[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 432 : ห้องครูใหญ่ (1)
ครูใหญ่จางอยู่ในห้องพร้อมกับรองครูใหญ่อีกทั้งสี่ท่าน และทั้งหมดก็กำลังประชุมกันเรื่องของกงเสียวลู่อยู่พอดี
รองครูใหญ่ทั้งสี่คนนั้นต่างก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย สองในสี่ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่ากงเสี่ยวลู่จะมีอะไรกับนักเรียนของตัวเอง ส่วนอีกสองคนดูเหมือนจะเชื่อว่าเธอทำเช่นนั้นจริงๆ
รองครูใหญ่สองคนที่เชื่อว่ากงเสี่ยวลู่เป็นอย่างที่ได้ยินข่าวลือนั้นก็คือ หวังเหว่ยเฉิง กับเจียวเฟิ่งหวงซึ่งเป็นครูผู้หญิง
ทุกคนต่างก็กำลังประชุมกันแล้วก็ถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ในห้อง และแน่นอนว่าผู้อำนวยการหลิวที่เชื่อว่ากงเสี่ยวลู่กับหลิงหยุนนั้นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน ก็อยู่ในห้องประชุมด้วย
ความจริงแล้วครูใหญ่จางเองก็ไม่เชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แล้วเขาก็ได้แต่นั่งมองทุกคนในห้องถกเถียงกันเรื่องนี้อย่างดุเดือด แม้จะรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งฟังทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันอย่างเงียบๆ
ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะว่าจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี ในเมื่อหวังเหว่ยเฉิงเองก็เป็นญาติกับเสียเจิ้นเหยิน ส่วนเจียวเฟิ่งหวงซึ่งเป็นรองครูใหญ่ผู้หญิงเพียงคนเดียว ก็เป็นน้าสาวของหลู่เจิ้งเทียน
ส่วนผู้อำนวยการหลิวนั้นก็สนิทสนมกับกู่เหลียนเฉิงเพราะไปเที่ยวแบบว่าด้วยกันบ่อยๆ อีกทั้งยังคลั่งไคล้กงเสี่ยวลู่ไม่น้อย และตามจีบเธอมานานหลายปี ครูใหญ่จางเองก็อ่านความคิดของผู้อำนวยการหลิวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ในเมื่อผู้อำนวยการหลิวไม่สามารถใช้วิธีธรรมดาพิชิตใจของกงเสี่ยวลู่ได้ เขาก็จะอาศัยโอกาสที่กงเสี่ยวลู่มีเรื่องเสียหายนี้ เป็นเครื่องมือต่อรองกับเธอ
สองฝ่ายที่มีความเห็นขัดแย้งกันไปคนละทาง ต่างก็ทะเลาะถกเถียงกันอย่างรุนแรง และดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถหาข้อสรุปใดๆได้ ไม่เพียงเท่านั้น การถกเถียงกันก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนต่างก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดง สงครามน้ำลายจึงเกิดขึ้น เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีใครยอมใคร!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงหยุนได้นำนักเรียนในห้องห้าสิบกว่าคนบุกเข้าไปในห้องทำงานของครูใหญ่ เมื่อไปถึงก็ใช้เท้าถีบประตูอย่างแรง และบุกเข้าไปด้านในทันที
ครูใหญ่จาง และระดับผู้บริหารของโรงเรียนอีกห้าคน ถึงกับตกใจสุดขีด และต่างคนต่างก็ตกตะลึง
ครูใหญ่จางทั้งตกใจและโมโหสุดขีด ที่มีคนกล้าบุกเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเขา และพังประตูจนเสียหาย!
“ใครกล้าทำแบบนี้..!”
ครูใหญ่จางลุกขึ้นยืนพร้อมกับเงื้อมือขึ้นและกำลังจะตบลงบนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือของเขาจะฟาดลงกับโต๊ะ ก็ต้องชะงักอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นว่าคนที่บุกเข้ามาในห้องทำงานของเขานั้นไม่ใช่ใครที่ใหน แต่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายห้องหกที่สร้างวีรกรรมดุเดือดไว้มากมาย และก็คือหลิงหยุนนั่นเอง!
