เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1138 จุดจบของการต่อสู้

แปลโดย iPAT

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

“ไก่ยักษ์!?”

 

เมื่อเห็นสัตว์ปีกตัวนี้เข้าสู่สนามรบ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกตกใจ

 

‘ตามคำอธิบายของไห่ฟาน อสูรปีมีอยู่สิบสองรูปแบบ ข้าโชคดีที่สามารถอัญเชิญอสูรปีไก่ออกมาได้’ ฟางหยวนมองอสูรปีและลอบประเมินอยู่ภายใน

 

อสูรปีตัวนี้มีร่างกายใหญ่โตราวกับเนินเขา

 

เมื่อมันกางปีกออก มันจะสร้างเงาขนาดใหญ่ลงบนพื้น

 

มันทั้งกล้าหาญ มีชีวิตชีวา และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ขนของมันมีสีสันสดใสขณะที่กรงเล็บแหลมคมราวกับใบมีด

 

มันกวาดตามองไปรอบๆสนามรบก่อนจะหยุดสายตาที่ฟางหยวน

 

ไม่มีผู้ใดที่มันให้ความสนใจมากไปกว่าเขาเพราะมันได้กลิ่นของวิญญาณปีจากฟางหยวน

 

วิญญาณปี!

 

นี่คืออาหารของอสูรปี ยิ่งวิญญาณปีระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งน่าหลงใหลสำหรับอสูรปีมากเท่านั้น

 

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีของไห่ฟานได้รับแรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีนี้ ไห่ฟานสร้างท่าไม้ตายนี้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

 

“นี่เป็นของเจ้า” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและโยนวิญญาณปีระดับมนุษย์จำนวนมากออกไป

 

อสูรปีไก่เงยหน้าขึ้นและกลืนกินวิญญาณปีเข้าไปอย่างมีความสุข

 

“ฆ่ามันแล้วข้าจะให้เจ้ามากกว่านี้” ฟางหยวนชี้นิ้วไปที่สุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

ดวงตาของอสูรปีไก่ส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะหันหน้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลรู้สึกขนลุกชันไปทั้งร่าง มันรู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรงจากอสูรปีไก่ตัวนี้

 

แม้สุนัขอินทรีย์บรรพกาลจะยืนสองขาเหมือนมนุษย์ แต่ความสูงของมันก็ยังไม่ถึงครึ่งของอสูรปีไก่

 

“ฟิ้ว…”

 

อสูรปีไก่กระพือปีกทะยานร่างเข้าโจมตีเป้าหมาย ความเร็วของมันกระทั่งเหนือกว่าสุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

“บึม!”

 

ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด อสูรปีไก่ก้าวถอยหลังกลับไปเจ็ดถึงแปดเก้าขณะที่สุนัขอินทรีย์บรรพกาลถูกส่งลอยกลับหลัง

 

อสูรปีไก่กรีดร้องเสียงแหลมขณะที่มันไล่ตามสุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

แต่สุนัขอินทรีย์บรรพกาลเจ้าเล่ห์มาก หลังจากตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มันไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรงกับอสูรปีไก่อีก มันใช้วิธีเคลื่อนที่ไปทางซ้ายและขวาเพื่อหลบการโจมตีของศัตรู

 

ฟางหยวนมองเหตุการณ์ทั้งหมดและรู้สึกผ่อนคลายลง

 

อสูรปีไก่ตัวนี้ไม่มีวิญญาณอมตะป่าในการครอบครองแต่ลักษณะทางกายภาพของมันยังแข็งแกร่งกว่าสุนัขอินทรีย์บรรพกาลเป็นอย่างมาก

 

หลังจากทั้งหมดกระทั่งในสายธารแห่งกาลเวลา อสูรปีก็ยังเป็นสัตว์อสูรที่หาได้ยาก!

 

แน่นอนว่าหากสุนัขอินทรีย์บรรพกาลกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะ อสูรปีไก่จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่อง อสูรปีไก่อาจพ่ายแพ้ได้เช่นกัน

 

‘ไห่ฟานเตือนไว้ว่าอสูรปีที่อัญเชิญมาไม่ใช่ทาสและผู้อัญเชิญไม่มีอำนาจควบคุมมันมากนัก หากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป มันจะไม่ต่อสู้และอาจล่าถอยกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลาอย่างรวดเร็ว’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มาก

 

อย่างไรก็ตามอสูรปีไม่ใช่อาวุธหลักของฟางหยวนเพราะเขาแทบไม่สามรถควบคุมมัน

 

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์และลอบเคลื่อนที่เข้าไปหาสุนัขอินทรีย์เดียวดายอย่างลับๆ

 

ฝูงสุนัขอินทรีย์เดียวดายยังต่อสู้กับภูตมนุษย์อยู่กลางอากาศ

 

แม้กองทัพภูตมนุษย์จะได้เปรียบในแง่ของปริมาณ แต่พวกมันค่อนข้างอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าเมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล พวกมันทำได้เพียงก่อกวนและไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังเท่านั้น

 

