[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 434 : ห้องครูใหญ่ (3)
“โอ้พระจ้า.. หลิงหยุนสามารถจดจจำเนื้อหาในหนังสือภาษาอังกฤษได้หมด..”
“อะไรกัน.. นี่มันเกินไปแล้ว.. ไม่น่าเชื่อ!”
ครูใหญ่จางเปิดไปหน้าอื่นอีก และปรากฏว่าหลิงหยุนก็สามารถท่องได้อีก และสำเนียงการอ่านก็มาตรฐาน และท่องออกมาได้อย่างคล่องแคล่วลื่นไหลราวกับเปิดหนังสืออ่าน
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” ครูสาวที่ให้ยืมหนังสือถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ความสามารถของหลิงหยุนที่แสดงออกมานั้น ไม่เพียงเผยให้เห็นความจำที่น่าอัศจรรย์ใจของหลิงหยุนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่า ครูประจำชั้นของเขาใส่ใจดูแลนักเรียนของเธอมากเพียงใดด้วย..
และแล้วข่าวลือที่เลวทรามชั่วร้ายก็ถูกทำลายลงเพียงชั่วพริบตา!
…..
หลิงหยุนพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นจนกระทั่งข่าวลือที่ชั่วร้ายนั้นค่อยๆลดความน่าเชื่อถือลงจนไม่เหลือในที่สุด เขายืนมองครูใหญ่จางที่กำลังตกตะลึงพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า
“ครูใหญ่จาง.. คุณอยากจะทดสอบจนหมดเล่มไม๊ล่ะ?”
ครูใหญ่จางยังคงนิ่งอึ้ง ในใจของเขาทั้งชื่นชมและตกใจไปพร้อมๆกัน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าในโรงเรียนของตัวเองจะมีเด็กนักเรียนที่มีพรสวรรค์เลอเลิศแบบนี้อยู่ด้วย!
หลิงหยุนมีความจำที่เยี่ยมยอดแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ครูใหญ่จางเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมานานมากกว่ายี่สิบปี และเป็นครูที่มีชื่อเสียงว่าสอนดีมากคนหนึ่งในเมืองจิงฉู แม้เขาจะเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวร้ายเสียทีเดียว และเพราะทุกๆคนในโรงเรียนต่างก็เห็นด้วยว่าเขาเหมาะที่จะเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนมัธยมจิงฉูแห่งนี้ เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งตั้งแต่นั้นมา
แม้ครูใหญ่จางจะสอนวิชาภาษาอังกฤษมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยพบเห็นเด็กนักเรียนคนใหนที่มีความจำที่น่าอัศจรรย์เหมือนกับหลิงหยุนมาก่อน!
หลิงหยุนทำให้เขาทั้งตื่นเต้นและตกใจในเวลาเดียวกัน.. นี่มันบ้าชัดๆ!
“ไม่จำเป็น.. ฉันเชื่อว่าที่ภาษาอังกฤษของเธอดีขนาดนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะครูประจำชั้นที่ทุ่มเทสอนให้กับเธอ!” ครูใหญ่จางพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยชื่นชมหลิงหยุนอย่างจริงใจ
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนถามเสียงดัง “เอาล่ะ.. ตอนนี้ยังมีใครคิดว่าครูประจำชั้นพาผมขึ้นไปที่ห้องพักของเธอเพราะเรื่องชู้สาวอีกไม๊ครับ?”
“..นี่ถ้ามีใครกล้าคิดแบบนั้นอีกนะ ฉันจะฆ่ามันครแรกเลย!”
“นั่นสิ.. พวกเราไม่เชื่อเด็ดขาด! ดูสิว่าครูกงใช้เวลาแค่สั้นๆ ก็สามารถทำให้หลิงหยุนเก่งวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาได้! ใครกันช่างกล้าพูดว่าสองคนนี้มีอะไรกัน..”
สีหน้าของครูใหญ่จางเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลิงหยุน.. เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว ครูจะจัดการกู้ชื่อเสียงคืนให้กับครูกงอย่างเร็วที่สุด และจะจัดการเอาเรื่องคนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน ใครกันนะที่กล้าปั้นเรื่องเสื่อมเสียให้กับคนอื่นได้ถึงขนาดนี้ ถ้าพบตัวเมื่อไหร่ จะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนสถานเดียว!”
