[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 433 : ห้องครูใหญ่ (2)
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว “อ่อ.. ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้! เอาล่ะ.. ถ้างั้นก็ประชุมกันต่อเลย ผมจะนั่งฟังอยู่ที่นี่ด้วย..”
“เอ่อ..”
ครูใหญ่ และรองครูใหญ่อีกสี่คนต่างก็พากันอึ้งไป ตอนนี้ในห้องทำงานของครูใหญ่มีนักเรียนอยู่เต็มไปหมด แล้วพวกเขาจะประชุมกันต่อได้อย่างไร?!
ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลานี้ด้านนอกห้องทำงานของครูใหญ่ ก็มีนักเรียนมุงดูอยู่เต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่หน้าต่างที่ตอนนี้มีคนแย่งกันดูจนแทบจะพังลงมา..
ยังมีนักเรียนคนอื่นๆที่พากันตามมาอีกเรื่อยๆ นอกห้องทำงานของครูใหญ่จึงมีเด็กนักเรียนมัธยมปลายทั้งหกห้องกำลังยืนฟังข้อสรุปเรื่องนี้อยู่!
ภายในโรงเรียนเวลานี้ ต่างก็เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“หลิงหยุน เธอดูเหตุการณ์ตอนนี้สิ จะให้พวกครูประชุมกันต่อกันได้ยังไงกัน..?!”
ครูใหญ่จางเหลือบมองไปทางประตู และหน้าต่างด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก เขาคิดในใจว่าเวลาอย่างนี้ยามที่เฝ้าประตูโรงเรียนพากันหายหัวไปใหนกันหมด?
ครูใหญ่จางรู้ดีว่ายามพวกนั้นคงจะไม่สามารถหยุดหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถช่วยควบบคุมสถานการณ์ภายนอกได้บ้าง..
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงจะประชุมต่อไม่ได้ล่ะ? หรือว่าพวกคุณมีเรื่องที่ปิดบังนักเรียนอยู่ ทำไมพอมีนักเรียนร่วมฟังด้วย พวกคุณถึงประชุมกันต่อไม่ได้?”
ครูใหญ่จางถึงกับอึกๆอักๆ “เอ่อ..”
หลิงหยุนมองครูใหญ่จางพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณจะประชุมบ้าบออะไรกัน? ในเมื่อเรื่องที่พวกคุณฟังมาเป็นเพียงแค่ส่วนเดียว เรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นมาก! ผมจะเล่าให้ทุกคนฟังเอง!”
“ในคืนวันพุธที่ 2 เมษายน ครูประจำชั้นของผม – กงเสี่ยวลู่ เธอรู้ดีว่าผมอ่อนวิชาภาษาอังกฤษมาก จึงได้แยกผมออกจากนักเรียนคนอื่นๆเพื่อมาติวต่างหาก และแน่นอนว่าไม่สามารถที่จะติวให้ผมในห้องเรียนได้ ความจริงแล้วครูกงตั้งใจว่าจะพาผมไปติวที่ห้องพักครูภาควิชาภาษาอังกฤษ แต่ก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนคุณครูท่านอื่น เมื่อไม่มีทางเลือก ครูกงก็เลยต้องพาผมไปติวที่ห้องพักของคุณครูแทน นี่นับว่าครูกงทุ่มเทให้กับนักเรียนของตัวเองมากมายแค่ใหน? แต่ครูใหญ่และครูคนอื่นๆกลับงี่เง่า เลือกที่จะฟังเพียงแค่ข่าวลือว่าครูกงมีอะไรกับผม นี่น่ะเหรอคือการกระทำของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครู?!”
หลิงหยุนพูดชัดถ้อยชัดคำทุกประโยค อีกทั้งยังเป็นความจริงที่ใครก็ไม่อาจโต้แย้งได้ อีกทั้งหลิงหยุนยังใช้มังกรคำราม คำพูดทุกคำของเขาจึงดังเข้าหูของครูและนักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนอย่างชัดเจน ทุกคนที่ได้ยินต่างก็พยักหน้าเห็นพ้องกับคำพูดของหลิงหยุน จนลืมนึกไปว่าเสียงของเขาดังไปถึงที่นั่นได้อย่างไร?
มังกรคำรามของหลิงหยุนนั้น ใช้ได้ผลดีกว่าเครื่องขยายเสียงของทางโรงเรียนเสียอีก!