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

 

ฟางหยวนส่งกำปั้นยักษ์ออกมาอย่างกะทันหัน

 

สุนัขอินทรีย์เดียวดายที่ไม่ได้เตรียมตัวป้องกันถูกฟาดด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่ มันกรีดร้องอย่างน่าสังเวชก่อนจะเป็นลมสลบไปในที่สุด

 

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนอีกหนึ่งรออยู่แล้ว

 

ด้วยความร่วมมือระหว่างสองกำปั้น พวกมันจับกุมสุนัขอินทรีย์เดียวดายที่หมดสติเอาไว้และค่อยๆบินลงบนพื้น

 

ฟางหยวนหายตัวไปอีกครั้งก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกตำแหน่ง ด้วยการใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน สุนัขอินทรีย์เดียวดายก็หมดสติไปอีกตัว

 

จากนั้นเขาก็ทำเช่นเดียวกับก่อนหน้าและวางสุนัขอินทรีย์เดียวดายลงบนพื้นข้างๆสุนัขอินทรีย์เดียวดายตัวก่อนหน้า

 

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกพูดไม่ออก

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวนดูเหมือนจะ…”

 

“ถูกต้อง เขาตั้งใจจับสุนัขอินทรีย์เหล่านี้อย่างมีชีวิต!”

 

“เขาช่างกล้าหาญและแข็งแกร่งนัก!”

 

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนถอนหายใจ สุนัขอินทรีย์เหล่านี้เป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับพวกเขา แต่พวกมันกลับไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความมั่งคั่งในสายตาของฟางหยวน

 

หลังจากชั่วครู่ร่างของสุนัขอินทรีย์เดียวดายจำนวนมากก็ถูกกองรวมกันไว้บนพื้นจนดูราวกับภูเขา

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลเห็นฉากนี้และกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่มันถูกตรึงไว้โดยอสูรปีไก่และไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสหาย

 

อสูรปีไก่อยู่ในสภาพที่น่าอนาถเล็กน้อย ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผลขณะที่มันเริ่มต้องการล่าถอย

 

ท้ายที่สุดไห่ฟานก็เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสที่แท้จริง เพียงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถเลียนแบบท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว

 

‘ดูเหมือนการอัญเชิญอสูรปีเหมาะสมที่จะใช้ในการต่อสู้ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างดี ในสถานการณ์เสียเปรียบ ผลลัพธ์ของมันจะไม่โดดเด่นนัก’ ฟางหยวนสลักข้อมูลนี้เอาไว้ในใจ เพียงเมื่อผู้อมตะใช้ท่าไม้ตายอมตะในการต่อสู้จริง พวกเขาจึงจะได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง

 

ตั้งแต่ต้นจนจบฟางหยวนให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างอสูรปีไก่กับสุนัขอินทรีย์บรรพากลมาโดยตลอด

 

ก่อนที่อสูรปีไก่จะล่าถอย ฟางหยวนต้องจัดการสุนัขอินทรีย์เดียวดายที่เหลือทั้งหมด

 

มีสุนัขอินทรีย์เดียวดายหมดสติอยู่บนพื้นแปดตัว ส่วนที่เหลือตายขณะถูกโจมตี

 

“ตาย!”

 

ฟางหยวนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและสั่งให้อสูรปีไก่ล่าถอยไปปกป้องฝูงสุนัขอินทรีย์เดียวดายที่หมดสติอยู่บนพื้น

 

เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของอสูรปีไก่อยู่ในจุดต่ำมากอยู่แล้ว เมื่อมันได้รับคำสั่งของฟางหยวน มันค่อยๆล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ แต่มันยังเปิดจงอยปากและมองไปที่ฟางหยวน

 

ฟางหยวนเข้าใจความหมายของมันและโยนวิญญาณปีจำนวนมากออกไปทันที

 

เมื่ออสูรปีไก่ได้รับอาหาร มันจึงหันหลังกลับและเคลื่อนที่ลงสู่พื้นเพื่อปกป้องฝูงสุนัขอินทรีย์เดียวดายที่หมดสติ

 

ฟางหยวนต่อสู้กับสุนัขอินทรีย์บรรพกาลอีกครั้ง

 

แต่ครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้า

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลกำลังกระวนกระวานและต้องการช่วยเหลือสหาย

 

‘น่าเสียดายที่ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่กลับจบลงในสภาพนี้!’ ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายกว่าก่อนหน้า

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลบินอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสำคัญมันยังสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

 

ฟางหยวนเปลี่ยนกลยุทธ์

 

ก่อนหน้านี้เขาพุ่งเข้าหาศัตรูและใช้กำปั้นยักษ์ในการโจมตี วิธีนี้เสี่ยงเกินไป อาภรณ์โลหิตไม่มีสิ่งใดโดดเด่นต่อหน้าสุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้

 

ฟางหยวนเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบโจมตีสุนัขอินทรีย์บรรพกาลจากระยะไกล

 

