เจเทาวน์รู้เหตุผลแต่ไม่ได้บอกเทาเท่เพราะเขาตั้งใจเขาอยากจะรู้ว่าเทาเท่คิดยังไงกับอดีตภรรยาอย่างหลินจือ
หลังจากคำพูดของเจเทาวน์สิ้นสุด สายตาของเทาเท่ที่มองไปยังเจเทาวน์ก็มืดมนมากยิ่งขึ้น
เจเทาวน์ในฐานะเจ้านายของหลินจือการประชุมที่สำคัญแบบนี้แต่หลินจือกลับมาไม่ทันมันต้องมีคำอธิบายให้กับคนเป็นเจ้านายอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เจเทาวน์ จะไม่ทราบสาเหตุแน่
แต่เจเทาวน์จงใจไม่บอกเขา ต้องการอะไร?
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีสัมผัสที่หก ผู้ชายก็มีเหมือนกัน
เทาเท่รู้สึกว่าความรู้สึกของเจเทาวน์ที่มีต่อหลินจือนั้น มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
เจเทาวน์เป็นบุคคลสำคัญในวงการบันเทิง ตอนที่อายุยังน้อยเขาเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักร้อง จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นนักแสดง ผลงานการแสดงตั้งแต่ละครทีวีมีไปจนถึงภาพยนตร์นับว่าอยู่ในจุดสูงสุด โด่งดังจนพลุแตก คว้ารางวัลในสถาบันต่างๆมาแล้วมากมาย
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาเริ่มถอนตัว ก่อตั้งเบลดิ้งเอนเตอร์เทนเมนต์กับผองเพื่อนและผันตัวไปทำงานเบื้องหลัง
ในตอนที่เจเทาวน์ยังรุ่นๆอยู่ก็เคยเปิดตัวแฟนสาวมาก่อน แต่เพราะนิสัยที่เข้ากันไม่ได้ทั้งสองก็จึงเลิกรากัน หลายปีมานี้มีข่าวรักๆใคร่ๆอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สถานะของเขาคือหนุ่มโสด
ก่อนหน้านั้นมีเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนที่เพิ่งจะอายุยี่สิบชื่อโจมอน และตอนนี้นักแสดงชายอายุสี่สิบเจเทาวน์ เทาเท่ที่อายุสามสิบสองขบกรามแน่นและไม่พูดอะไร
เหอะ เธอนี่ก็ใช่ย่อยจริงๆ
เทาเท่อารมณ์หงุดหงิดตลอดการประชุม และเจเทาวน์ก็ทำการรายงานของตัวเองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทาเท่ไม่คิดว่าอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองจะถูกโครงเรื่องของหลินจือดึงดูดซะขนาดนี้ พูดตามตรง ก่อนที่เทาเท่จะเข้าร่วมการประชุมก็คาดหวังไว้อยู่แล้วว่างานเขียนของหลินจือนั้นจะออกมาหน้าตายังไง แต่ไม่คิดว่ามันจะน่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้
และนี่มัน……
เทาเท่ฟังคำบรรยายของ เจเทาวน์ไปทีละคำ ดำดิ่งไปกับโครงเรื่อง และยังมีความรู้สึกถึงขั้นอยากลงมือถ่ายละครเรื่องนี้เลยทันที
อาศัยประสบการณ์ทางด้านธุรกิจที่มีมานานกว่าหลายปี และจากการประเมินละครและภาพยนตร์ที่เคยทำมา เขามั่นใจว่าละครเรื่องนี้ต้องดังแน่นอน
เจเทาวน์พูดถูก สำนวนภาษาของหลินจือสามารถดึงดูดผู้คนได้จริงๆ ความนึกคิดของเธอกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตเต็มไปด้วยความน่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งแตกต่างจากหลินจือคนเก่าคนที่ไม่มีอะไรให้นึกถึงคนที่เขาเคยรู้จัก……
หลังการประชุมเสร็จสิ้นเทาเท่ก็ไปที่ห้องทำงานของเจเทาวน์ทันที ลืมไปเสียสิ้นว่าข้างกายตัวเองยังมีซูซีอยู่ด้วยทั้งคน
ซูซีถูกเทาเท่ทิ้งไว้ในห้องประชุม ใบหน้าเผยรอยยิ้ม แต่ในใจกัดฟันข่มความโกรธ
ทันทีที่เทาเท่เข้ามาในห้องทำงานของเจเทาวน์ได้ก็ถามออกไปโต้งๆว่า“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
เจเทาวน์รินน้ำใส่แก้วให้ตัวเองอย่างเชื่องช้า เลี่ยงตอบคำถามของเทาเท่“ ผมคิดว่าประธานเทาเท่จะมาคุยกับผมเรื่องบทละครซะอีก”
เทาเท่ไม่มีความอดทนเอาซะเลย เปิดประเด็นขึ้นมาทันที เหล่ตามองแล้วถามว่า“เจเทาวน์ คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
เจเทาวน์ชำเลืองมองเขา จากนั้นหยิบปากกาและเขียนตัวเลขลงบนกระดาษแล้วยื่นมันให้เขา“นี่เบอร์ของเธอ ส่วนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอนั้น ประธานเทาเท่ถามเองจะดีกว่า”
เจเทาวน์มองจากท่าทีของเทาเท่ในตอนนี้ดูท่าแล้วเทาเท่คงไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่หลินจือ
เป็นสามีภรรยากับหลินจือมาสามปี วันสำคัญแบบนี้ก็ยังไม่รู้ ดูออกเลยว่าคนเป็นสามีอย่างเขาที่ผ่านมาละเลยภรรยาของตัวเองมากแค่ไหน
เจเทาวน์ยิ้มเยาะในใจ เมื่อก่อนทำร้ายเธอซะขนาดนั้น ตอนนี้ก็กลับมาทำทีเป็นห่วงเป็นใย มันจะมีประโยชน์อะไร ?
หรือคิดว่าหลินจือยังต้องการความห่วงใยจากเขาอยู่อีก?