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ “ผมเข้าใจดีว่าเพราะอะไรพวกคุณถึงได้เชื่อข่าวลือพวกนั้น ผมจะบอกให้ว่าเพราะอะไร? ก็เพราะพวกคุณทุกคนมีจิตใจที่สกปรกชั่วร้าย เมื่อใช้จิตใจที่สกปรกมอง ต่อให้เรื่องดีๆ ก็กลายเป็นเรื่องสกปรกไปได้!”
หลังจากที่พูดออกไปอย่างห้าวหาญต่อหน้าทุกคนแล้ว หลิงหยุนก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง..
ตั้งแต่มีการก่อตั้งโรงเรียนมัธยมจิงฉูมานั้น ไม่เคยมีนักเรียนคนใหนที่จะกล้าชี้หน้าผู้บริหารของโรงเรียน และตะคอกใส่พวกเขามาก่อน นี่จึงนับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!
หลังจากที่อบรมทุกคนไปแล้ว หลิงหยุนก็ได้ใช้มังกรคำรามอธิบายต่อช้าๆ
“พ่อของกู่หยุนฟะ – กู่เหลียนเฉิง ได้บริจาคเงินให้กับทางโรงเรียนมากมายไม่ใช่เหรอ?”
ผู้อำนวยการหลิวถึงกับนิ่งไปในทันที..
“ส่วนพ่อของเสียเจิ้นเหยิน.. คุณก็ไม่สามารถขัดเขาได้..”
หวังเหว่ยเฉิงซึ่งเป็นรองครูใหญ่ถึงกับเหงื่อตก!
“ส่วนพ่อของหลู่เจิ้งเทียน ก็เป็นถึงผู้อำนวยการกรมการศึกษาในเมืองจิงฉู คุณเองก็ต้องเชื่อฟัง!”
เจียวเฟิ่งหัวได้ฟังถึงกับเปลี่ยนจากสีหน้าที่โกรธจนเขียวเมื่อครู่ มาเป็นแดงก่ำเพราะอับอาย และไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุนอีกเลย เธอหวาดกลัวจนต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น
หลิงหยุนมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์ทั้งสามคนด้วยสายตาเหยียดหยัน พร้อมกับแสยะยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า
“ช่วงที่ผมไม่ได้มาโรงเรียน และไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะไล่ผมออกจากโรงเรียน เพียงเพื่อต้องการเอาใจไอ้เด็กเพลย์บอยสามคนนั่น แต่พอครูประจำชั้นของผมออกหน้าปกป้อง พวกคุณกลับใช้เรื่องนี้เพื่อย้ำให้ทุกคนเห็นว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน..”
“แล้วที่พวกคุณประชุมกันเมื่อครู่นั้น พวกคุณประชุมเรื่องอะไรกันแน่? เคยคิดที่จะสอบสวนหาความจริงพวกนี้บ้างไม๊?”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นทั้งหนักแน่นและทรงพลัง จนดังทะลุไปถึงแก้วหูของทุกคนในโรงเรียนได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าแก้วหูของทุกคนถึงกับสั่นสะเทือนไปหมด!
ตอนนี้นอกห้องทำงานของครูใหญ่ นักเรียนต่างก็พากันส่งเสียงดังเซ็งแซ่กันไปหมดหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของหลิงหยุน ทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้จนอื้ออึงไปทั่วบริเวณ!
“ชิบหาย.. ที่แท้เรื่องราวก็เป็นแบบบนี้นี่เอง มิน่าหลิงหยุนถึงได้โมโหมาก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย!”
“ไม่เสียแรงที่ฉันเอาเขาเป็นไอดอล ตอนนี้แม้แต่ครูใหญ่ ผู้อำนวยการ แล้วก็รองครูใหญ่อีกสี่คนถึงกับเงียบเป็นเป่าสาก.. โคตรเจ๋งเลย!”
“หลิงหยุนเท่ห์มากเลย! ฉันหลงรักเขาเต็มๆแล้วสิ ต่อไปถ้าใครกล้าพูดว่าเขากับครูประจำชั้นมีอะไรกันแล้วล่ะก็ ฉันจะตบให้หัวหลุดเลย!”
“หลิงหยุนโคตรกล้าเลย.. เขากล้าพูดแบบนี้กับครูใหญ่ได้ยังไง? ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน..”