ก่อนหน้านี้.. ครูใหญ่จางแทบจะไม่เคยรู้จักหลิงหยุนด้วยซ้ำ อาจจะเคยได้ยินชื่อในทางที่ขี้เกียจของเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันจริงๆ
แต่เมื่อเริ่มมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในโรงเรียน และทุกเรื่องล้วนแต่เกี่ยวข้องกัเด็กนักเรียนที่ชื่อหลิงหยุนทั้งสิ้น ครูใหญ่จางจึงเริ่มให้ความสนใจกับบเด็กนักเรียนคนนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านหลินเจียง และตอนนี้หากเขายังไม่รู้จักหลิงหยุน ก็คงไม่สมควรที่จะเป็นครูใหญ่ของที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ครูใหญ่จางรีบเปลี่ยนท่าทีจากที่จะทุบโต๊ะ เป็นวางมือลงบนโต๊ะเบาๆ และค่อยๆใช้นิ้วเช็ดฝุ่นบนโต๊ะทำงานอย่างเบามือ ราวกับกำลังบรรจงปาดน้ำตาให้กับหญิงสาวอันเป็นที่รัก
ผู้อำนวยการหลิวจ้องมองฉางหลิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา หลงหวู่ และนักเรียนห้องหกทั้งหมดที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของครูใหญ่จางทีละคนๆ เขาคิดไม่ถึงว่านักเรียนของกงเสี่ยวลู่จะกล้าสร้างปัญหาขึ้นในโรงเรียน และเขาก็โกรธจนถึงกับลุกขึ้นตะโกนออกไปว่า
“พวกเธอออกไปจากห้องครูใหญ่เดี๋ยวนี้! พวกครูกำลังประชุมกันอยู่ ไม่เห็นหรือยังไง? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเธอจะมาทำตัวเป็นอันธาลได้!”
หลิงหยุนที่เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะของครูใหญ่จางแล้ว ถึงกับหันไปมองหน้าผู้อำนวยการหลิวทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับถามขึ้นว่า..
“คุณเป็นใคร?”
หลิงหยุนเดินไปหยุดอยู่หน้าผู้อำนวยการหลิวพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้า และรอยยิ้มที่ดูอันตราย
“ฉันเป็นใครเธอยังไม่รู้จักอีกหรือไง..? ฉัน.. ฉันก็ผู้อำนวยการหลิวไง.. หละ-หลิงหยุนเองเหรอ?”
เมื่อผู้อำนวยการหลิวหันไปมอง และเห็นว่าผู้ที่ถามเมื่อครู่ก็คือหลิงหยุน เขาถึงกับตกใจหวาดกลัวจนตัวสั่น และแทบจะกระโดดหนีออกไปทันที
ตอนที่หลิงหยุนเข้ามาในห้องนั้น ผู้อำนวยการหลิวไม่ทันได้หันไปมองว่าเป็นใคร เพราะมัวแต่หันไปมองครูใหญ่จาง แต่เมื่อเหลือบไปมองและพบว่าผู้ที่เข้ามานั้นคือหลิงหยุน เขาก็ถึงกับตกใจจนตัวสั่น
ทันทีที่หลิงหยุนรู้ว่าเป็นใคร เขาก็ยิ้มพร้อมกับถามย้ำอีกครั้งว่า “ผู้อำนวยการอะไรนะ..?”
ครูใหญ่จางมองเด็กนักเรียนที่ตามหลิงหยุนเข้ามาเรื่อยๆ ในใจก็เริ่มรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ฝืนยิ้มให้กับหลิงหยุนแล้วตอบเสียงเบาว่า
“หลิงหยุน.. นี่ผู้อำนวยการหลิวยังไงล่ะ? เขาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนไง..”
สิ้นเสียงครูใหญ่จาง ภายในห้องก็เงียบกริบ..
เพียะ!!
จู่ๆ หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นตบหน้าผู้อำนวยการหลิวอย่างแรงจนเขาถึงกับเห็นดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด แล้วก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“นี่เธอ.. นี่เธอ.. นี่เธอ.. นี่เธอ..”
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงหยุนจะกล้าทำร้ายร่างกายผู้คน และคนที่เขาทำร้ายก็เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนเสียด้วย รองครูใหญ่ทั้งสี่คนถึงกับร้องอุทานอย่างตกใจออกมาพร้อมกัน แล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก..
