บทที่ 270 กลับเมืองเทียนหวู

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 270 กลับเมืองเทียนหวู

 

“ไอ้หนุ่ม ส่งวิธีเข้าถึงสยบวิญญาณกับปี้เซียนเสว่มา ข้าจะไว้ชีวิตนาย” ครั้งนี้ฝานเฟยหยางไม่ได้พูดตรงๆ แต่ส่งเสียงผ่านตัวสำนึกคุยกับหลัวซิว

“ฉันไม่มีทางส่งคนให้ ถ้าผู้อาวุโสไม่กังวลว่า ทุกคนจะรู้เรื่องสยบวิญญาณ ก็ฆ่าฉันได้เลย” หลัวซิวตอบอย่างไม่สนใจ

“นายคิดว่าราชวงศ์ตระกูลฝานของฉัน จะกลัวการข่มขู่ของนายเหรอ เชื่อหรือเปล่า ถ้าข้าจะฆ่านาย ไม่มีทางให้นายได้มีโอกาสพูดหรอก” ฝานเฟยหยางข่มขู่อย่างอาฆาต

“แน่ใจเหรอว่าถ้าฆ่าอัจฉริยะขั้นดำ ขององค์กรนักล่ายุทธ์ ราชวงศ์ตระกูลฝานของนาย จะไม่ต้องชดใช้เพราะสิ่งนี้”

หลัวซิวแสยะยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันมั่นใจว่าจะพูดเรื่องสยบวิญญาณ ก่อนที่นายยังไม่ฆ่าฉัน”

เจรจาตอบโต้กับปรมาจารย์ค่ายกลขั้น5 ระดับราชายุทธ์ แน่นอนว่าหลัวซิวมีไพ่ไม้ตาย

หลัวซิวเอากล่องส่งเสียงออกมาจากแหวนเก็บของ ต่อหน้าฝานเฟยหยาง บรรยากาศอึดอัดขึ้นทันที

“นายแน่ใจว่าจะเป็นศัตรูกับราชวงศ์ตระกูลฝานใช่ไหม” ฝานเฟยหยางสะกดกลั้นอารมณ์วู่วาม เขากังวลว่าหลัวซิวจะพูดเรื่องสยบวิญญาณ ถึงฆ่าปิดปากเขา ก็ปิดเรื่องนี้ไม่ได้

อีกทั้งหลัวซิวยังมีฐานะเป็นอัจฉริยะขั้นดำ ขององค์กรนักล่ายุทธ์ ถ้าแตะต้องเขาจริงๆ ราชวงศ์ตระกูลฝานต้องเจอกับไฟโกรธขององค์กรนักล่ายุทธ์

องค์กรนักล่ายุทธ์ ไม่สนใจอัจฉริยะขั้นเหลือง แต่อัจฉริยะขั้นดำ เป็นสมาชิกภายใน ที่ค่อนข้างสำคัญกับองค์กรนักล่ายุทธ์ ถ้าถูกฆ่าตายต่อหน้าทุกคน เป็นการดูหมิ่นและยั่วยุองค์กรนักล่ายุทธ์อย่างไม่ต้องสงสัย

“นายจะเอายังไง” ฝานเฟยหยางถามเย็นชา

“ฉันจะกลับเมืองเทียนหวูก่อน” หลัวซิวยกยิ้มมุมปาก

เห็นรอยยิ้มที่เหมือนกำชัยชนะอยู่ในมือของเขา ความอาฆาตแผ่ออกจากตัวฝานเฟยหยาง อยากตบไอ้เด็กเลวนี่ให้ตาย

หลัวซิวส่ายกล่องส่งเสียงในมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ทางที่ดีผู้อาวุโสเก็บความอาฆาตเอาไว้เถอะ ไม่งั้นข้อมูลที่ฉันบันทึกไว้ในกล่องเก็บเสียง จะไปถึงจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงทันที”

หลัวซิวไม่มีรอยส่งเสียงของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง เขาแค่พูดให้อีกฝ่ายตกใจเท่านั้น

แต่ฝานเฟยหยางคิดว่าเป็นเรื่องจริง ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้า

จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง เป็นหัวหน้าของสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ ประเทศเทียนหวู ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์อันดับหนึ่งของราชวงศ์ตระกูลฝาน ก็ต้องหวาดกลัวคนนี้อยู่บ้าง

บทสนทนาส่วนหลังของทั้งสองคน ใช้วิธีส่งเสียงผ่านตัวสำนึก ดังนั้นคนในนี้ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ระหว่างพูด คุยความลับอะไรบ้าง

“พวกเรากลับ!”

ฝานเฟยหยางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงสะกดกลั้นความวู่วามในการฆ่าปิดปาก ส่งเสียงเย็นชา สะบัดแขนเสื้อหันหลังเดินออกไป

จากนั้น ทุกคนขึ้นไปบนเรือรบ ยังเป็นหนานหรงชินหวาง รับหน้าที่บังคับเรือรบลำนี้

ส่วนทหารเสือดำที่ฝานเฟยหยางพามานับพันคน โดยสารเรือรบอีกลำหนึ่ง

ระหว่างทางกลับเมืองเทียนหวู สี่อำนาจใหญ่ เริ่มสอบถามคนที่ถูกส่งออกมาจากแดนปริศนา ครั้งนี้อำนาจแต่ละฝ่าย สูญเสียไปมาก ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแดนปริศนา

ราชวงศ์ตระกูลฝานได้ข้อมูลอีกหนึ่งเรื่อง จากปากของหนุ่มคนหนึ่ง

“นายบอกว่าเห็นองค์ชายสามพาคนสะกดรอยตามหลัวซิวงั้นเหรอ” ฝานเฟยหยางถามเสียงทุ้ม ความอาฆาตแผ่อยู่รอบๆ

ภายใต้การกดดันของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ ชายหนุ่มคนนี้ตกใจจนหน้าซีด พูดอย่างนอบน้อมว่า “ใช่ครับ เราเห็นพื้นที่ลุ่มต่ำแห่งหนึ่ง คนจำนวนมากขุดหินหยินออกมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่กำลังแย่งชิงหินหยิน หลัวซิวกับองค์ชายสามขัดแย้งกัน ต่อมา……”

ตอนนั้นคนแย่งชิงหินหยินเยอะมาก หลัวซิวไม่ได้วางแผนจนรัดกุม และไม่รู้ว่าองค์ชายสามฝานโหยว่หลี่ พาคนสะกดรอยตามเขาไป และโดนคนเห็น

“อย่าบอกนะว่าองค์ชายสามโดนหลัวซิวฆ่าตาย” ราชายุทธ์ของตระกูลฝานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

ฝานเฟยหยางก็มีสีหน้าอึมครึม สะบัดมือให้หนุ่มคนนี้ออกไป

“น่าจะไม่ใช่หลัวซิว ข้างกายองค์ชายสามมีผู้ฝึกจิตขั้น9 อยู่สองคน บนตัวยังมี五阶符箓 จากพละกำลังของหลัวซิว ไม่มีทางฆ่าองค์ชายสามได้ ” หนานหรงชินหวางขมวดคิ้วพูด

“หึ แต่ก็ไม่แน่!”

ฝานเฟยหยางส่งเสียงหึเย็นชา “ก่อนหน้านี้หมัดของหลัวซิว ทำลายฝ่ามือพลังจิตแท้ของข้าจนละเอียด พวกนายก็เห็น พละกำลังของเด็กคนนี้ เหนือกว่าผู้ฝึกจิตขั้น9 ถ้ายังมีไพ่ไม้ตาย ไม่แน่อาจต่อกรกับราชายุทธ์ได้”

“นี่……นี่เป็นไปได้ยังไงกัน”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตอนเขาฝึกจิตขั้น 1 ก็ฝ่าฟันเข้าไปที่หอคอยมังกรบินชั้น7 ตอนนี้เขามีผลการฝึกตนฝึกจิตขั้น7 ต่อกรกับราชายุทธ์ มีอะไรให้ต้องแปลกใจ”

ฝานเฟยหยางพูดเสียงทุ้ม “เด็กนี่เติบโตมาถึงจุดนี้ ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2 ปี นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พรสวรรค์สามารถอธิบายได้ เขาต้องได้รับโอกาสดีอะไรบางอย่างแน่นอน……”

“ถึงไม่มีเรื่องสยบวิญญาณ ถ้าเด็กนี่ไม่สามารถเป็นประโยชน์กับราชวงศ์ตระกูลฝาน ต้องกำจัดเขาทิ้ง!”