………..
ครูใหญ่ รองครูใหญ่ทั้งสี่คน รวมทั้งผู้อำนวยการหลิวต่างก็อึ้งไป และไม่สามารถโต้เถียงอะไรหลิงหยุนได้!
ดูเหมือนครูใหญ่จางจะดูเก้ๆกังๆ และกระอักกระอ่วนที่สุด ถัดมาก็เป็นรองครูใหญ่อีกสองคนที่สนับสนุนให้เอาเรื่องกับครูกง
ครูใหญ่จางกำลังคิดว่า เขาต้องไม่ให้หลิงหยุนพูดอะไรต่อ ไม่เช่นนั้นตำแหน่งครูใหญ่ของเขาคงต้องพังยับเยินแน่!
“หลิงหยุน.. เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเราเองที่สอบสวนไม่ละเอียด และพวกเราก็เพิ่งจะได้ฟังความจริงจากปากเธอครั้งแรก เธอดูหน้าครูใหญ่จางกับผู้อำนวยการหลี่สิ.. พวกเขาต่างก็มีสีหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ฟังคำอธิบายของเธอ..”
รองครูใหญ่โจวเข้าใจสีหน้าของครูใหญ่จางดี จึงได้แต่เดินเข้าไปพูดกับหลิงหยุนเพื่อทำให้สถานการณ์ตึงเครียดน้อยลง..
หลิงหยุนกวาดตามองรองครูใหญ่โจว และพบว่าใบหน้าของเขานั้นมีความเมตตา และแววตาของเขาก็ดูซื่อตรง หลิงหยุนจึงไม่ต้องการพูดจารุนแรงกับเขามากนัก
“งั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกผมหน่อยว่า ผลสรุปจากการประชุมเมื่อครู่จะมีมติออกมาอย่างไรบ้าง?”
รองครูใหญ่โจวเหลือบมองครูใหญ่จาง และเมื่อเห็นครูใหญ่จางพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขาก็ตอบหลิงหยุนไปว่า..
“พวกเราเองก็เชื่อว่ามีคนสร้างข่าวลือเพื่อทำร้ายครูกง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นการตัดสินใจที่มืดบอดและผิดพลาดของพวกเราเอง พวกเราจะพยายามแก้ไขข่าวลือนี้ให้ทุกคนในโรงเรียนเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด เพื่อนำชื่อเสียงของครูกงกลับมา สำหรับตำแหน่งของครูกงที่ถูกคาดโทษไว้นั้น พวกเราก็ยินดีที่จะคืนตำแหน่งกลับให้!”
แต่หลิงหยุนกลับคิดในใจว่า.. นั่นยังไม่เพียงพอ! เพราะจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อจบเรื่องราวทุกอย่างเพียงเท่านี้..
“แล้วเรื่องข่าวลือที่เสียหายนั่นล่ะ.. ไม่ทราบว่าพวกคุณคิดจะจัดการยังไง?”
รองครูใหญ่โจวหันไปตอบบอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ข่าวลือเรื่องนี้ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับครูและเพื่อนร่วมห้อง พวกเราจะตรวจสอบ และหาตัวคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ให้พบ แล้วก็จะจัดการไล่คนผู้นั้นออกจากโรงเรียนทันที เขาจะต้องได้รับโทษตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่น!”
เสียงของรองครูใหญ่โจวนั้นทั้งหนักแน่นและจริงจัง ทันทีที่เขาพูดจบ นักเรียนที่อยู่รอบๆต่างก็พากันปรบมือ และส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่น!
แต่ก็ยังมีคนทำเรื่องที่โง่เขลาขึ้นมาจนได้.. เพราะจู่ๆก็มีเสียงคนพึมพำขึ้นมาเบาๆว่า “เชอะ.. แล้วถ้าไม่ใช่แค่ข่าวลือล่ะ!”
ท่ามกลางเสียบปรบมือดังสนั่นของนักเรียนมากมายนั้น ไม่สามารถทำให้ใครได้ยินเสียงพึมพำเบาๆนั้นได้เลย แต่ด้วยความสามารถของหลิงหยุน เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู!
สายตาที่เย็นชาของหลิงหยุนกวาดไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว และพบว่าคนที่พูดก็คือหนึ่งในรองครูใหญ่ทั้งสี่คนที่ชื่อ.. หวังเหว่ยเฉิง!
