยๆของคุณไง” ยากมากที่อวี๋เยว่หานจะเผยท่าทีที่เหมือนเจอคู่ต่อสู้แบบนี้ เขาพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำในเรื่องที่ไม่มั่นใจ แต่เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ ผมไม่ทำ”
“……”
ประโยคนี้แปลได้ว่า : เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ ถ้าผมไม่มั่นใจ ผมไม่ทำ
โดนหยอกโดยไม่ทันตั้งตัว
เหนียนเสี่ยวมู่ถึงกับนิ่งไป
สายตานางพญาที่เซื่องซึมเมื่อวินาทีก่อนหน้า ตอนนี้กลับเปล่งแสงราวกับเพชร
กะพริบแสงอย่างงดงาม
จ้องเขาได้สักพักก็รู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งหล่อมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายก็หน้าแดงโดยไม่รู้ตัว มือกุมแก้มตัวเองแล้วโวยวาย “กรี๊ดดด ทำไมจู่ๆ คุณถึงได้พูดคำหวานๆล่ะ? ฉันเขินแล้วนะ หน้าอายที่สุด!”
อวี๋เยว่หาน “???”
เขิน?
น่าอาย?
ตั้งแต่เด็กก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูหนุ่มเอ๊าะๆ หน้าตาดี เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเนี่ย?
หยุดกวนได้แล้ว
อวี๋เยว่หานยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายพร้อมกับกอดเธอแน่น วินาทีต่อมาก็เห็นผู้ช่วยเข้ามารายงาน “คุณชายหานครับ ได้ข่าวที่แน่นอนมาแล้วครับ อาทิตย์หน้ามีงานประชุมสัมมนาธุรกิจ คนตระกูลมั่วก็เข้าร่วมงานด้วย!”