ไม่เพียงแค่รองครูใหญ่ทั้งสี่คนเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ครูใหญ่จางเองก็ถึงกับแอบคิดอยู่ในใจว่า โชคดีที่เขายั้งมือไว้ทัน และไม่ตบโต๊ะลงไปก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกตบหน้าอาจเป็นเขาก็เป็นได้!
แม้แต่นักเรียนมัธยมห้องหกเองก็คิดไม่ถึงว่า หลิงหยุนจะทำรุนแรงถึงเพียงนี้ ไม่มีใครคิดว่าเพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของครูใหญ่ได้เดี๋ยวเดียว และยังไม่ทันได้พูดจาอะไรกันเลยด้วยซ้ำ หลิงหยุนก็ลงมือตบหน้าผู้อำนวยการเสียแล้ว อีกทั้งยังกระทำต่อหน้าผู้บริหารคนอื่นๆของโรงเรียนด้วย เขาช่างไม่เกรงกลัวกฏระเบียบของโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย!
แม้แต่หลงหวู่ที่ว่ากล้ามากแล้ว เมื่อได้เห็นการกระทำที่ค่อนข้างอุกอาจของหลิงหยุน ยังถึงกับยกมือขึ้นกุมใบหน้าเล็กๆของตนเอง และนึกถึงครั้งที่เธอถูกลูกน้องของเขาตบหน้า ในใจก็นึกโกรธขึ้นมาอีก และคิดว่าจะต้องแก้แค้นเขาคืนให้ได้
แต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมากลับยิ้มออกมาราวกับไม่มีอะไรร้ายแรง นั่นเพราะเธอเคยเห็นหลิงหยุนสังหารคนอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตามาแล้ว ดังนั้นเพียงแค่การตบหน้า จึงเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก และแทบไม่มีความหมายอะไรต่อความรู้สึกของเธอเลย
หลังจากที่หลิงหยุนตบหน้าผู้อำนวยการหลิว ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่ จนกระทั่งเจียวเฟิ่งหัวซึ่งเป็นรองครูใหญ่ก็พูดออกมาอย่างโมโห
“นี่.. นี่เธอกล้าตบหน้าผู้อำนวยการเชียวเหรอ? การกระทำของเธอเป็นเรื่องที่อุกอาจ แล้วก็ผิดระเบียบโรงเรียนขั้นร้ายแรง เธอสมควรต้องได้รับโทษขั้นสูงสุด..”
หลิงหยุนยิ้มและค่อยๆย่างเท้าเข้าไปยืนอยู่ด้านหน้าของเจียวเฟิ่งหวงพร้อมกับย้อนถามว่า
“ผมตบหน้าเขา.. ไม่ได้ตบหน้าคุณ แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด แล้วหุบปากซะ! ไม่แน่ต่อไปก็อาจจะเป็นคราวของคุณบ้างก็ได้..”
หลิงหยุนไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้แต่ครูใหญ่จาง เพราะยังไงวันนี้เขาก็ตั้งใจที่จะมาคิดบัญชีกับคนพวกนี้อยู่แล้ว
เจียวเฟิ่งหัวถึงกับตกอกตกใจ และโมโหจนตัวสั่นปากสั่นไปหมด แล้วจึงร้องตะโกนออกไปว่า
“ฉัน.. ฉันเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ของที่นี่นะ เธอกล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้!”
หลิงหยุนพยักหน้าที่เรียบเฉยของตัวเองพร้อมกับคิดในใจว่า แม้แต่ครูใหญ่ยังไม่กล้าพูดอะไร เป็นแค่รองครูใหญ่แต่กลับพูดมากนัก..
“รองครูใหญ่งั้นหรือครับ.. ถ้างั้นก็ดีเลย คุณช่วยตอบผมมาหน่อยว่า ที่ผมขาดเรียนไปหนึ่งอาทิตย์แล้วมีมติให้ไล่ผมออกจากโรงเรียนนั้น เป็นความคิดของคุณใช่ไม๊ครับ?”