รอยยิ้มของหลิงหยุนช่างเย็นยะเยือก เขาเดินเข้าไปหาหวังเหว่ยเฉิงและกระชากคอเสื้อขึ้นมาถามว่า “แกพูดอะไร? ใหนพูดอีกครั้งซิ!”
หวังเหว่ยเฉิงคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะหูดีถึงเพียงนี้ เขาตกใจจนหน้าซีด และได้แต่คิดว่าจะกล้าพูดได้อย่างไรกัน?
หลิงหยุนออกแรงกระชากคอเสื้ออีกครั้งอย่างขุ่นเคือง “พูด!”
หวังเหว่ยเฉิงเจ็บจนทนไม่ได้จึงรีบตอบไปว่า “ฉันพูดว่า.. แล้วถ้าไม่ใช่แค่ข่าวลือ..”
ครูใหญ่จางได้ฟังแล้วถึงกับถอนใจด้วยความโกรธ เขาโมโหจนถึงกับหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะปาใส่ศรีษะของหวังเหว่ยเฉิง!
หลิงหยุนเห็นแล้วได้แต่หัวเราะเสียงดังออกมา เขากำลังคิดอยากจะเชือดไก่ให้ลิงดูอยู่พอดี และแล้วก็มีเหยื่อเข้ามาทันเวลาพอดี
หลิงหยุนพูดเสียงเบา “ฟังนะ.. ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง! เมื่อเช้านี้ผมก็ไปติววิชาภาษาอังกฤษที่ห้องพักครูกงมาอีก ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าครูได้ยินข่าวลืออะไรบ้างไม๊ครับ?”
“เอาล่ะ.. ในนี้มีครูคนใหนที่สอนวิชาภาษอังกฤษอีกบ้าง?” หลิงหยุนหันไปถามครูคนอื่นเมื่อเห็นหวังเหว่ยฉางไม่ตอบ
ครูใหญ่จางไม่รู้ว่าหลิงหยุนจะมาไม้ใหนกันแน่ แต่เขาเองก็สอนวิชาภาษาอังกฤษ จึงได้แต่ตอบไปว่า “ฉันเอง..”
แล้วหลิงหยุนก็ตะโกนถามต่อว่า “ใครมีหนังสือวิชาภาษาอังกฤษติดตัวมาบ้าง ขอผมยืมใช้หน่อย!”
“ฉันมี.. ” ครูชั้นมัธยมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างประตูตะโกนบอก และรีบส่งหนังสือให้กับหลิงหยุน
หนังสือวิชาภาษาอังกฤษถูกส่งต่อให้หลิงหยุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงหยุนก็ส่งให้กับครูใหญ่จางทันที
“เอาล่ะ.. เปิดหน้าใหนก็ได้ แล้วบอกหมายเลขหน้าที่เปิดมา..” หลิงหยุนเหลือบมองหวังเหว่ยเฉิง ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับครูใหญ่จาง
ครูใหญ่จางมองอย่างงุนงง แต่ก็เปิดหนังสือวิชาภาษาอังกฤษ และบอกหมายเลขหน้าที่เปิดกับหลิงหยุน
ทันทีที่หลิงหยุนได้ยินหมายเลขหน้าที่ครูจางเปิด เขาก็เริ่มท่องเนื้อหาที่อยู่ในหน้านั้นให้ทุกคนฟังทันที!
ทุกคนได้แต่ตกตะลึง!
แม้แต่หลงหวู่เองก็ถึงกับตกใจจนช็อค!
จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งครูใหญ่จางว่า “เปิดหน้าอื่นอีก..”
ครูใหญ่จางเริ่มเข้าใจแล้วว่าหลิงหยุนกำลังทำจะอะไร เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก!
ครูใหญ่จางเปิดไปหน้าอื่นที่มีเนื้อหามากมายกว่านั้น และบอกเลขหน้ากับบหลิงหยุน เขาท่องเนื้อหาในหน้านั้นออกมาให้ทุกคนที่อยู่ในห้องและนอกห้องฟังอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้น.. ทั้งภายในและนอกห้องต่างก็เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง เงียบจนกระทั่งหากเข็มตกลงพื้นสักเล่ม ก็คงได้ยินอย่างชัดเจน!