บทที่ 169 นรีเวช การตรวจโดยตรงและน่าอาย
ตลอดมามีเพียงคนไข้ที่รังเกียจค่าหมอแพงมาโดยตลอดและไม่มีใครคิดรังเกียจค่าหมอถูก ฮูหยินรองเซี่ยผู้นี้คงกังวลว่าหากนางได้เงินน้อยจะไม่ตั้งใจหรือว่าจะไม่สมศักดิ์ศรีของนาง
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ลดราคาลง แต่คำพูดนั้นได้พูดออกไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง
เฟิ่งชิงเฉินจึงยิ้มและพูดว่า “แม่นางอย่าคิดว่ามันน้อยไปเลย ค่าหมอของข้าขึ้นอยู่กับอารมณ์ ราคานี้มีเพียงฮูหยินรองเท่านั้นที่ได้ไป ตอนแรกที่ชิงเฉินยังไม่มีชื่อเสียง ฮูหยินรองกลับเชื่อในตัวข้า ยอมให้ข้ารักษา ชิงเฉินจดจำน้ำใจนี้ของฮูหยินได้ ถือว่าข้าให้เป็นราคามิตรภาพก็แล้วกัน ต่อไปหากมีผู้ที่มีอาการเช่นเดียวกับฮูหยินรอง ชิงเฉินไม่มีทางคิดราคาเหมือนกันแน่”
นางกำลังสงสัยว่านางไม่ใช่หมอ แต่เป็นนักธุรกิจที่ยื่นข้อเสนอตามผลกำไรมากกว่า
อนิจจา… ถ้าหากนางต้องเผชิญหน้ากับตงหลิงจิ่วได้อย่างสงบและง่ายดายเช่นนี้ก็คงดี
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก นางสามารถจัดการกับใครก็ได้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความน่าเกรงขามของราชสำนัก นางก็ยังสามารถรักษาความมีเหตุผลเอาไว้ได้ แต่…
คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาก็สามารถทำให้นางสูญเสียความมีเหตุมีผลไป นับว่า…
ช่างโง่เขลาเหลือเกิน!
เมื่อฮูหยินรองเซี่ยได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน นางก็ทั้งยินดีและผิดหวัง
สิ่งที่น่ายินดีคือเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนรู้จักบุญคุณคน และนางยังเข้าใจความหมายในคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินอีกด้วยว่าต่อไปพวกนางจะไม่มีอะไรคิดค้างกันอีก
“ทำตามที่ท่านหมอเฟิ่งต้องการเถอะ” ฮูหยินรองเซี่ยกล้ำกลืนความขมขื่นไว้
เรื่องโง่เขลาที่ตระกูลเซี่ยทำลงไป ความขมขื่นกลับเป็นนางที่ต้องกล้ำกลืน นางไม่ยอม แต่แม้จะไม่ยินยอมแล้วจะทำอย่างไรได้
นางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องอาศัยตระกูลเพื่อความอยู่รอด
พยักหน้าและพูดต่อไปว่า “หากฮูหยินรองตกลงก็ง่าย แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องบอกกับฮูหยินรองไว้ก่อน”
“เรื่องอะไรหรือ?”
“โรคของฮูหยินรองนับเป็นโรคสตรี ในการตรวจอาจมีการสัมผัสทางร่างกายบ้าง ฮูหยินรองโปรดอย่าได้ใส่ใจ” เมื่อนางถึงตรงนี้เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกอายอยู่ครู่หนึ่ง
ให้ตายเถอะ… ถึงแม้เครื่องมือแพทย์อัจฉริยะจะตรวจโรคของฮูหยินรองได้ แต่กลับไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนและตำแหน่งลงมีดได้ นางจะต้องลงมือตรวจเอง
และการตรวจภายในนั้น…
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินนึกถึงฉากอันน่าอึดอัดใจนั้น นางก็อยากจะปาดน้ำตา
สำหรับการตรวจภายใน จะใช้มือสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อคลำ อย่างมากก็ใช้เพียงคีมปากเป็ดขยายช่องคลอด