เจียวเฟิ่งหัวถูกหลิงหยุนจี้ถามเช่นนั้น เธอจึงได้แต่กัดฟันก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ
“เธอคงจะเป็นหลิงหยุนสินะ? การไล่เธอออกเป็นมติเอกฉันท์ที่ผู้บริหารของโรงเรียนต่างก็เห็นด้วย ดังนั้นจะเป็นความคิดของใครก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ! อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะมาหาเรื่องทำร้ายครูบาอาจารย์ได้นะ ตัวเธอเองทำผิดกฏของโรงเรียนอย่างร้ายแรง แล้วยังจะ..”
“หุบปาก..”
หลิงหยุนเห็นเจียวเฟิ่งหัวพูดเป็นต่อยหอย เขาจึงเริ่มหมดความอดทน และใช้มังกรคำรามสั่งให้เธอหยุดพูดทันที คำสั่งของหลิงหยุนดังทะลุแก้วหูของเจียวเฟิ่งหัวจนตัวเธอเองถึงกับงุนงง และลืมไปว่าจะพูดอะไรต่อ..
หลิงหยุนเหลือบมองผู้อำนวยการหลิวที่ที่ยืนเอามือกุมแก้ม แล้วบอกกับเขาว่า “คุณเองก็หุบปากเงียบๆไว้ครู่หนึ่งก่อน รอให้ผมสะสางธุระให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะมาคิดบัญชีกับคุณทีหลัง!”
หลิงหยุนคงจะตบบหน้าผู้อำนวยการหลิวรุนแรงไปหน่อย เพราะฟันของเขาถึงกับร่วงออกมาทีเดียวสามซี่ และตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทำได้เพียงแค่กุมแก้มที่บวมและกลืนเลือดที่กำลังไหลลงลำคอไป
ผู้อำนวยการหลิวต้องการจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีใครกล้าที่จะโทรไปสถานีตำรวจให้กับเขาแน่!
หลิงหยุนกวาดสายมองไปทางรองครูใหญ่ทั้งสี่คนอย่างไม่แยแส ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะของครูใหญ่จางพร้อมกับถามขึ้นว่า
“ครูใหญ่จาง.. ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียนบ้าง แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง?”
ครูใหญ่จางถึงกับหายใจแทบไม่ออกเมื่อหลิงหยุนเดินเข้าไปใกล้ เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดัน และท่าทางจองหองของหลิงหยุน ซึ่งทำให้เขาอึดอัดอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็นๆที่ผุดขึ้นตามใบหน้าพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า
“หลิงหยุน.. มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดของทางโรงเรียน เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เธออาจจะยังไม่รู้ว่า ทางโรงเรียนเองก็ได้ประกาศออกไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้ว ตอนนี้ทั้งครูและนักเรียนทั้งโรงเรียน ต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าเธอไม่ได้ถูกไล่ออก แล้วก็ยังคงเป็นนักเรียนของที่นี่อยู่..”
หลิงหยุนก็แค่ถามไปแบบนั้นเอง ต่อให้เขาถูกไล่ออกจริงๆ เขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะได้เรียนหรือไม่ได้เรียนอยู่แล้ว
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่า ครูใหญ่จางไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยาก เขาจึงยิ้มและพูดต่อว่า “ครูใหญ่ครับ.. แล้วเรื่องที่ครูกงถูกใส่ความล่ะ ครูมีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
ตอนนี้ครูใหญ่จางถูกหลิงหยุนถามซึ่งๆหน้า แม้เขาเองไม่อยากจะตอบประเด็นนี้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงหยุนแล้วก็รู้ว่า ไม่ตอบก็คงจะไม่ได้!
“หลิงหยุน.. เรื่องของครูกง พวกเราก็กำลังประชุมกันอยู่พอดี เธอก็เห็นนี่!”
หลิงหยุนพยักหน้าและจี้ถามต่อ “เรื่องไร้สาระแบบนี้ถึงกับต้องประชุมปรึกษาหารือกันขนาดนี้เลยเหรอครับ แล้วไม่ทราบว่าที่ประชุมสรุปเรื่องนี้ยังไงบ้าง? ตอบ!”
เหงื่อเย็นๆไหลออกเต็มศรีษะของครูใหญ่จางจนหยดลงมาตามใบหน้า..
“เรื่องนี้.. พวกเราเพิ่งจะประชุมกัน แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้..”