ปกติครูใหญ่จางเป็นคนมีนิสัยโลเลไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ต่างจากไม้หลักปักขี้เลน และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งครูใหญ่ แต่ระหว่างที่จัดการเรื่องนี้ต่อหน้านักเรียนและครูทุกคน เขากลับมีท่าทางที่เด็ดขาด ตรงไปตรงมา และไม่เข้าข้างใคร
การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้นั้น ครูใหญ่จางเข้าใจเพียงว่าเขาทำเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกงเสี่ยวลู่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว หลิงหยุนไม่ได้เพียงแค่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเธอ แต่ยังต้องการเรียกร้องอย่างอื่นให้กับเธอด้วย
ครูใหญ่รู้ดีว่านักเรียนที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศอย่างหลิงหยุนนั้น อาจจะมีเพียงหนึ่งในล้าน อีกทั้งยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนของเขาอีกด้วย เช่นนี้แล้วต่อไปในวันข้างหน้า ตัวเขาเองก็จะกลายเป็นครูใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปด้วย!
“เป็นข้อสรุปที่ดีมาก!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยชมครูใหญ่จาง ก่อนจะใช้มังกรคำรามพูดกับเขาต่อว่า
“แต่ครูประจำชั้นที่พวกเรารักต้องมาเสียชื่อแล้วก็เสียใจกับเรื่องนี้มาก ครูกงคิดมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ก็ยังฝืนที่จะมาสอนนักเรียนตามปกติ แล้วยังทำข้อสอบให้นักเรียนทดสอบอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ ทั้งที่สภาพจิตใจย่ำแย่มากจนทำให้ร่างกายเจ็บป่วยไปด้วย เธอคงจะรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก เมื่อนตอนเช้าเดินๆอยู่ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป ทั้งครูและนักเรียนหลายๆคนก็เห็นกับตา ผมจึงต้องการจะเรียกร้องให้ทางโรงเรียนชดเชยให้คุณครูประจำชั้นของผมด้วย!”
หลิงหยุนไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแบบนี้แน่ แค่คืนตำแหน่งแล้วก็กู้ชื่อเสียงให้อย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นแค่ข้อเรียกร้องแรกเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือเงินชดเชยต่างหาก!
หากเพียงแค่คืนตำแหน่งกับกู้ชื่อเสียงให้กับกงเสี่ยวลู่แล้วจบ หลิงหยุนคงจะไม่เสียเวลาลงทุนลงแรงมากมายถึงเพียงนี้แน่!
นักเรียนที่อยู่ทั้งในและนอกห้องทำงานของครูใหญ่ ต่างก็ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนอย่างชัดเจน และจู่ๆทุกคนก็นึกถึงภาพที่หลิงหยุนเดินโอบไหล่ครูกงไปต่อหน้าต่อตาทุกคนเมื่อตอนเช้า จึงเพิ่งจะเข้าใจว่า.. นั่นเป็นเพราะครูกงเร่างกายหนื่อยล้าจนไม่สามารถเดินต่อไปได้..
แต่นักเรียนมัธยมปลายห้องหกต่างก็มองหน้ากันไปมาคล้ายจะงงๆว่า เหตุใดหลิงหยุนจึงพูดราวกับว่าครูประจำชั้นของพวกเขานั้นช่างอ่อนแอบอบบางเสียเหลือเกิน?!
พวกเขาต่างก็คิดว่า ครูประจำชั้นของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้นนี่นา! แม้ในคาบเรียนแรกของเช้าวันนี้ เธอจะมีสีหน้าที่กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นลมล้มพับลงไป..
หลงหวู่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับยิ้มออกมา เธอจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า ‘นายนี่ร้ายชะมัด! ขนาดคนอยู่กันเต็มไปหมด ยังจะกล้ารีดไถเงินอีก!’
ฉางหลิงเองก็ถึงกับอายจนหน้าแดง และมองหลิงหยุนตาโต เธอเห็นกับตาว่าครูประจำชั้นไม่ได้เป็นลมล้มพับลงไปอย่างที่หลิงหยุนบอก แต่เป็นเขาต่างหากที่เดินไปโอบไหล่ครูกงไว้เอง..
แต่ถึงอย่างนั้น ฉางหลิงก็อดนึกชื่นชมผู้ชายที่เธอหลงรักไม่ได้ ที่สามารถวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน จนทำให้ทุกคนในที่นี้ถึงกับอึ้ง และไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ ฉางหลิงจะพออกพอใจเพียงใดนั้น คงแทบจะไม่ต้องพูดถึง
ครูใหญ่จางได้ฟังหลิงหยุนพูดเรื่องที่ต้องการให้ทางโรงเรียนชดเชยให้ เขาก็ถึงกับมึนจนพูดอะไรไม่ออก และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆว่า ‘นี่หลิงหยุนกล้าเรียกร้องให้มีการชดเชยจากเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?’