ในยุคปัจจุบันนี่นับเป็นเรื่องปกติ การตรวจภายในทางนรีเวชก็เป็นเช่นนี้ แต่ในสมัยโบราณ นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
โรคทางนรีเวชไม่ใช่จุดแข็งของแพทย์แผนจีน อีกทั้งหมอในสมัยโบราณส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แม้ว่าจะเก่งเรื่องโรคสตรีเพียงใด เขาก็ไม่กล้าแตะต้องคนไข้ผู้หญิง
การตรวจภายในของแพทย์แผนตะวันตกไม่เคยปกปิดอะไร หากนางต้องการจะรักษาฮูหยินรองเซี่ยก็จะต้องผ่านการตรวจนี้
“ไม่เป็นไร เจ้ากับข้าล้วนเป็นผู้หญิงด้วยกัน ไม่สำคัญหรอก” ใบหน้าของฮูหยินรองก็แดงซ่านเช่นกัน แต่นางก็ได้สติอย่างรวดเร็ว
เหล่าคุณหนูในตระกูลใหญ่ถูกสาวใช้อาบน้ำให้มาตั้งแต่เล็ก การเปลือยร่างต่อหน้าสตรีด้วยกัน ฮูหยินรองไม่มีความกดดันใดๆ
เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม สิ่งที่ฮูหยินรองคิดอยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มากโข อีกทั้ง…
หากต้องทำการผ่าตัด ขนบริเวณร่างกายส่วนล่างจะต้องโกนให้สะอาด เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าฮูหยินรองเซี่ยจะรับได้หรือไม่
ช่างอึดอัดยุ่งยากใจเสียจริง
เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องนี้ในภายหลัง ขั้นแรกให้นางได้รับการตรวจเสียก่อนก็แล้วกัน หากแม้แต่การตรวจภายในยังยอมรับไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องต่อไปอีก
อนิจจา… ตอนแรกรับปากนางเป็นมั่นเหมาะ แต่นางไม่ได้คิดให้ลึกลงไปเลย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในสายตาของนาง แต่เมื่อนางจะทำเข้าจริงจึงได้ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างสมัยโบราณกับยุคปัจจุบันได้
เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นทำท่าทางผายมือให้ฮูหยินรองตามเข้าไปที่ห้องชั้นในกับนางและสวดภาวนาในใจอย่างเงียบๆ โดยหวังว่าความสามารถในการยอมรับของฮูหยินรองจะมากขึ้นอีกหน่อยและไม่มองว่านางเป็นโรคจิต!
“อ๊า…”
ฮูหยินรองเซี่ยกรีดร้องโดยจับกางเกงของนางไว้โดยไม่รู้จะทำอย่างไรและกลิ้งตกจากเตียงผ่าตัด
“ไม่รักษาแล้ว ท่านหมอเฟิ่ง ข้าไม่รักษาแล้ว” ฮูหยินรองเซี่ยใบหน้าแดงก่ำ โดยไม่สนใจว่านางจะดูน่าอดสูเพียงใด นางก็เพียงเอาแต่ส่ายหัว
นี่มันการรักษาอะไรกัน นี่มัน นี่มัน…
ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิง นางคงจะฆ่าตัวตายด้วยการพุ่งชนกำแพงไปแล้วด้วยความอับอาย
เฟิ่งชิงเฉินยังคงถือคีมปากเป็ดอยู่ในมือและวางลงอย่างอึดอัดใจ
นางยังไม่ได้เริ่มตรวจเลย เพียงแค่จะใส่อุปกรณ์ขยายเข้าไปเท่านั้นเอง จะต้องมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้เลยหรือ?
“ฮูหยินรอง ข้าเป็นหมอ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นท่าน นี่เป็นเพียงการตรวจร่างกายตามปกติเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินอดรู้สึกเห็นใจแพทย์ชายในแผนกสูตินรีเวชไม่ได้
หมอผู้ชายเหล่านั้นยามเผชิญหน้าผู้ป่วยที่เรื่องมากเช่นนี้แล้วมีชีวิตออกมาอย่างไรกันนะ!