ขณะเดียวกัน สำนักเสวียนหยางก็ได้รับข้อมูลว่ากู้เค่ออาน หนีออกมาจากถ้ำโบราณ ที่อยู่ลึกลงไปในแดนปริศนา จากนั้นตัวหยั่งรู้โดนทำลาย สติกระเจิดกระเจิง

ในเวลาเดียวกัน สำนักฉางเหอก็รู้ว่าซือโคงสวี่ เข้าไปในถ้ำโบราณเหมือนกัน ในเมื่อสุดท้ายไม่ถูกส่งออกมา เห็นได้ชัดว่าตายอยู่ในนั้นแล้ว

สำหรับถ้ำโบราณ ที่อยู่ลึกลงไปในแดนปริศนา ทั้งสองสำนักค่อนข้างรู้ข้อมูลที่ละเอียด สังเกตได้ถึงจุดน่าสงสัยภายในนั้น

จากที่พวกเขารู้ ถ้ำโบราณมีทั้งหมดสองด่าน ด่านแรกคือการจู่โจมตัวสำนึก ของราชายุทธ์ขั้น1 ผู้แข็งแกร่งในสำนัก เตรียมสมบัติล้ำค่าที่ต้านทานการจู่โจมวิญญาณให้ทั้งสองคน น่าจะบุกเข้าไปไม่ยาก

ในนี้ด่านที่สองยากมาก ทดสอบพละกำลังของร่างกาย ไม่มีทางใช้พลังของสมบัติได้ แต่ถึงฝ่าฟันไปไม่ได้ แค่ถอยออกมา ก็ไม่น่าจะตาย

โดยเฉพาะการตายของกู้เค่ออาน แปลกประหลาดที่สุด หนีออกมาจากถ้ำโบราณได้แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังกลายเป็นศพ

“เป็นการฆ่าของคน!” ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ของสำนักเสวียนหยางกับสำนักฉางเหอ อิงตามร่องรอยต่างๆ นานา วิเคราะห์ออกมาว่ากู้เค่ออานกับซือโคงสวี่ ตายเพราะฝีมือคน

ถึงการตายของซือโคงสวี่จะไม่ชัดเจน แต่กู้เค่ออาน โดนคนใช้จู่โจมวิญญาณ ทำลายตัวหยั่งรู้

เพราะวิชาห้ามค่ายกลในถ้ำโบราณ การโจมตีของตัวสำนึก จะโดนต้านทานด้วยสมบัติ

ราชายุทธ์ของสำนักเสวียนหยาง บีบหยกแขวนที่แตกสลายเอาไว้ในมือ มีคนพบมันบนตัวของกู้เค่ออานตอนที่ตายไปแล้ว และก่อนที่หยกแขวนชิ้นนี้จะแตก เป็นของที่สามารถต้านทาน ทัดเทียมกับสมบติจู่โจมวิญญาณของราชายุทธ์ขั้น1

“ตัวสำนึกจู่โจมสามารถโจมตีการป้องกันของหยกแขวนพรากวิญญาณ ระดับการจู่โจมวิญญาณ ต้องเหนือกว่าราชายุทธ์ขั้น1”

“ข้อมูลที่ได้จากการสอบถาม คนที่เข้าไปในถ้ำโบราณ มีเพียงหลัวซิวกับปี้เซียนเสว่ ที่ถูกส่งออกมา สองคนนี้น่าสงสัยที่สุด”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ราชายุทธ์ของสำนักเสวียนหยางคนนี้ พูดอย่างเฉยชาว่า “ส่งคนไปเรียกหลัวซิวกับปี้เซียนเสว่มา”