แต่วิธีการป้องกันของสุนัขอินทรีย์บรรพกาลโดดเด่นมาก ฟางหยวนไม่รู้ว่ามันคือวิญญาณอมตะดวงใด เขาคาดเดาว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงผู้นี้ตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งในด้านนี้เพื่อปิดจุดอ่อนของตน

 

การต่อสู้ดำเนินมาอย่างยาวนานแต่ยังไม่ปรากฏผลลัพธ์

 

อาการบาดเจ็บของสุนัขอินทรีย์บรรพกาลค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

 

‘นี่ค่อนข้างลำบาก ความเร็วของกำปั้นยักษ์ต่ำมาก มันไม่เหมือนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ แต่ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบใช้ไม่ได้กับมัน สำหรับท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งพิษ สุนัขอินทรีย์บรรพกาลก็มีความสามารถในการต่อต้านพิษที่ดีมาก’

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลำบาก

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้มีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าและยังมีสัญชาตญาณการต่อสู้ที่เหลืออยู่ของผู้อมตะ นี่เป็นศัตรูที่รับมือได้ยาก

 

เผชิญหน้ากับมัน ฟางหยวนรู้สึกว่าตนเองไม่มีสิ่งใดโดดเด่น

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลมีความเร็วสูงมาก มันสามารถแข่งขันกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงวิญญาณอมตะดวงอื่นๆในการครอบครองของมัน

 

กล่าวได้ว่าตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในการแข่งขันความอดทน

 

เมื่อสุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้ใช้พลังงานอมตะจนหมดและไม่สามารถกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะได้อีก นั่นจะเป็นชัยชนะของฟางหยวน

 

อีกกรณีหนึ่งเมื่ออาการบาดเจ็บของมันเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งและทำให้มันเปิดช่องว่าง ฟางหยวนจะฉวยโอกาสจัดการมัน

 

ฟางหยวนรู้สึกหมดสิ้นหนทางแต่ผู้ชมไม่มีความรู้สึกนี้

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจ้องมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

ในของโลกผู้อมตะ สิ่งสำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่ง

 

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งหมดตกใจ

 

กระทั่งผมที่หกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

‘เจ้าหมอนี่เขาเพิ่มพลังการต่อสู้ถึงระดับนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถเรียกอสูรปีออกมาได้อย่างไร? เขามีวิธีนี้ได้อย่างไร? เขาออกไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ!’

 

ผมที่หกรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในหัวใจ

 

ความเร็วในการเติบโตของฟางหยวนทำให้เขารู้สึกราวกับหายใจไม่ออก

 

หลังจากต่อสู้อย่างยาวนาน สุนัขอินทรีย์บรรพกาลก็เริ่มล่าถอย

 

‘หือ…เจ้าต้องการหลบหนีงั้นหรือ!?’ ฟางหยวนคิดก่อนจะไล่ล่าอย่างรวดเร็ว

 

อาการบาดเจ็บของสุนัขอินทรีย์สะสมมาถึงจุดที่ทำให้ความกล้าหาญของมันสูญสิ้น ความเร็วและพลังการต่อสู้ของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

ไม่ว่าผู้อมตะจะมีความสามารถเพียงใด แต่สัญชาตญาณของสัตว์ป่ายังทำให้มันเลือกที่จะล่าถอย

 

สำหรับสหายที่หมดสติ มันเลือกที่จะละทิ้ง

 

ฟางหยวนคาดเดาสถานการณ์นี้ไว้แล้วแต่มันยังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาคาดคิด

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพื่อไล่ล่าแต่ระยะห่างระหว่างพวกเขายังลดลงช้ามาก

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลที่กำลังหลบหนีเอาชีวิตรอดสามารถระเบิดความเร็วได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!

 

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้

 

สำเร็จ!

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลถูกพลังงานลึกลับดึงกลับมายังตำแหน่งก่อนหน้า ฟางหยวนตามทันและต่อสู้อีกครั้งอย่างดุเดือด

 

หลังจากต่อสู้สามรอบ สุนัขอินทรีย์บรรพกาลพยายามหลบหนีอีกครั้ง

 

ฟางหยวนทำได้เพียงไล่ล่า

 

ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!

 

ประสบความสำเร็จ!

 

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้งโดยมีกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเฝ้ามองจากระยะไกล

 

ในไม่ช้าสุนัขอินทรีย์บรรพกาลก็พ่ายแพ้ มันกระพือปีกอย่างบ้าคลั่งขณะที่มันพยายามล่าถอยเป็นครั้งที่สาม

 

ฟางหยวนไม่สามารถหักปีกอินทรีย์

 

ดังนั้น…

 

ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!

 

น่าเสียดายที่ครั้งนี้ล้มเหลวทำให้เขากระอักเลือดออกมา

 

ฟางหยวนเสียเวลาไปเล็กน้อยแต่มันก็เพียงพอให้สุนัขอินทรีย์บินห่างออกไป

 

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหยุด

 

เจตจำนงสวรรค์เพ่งเล็งมาที่เขาขณะที่ไท่ชิวเต็มไปด้วยอันตรายและอาจมีคลื่นสัตว์อสูรเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้