“แต่ แต่ว่า…” ฮูหยินรองยังคงส่ายหน้าและดึงกางเกงของนางแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
ของสิ่งนี้ใช้เสริมความเร่าร้อนในการนอนกับผู้ชายต่างหาก ในฐานะฮูหยินไม่เคยใช้ของแบบนี้เลย คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้มีแต่หญิงในหอคณิกาและอนุภรรยาชั้นต่ำเท่านั้น
“นี่คือเครื่องมือตรวจ ไม่มีประโยชน์อย่างอื่น ข้าจำต้องขยายช่องคลอดของท่านก่อนจึงจะสอดมือเข้าไปได้” เฟิ่งชิงเฉินเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจอีกครั้งและระบุว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
“ฮูหยินรอง ท่านไม่ต้องห่วง ข้าสวมถุงมืออยู่ ไม่สกปรกแน่นอนและจะไม่ทำให้เกิดโรคทางนรีเวชอื่นๆ ด้วย” เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจถึงความลำบากใจของฮูหยินรองเซี่ย
ใบหน้าของฮูหยินรองเซี่ยแดงก่ำจนแทบจะเป็นสีเลือด นางกัดริมฝีปากและส่ายหัว
นางไม่ยอมรับการตรวจอันน่าอับอายเช่นนี้แน่ การตรวจเช่นนี้มักทำโดยสาวใช้แก่ๆ เพื่อตรวจสอบว่าพวกนางเป็นสาวพรหมจารีหรือไม่ หรือว่ามีกลิ่นประหลาดใดๆ หรือไม่ หญิงสาวเช่นเฟิ่งชิงเฉินจะสามารถทำได้อย่างไร
และแม้ว่าแม่เฒ่าเหล่านั้นจะมาตรวจสอบก็จะไม่เป็นเช่นเฟิ่งชิงเฉินที่จะยัดสิ่งของต่างๆ เข้ามาในร่างกายส่วนล่างของนางเหมือนอย่างที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะทำ
“ท่านหมอเฟิ่ง ข้า ข้าไม่รักษาแล้ว” ฮูหยินรองเซี่ยพูดด้วยความยากลำบาก นางอยากรักษา แต่นางไม่อาจยอมรับการตรวจแบบนี้ได้
“ไม่รักษา? ฮูหยินรองแน่ใจหรือว่าจะไม่รักษา? ท่านไม่อยากมีลูกแล้วหรือ? เพราะของสิ่งนี้ก็จะไม่รักษาแล้วหรือ? เพราะสิ่งนี้ก็จะยอมแพ้งั้นหรือ? ท่านจะไม่เสียใจภายหลังหรือ? ฮูหยินรอง พวกเราล้วนเป็นผู้หญิง ข้ายังไม่สนใจเลยแล้วท่านจะสนใจไปไย” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองเพดานอย่างอ่อนแรง
สาวพรหมจรรย์อย่างนางยังไม่สนใจ แล้วสตรีที่ออกเรือนแล้วอย่างนางจะยังต้องใส่ใจไปทำไม!
“ข้าอยากมีลูก แต่…” ที่ฮูหยินรองเซี่ยบอกว่าไม่รักษาเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น หรือว่านางเพียงต้องการหลีกหนีการตรวจที่น่าอับอายเช่นนี้
ในฐานะแพทย์ที่มีจิตสำนึก เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเพิกเฉยต่อชีวิตหรือความตายของผู้ป่วยเพียงเพราะผู้ป่วยบอกว่าจะไม่รักษาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเกลี้ยกล่อมนางอย่างใจเย็น:
“ท่านฮูหยินรอง ท่านถือว่าเป็นการตรวจธรรมดาก็ได้ สำหรับข้าแล้วการตรวจส่วนนั้นของท่านก็เหมือนกับการตรวจหูหรือตา มันเป็นเพียงอวัยวะหนึ่งของร่างกายมนุษย์เท่านั้น”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าจริงใจของเฟิ่งชิงเฉิน การต่อต้านของฮูหยินรองก็ค่อยๆ ลดลง “ท่านหมอเฟิ่ง ให้ข้าลองคิดดูอีกครั้งได้ไหม”
“ย่อมได้”
ฮูหยินรองเซี่ยนั่งอยู่บนพื้นและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และพยักหน้าตามที่เฟิ่งชิงเฉินได้คาดไว้
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ท่านฮูหยินรองโปรดวางใจ ข้าจะรีบตรวจให้เร็วที่สุด”
“ตกลง ข้าเชื่อในตัวเข้า ท่านหมอเฟิ่ง” ในที่สุดความปรารถนาที่จะมีลูกก็เอาชนะความเขินอายในหัวใจของนางได้ ฮูหยินรองเซี่ยนอนลงอีกครั้งและดึงกางเกงของนางลง นางยังคงประหม่าอยู่มากและรู้สึกเกร็งต่อการตรวจภายในที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางสบายๆ ของเฟิ่งชิงเฉินนางก็ผ่อนคลายลง
หัวใจของหมอกว้างใหญ่ราวบิดามารดา คนตรงหน้านางเป็นหมอและสิ่งที่นางทำก็เพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง
ฟู่…
หลังจากที่ฮูหยินรองเซี่ยเตรียมใจได้แล้ว นางก็ผ่อนคลาย นอนราบลงและถ่างขาออก
ถือเสียว่า… กำลังจะร่วมหอกับสามีเสียก็แล้วกัน!
หากเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ก็คงจะอึดอัดตายเป็นแน่!