“เอ่อ.. แล้วเธอต้องการให้ทางโรงเรียนชดเชยเรื่องนี้ยังไง?!”
ครูใหญ่จางได้แต่ถามอึกๆอักๆ พร้อมกับแอบคิดว่าเขาคงจะไม่กล้ายุ่งกับเด็กคนนี้อีกแล้ว!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ต้องจ่ายเป็นเงินเพื่อชดเชยค่าที่ทำให้ครูกงเสียชื่อเสียง ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ ทำให้เจ็บป่วย แล้วก็ค่าเสียเวลา.. ฉางหลิง.. ยังมีค่าอะไรอีกไม๊?”
หลิงหยุนคิดได้แค่นั้นแล้วก็คิดอะไรไม่ออกอีก จึงได้หันไปทางฉางหลิง..
ฉางหลิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก็คิดในใจว่า ‘ทุกอย่างนายวางแผนเองหมดแล้วก็พูดไปจนหมดแล้ว นายกล้าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงอย่างครูใหญ่จาง.. ฉันไม่บ้าระห่ำทำแบบนายหรอก..’
เมื่อเห็นว่าฉางหลิงยังคงเงียบ หลงหวู่จึงได้แต่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. แค่นี้ก็เป็นเงินชดเชยมากมายแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นถึงครูใหญ่ อย่าทำให้ครูใหญ่จางต้องกระอักกระอ่วนใจไปมากกว่านี้เลย..”
หลิงหยุนเองก็เห็นด้วย จึงไม่คิดที่จะเพิ่มค่าอะไรลงไปอีก จากนั้นก็หันไปฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวให้กับครูใหญ่จางและพูดขึ้นว่า
“รวมแล้วค่าเสียหายทั้งหมดที่พูดไปก็ไม่มากไม่มายอะไร แค่หนึ่งล้านหยวนเท่านั้นเอง!”
ทุกคนที่ได้ฟังถึงกับตกใจตาโตเท่าไข่ห่าน!
แม่เจ้า.. นี่หลิงหยุนกล้าเรียกค่าเสียหายจากครูใหญ่ถึงหนึ่งล้านหยวนเชียวเหรอ!
“ห๊ะ..?!”
ครูใหญ่จางโกรธจนพูดอะไรไม่ออก แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของหลิงหยุน จึงได้แต่คิดว่าอย่าทำให้เรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้จะดีกว่า เขาจึงตอบหลิงหยุนกลับไปยิ้มๆ
“เรื่องเงินชดเชยนั้น ทางโรงเรียนยินดีจ่ายให้ครูกงอย่างแน่นอน แต่เรื่องจำนวนเงินนั้น ขอให้ทางโรงเรียนได้คุยกับครูประจำชั้นของเธอก่อนจะได้ไม๊?”
มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้ทันแผนของครูใหญ่จาง ด้วยอุปนิสัยของกงเสี่ยวลู่ เพียงแค่ครูใหญ่จางเรียกชื่อทักทาย คนอย่างกงเสี่ยวลู่ก็ไม่คงกล้าที่จะเรียกร้องเงินชดเชยจากทางโรงเรียนอีก?
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ครูประจำชั้นยังไม่หายดีครับ แล้วก็มอบให้ผมเป็นตัวแทนของเธอในการจัดการเรื่องนี้ ครูใหญ่จางตอบมาเพียงคำเดียวก็พอว่าตกลง หรือไม่ตกลง?”
ใบหน้าของหลิงหยุนยังคงมีรอยยิ้ม แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว ในขณะเดียวกันนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป..
เพียะ.. เพียะ.. เพียะ.. เพียะ.. จากนั้นใบหน้าของหวังเหว่ยเฉิงก็บวมขึ้นทันตาเห็นจนกลายเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ทันที!
“ห๊ะ..” “นั่น..”
ไม่มีใครคาดคิดว่าระหว่างที่กำลังคุยเรื่องเงินชดเชยกับครูใหญ่จางนั้น หลิงหยุนจะหันกลับไปฟาดฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของรองครูใหญ่อย่างรวดเร็ว
“รองครูใหญ่ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อนสิ คุณยังคิดว่าข่าวลือนั่นเป็นความจริงอยู่ไม๊? พูด..!”
หลิงหยุนตบหน้าหวังเหว่ยเฉิงไปสิบกว่าฉาด จนกระทั่งเลือดไหลออกจากมุมปาก และแก้มก็บวมเป็นซาลาเปา หวังเหว่ยเฉิงหน้าบวมจนไม่สามารถลืมตาได้ เขาเอาแต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด..
ฟันของหวังเหว่ยเฉิงถูกหลิงหยุนตบร่วงไปสิบกว่าซี่ เหลือเพียงเหงือกที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ในปากเท่านั้น และตอนนี้เขาก็เจ็บปวดจนลืมตาไม่ขึ้น อย่าว่าแต่พูดออกมาเป็นประโยคเลย แม้แต่คำเดียวเขาก็ยังพูดออกมาไม่ได้?
หลิงหยุนมองไปทางเจียวเฟิ่งหัวที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาจึงพูดกับเธอยิ้มๆว่า
“อย่าลืมโทรเรียกหลัวจ้งที่เป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงมาด้วยล่ะ.. ผมชอบเขามากเลย แล้วก็มีเรื่องที่ยังต้องคิดบัญชีกับเขาต่อ!”
“ห๊ะ.. เอ่อ..”
เจียวเฟิ่งหัวตกใจจนปล่อยโทรศัพท์มือถือในมือร่วงลงพื้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด และร่างทั้งร่างก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัว
หากหลิงหยุนไม่เห็นว่าเจียวเฟิ่งหัวเป็นผู้หญิง รับรองว่าเธอคงจะโดนยิ่งกว่าหวังเหว่ยเฉิงอย่างแน่นอน!
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองครูใหญ่จางอีกครั้ง สีหน้าของเขานิ่งเรียบดูยังไงก็ไม่เป็นอันตรายกับใคร ก่อนจะพยักเพยิดให้กับครูใหญ่จางเป็นการส่งสัญญาณว่าให้คุยเรื่องเงินชดเชยต่อ..
ครูใหญ่จางไม่ใช่คนโง่.. เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับคิดในใจว่าเรื่องราวดูเหมือนจะใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องการให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ จึงได้แต่ยิ้มให้หลิงหยุนแล้วตอบบไปว่า “หนึ่งแสน..”
หลิงหยุนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แม้ว่าเขาจะเรียกร้องไปหนึ่งล้าน แต่ดูเหมือนครูใหญ่จางจะต่อรองในราคาที่ต่ำเหลือเกินจนหลิงหยุนไม่สามารถรับได้
“สองแสน.. หลิงหยุน! ฉันยังต้องไปสอนนักเรียนต่อ เธอก็ตกลงเถอะนะ..”
ครูใหญ่จางแกล้งเกาศรีษะและเหลือบมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่บ่งบอกว่า ขอให้หลิงหยุนช่วยไว้หน้าเขาในฐานะครูใหญ่บ้าง?
แต่หลิงหยุนกลับใช้กระแสจิตบอกกับครูใหญ่จางกลับไปว่า “ครูใหญ่จาง.. ผมจะให้ตัวเลขที่ต่ำสุดกับคุณ – สามแสนหกหมื่น เงินชดเชยต้องไม่ต่ำกว่าตัวเลขนี้ คุณสบายใจได้ว่าตัวเลขที่ผมบอกคุณนี้ จะมีเพียงคุณเท่านั้นที่ได้ยิน คุณคิดก่อนแล้วค่อยตอบผม..”
ครูใหญ่จางถึงกับตกใจพร้อมกับหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่ในห้อง และพบว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของหลิงหยุนแม้แต่คนเดียวนอกจากเขา ครูใหญ่จางได้แต่ตกตะลึง!
นี่มันอะไรกัน..?! หลิงหยุนยังมีความสามารถอะไรอีกบ้าง?! นี่มัน..
ครูใหญ่จางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่บวกลบคูณหารในใจอยู่นาน จึงประกาศออกไปเสียงดังว่า
“สำหรับเรื่องนี้.. ทางโรงเรียนจะชดเชยค่าเสียหายให้กับหลิงหยุนและครูประจำชั้นของเขา ฉันในฐานะครูใหญ่ของที่นี่ รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้มาก และจะขอชดเชยค่าเสียหายให้กับทั้งคู่คนละห้าแสนหยวน.. รวมเป็นเงินหนึ่งล้านหยวน!”
ห๊ะ…
“อะไรนะ.. นี่ให้หนึ่งล้านจริงๆเหรอ?”