เนื่องจาก อันหวน ไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน การที่ถูกเหวี่ยงโดย หม่า เจิ้งเฟิง เธอจึงวิงเวียนมาก ทำได้แต่กรีดร้องออกมา

เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้วเขาเหยียดมือออกไปรับตัว อันหวน ที่กำลังบินพุ่งเข้ามาหาเขา เขารับตัวเธอและหมุดตัวไปรอบๆอย่างกับเต้นระบำเพื่อลดแรงกระแทก

“เทพหลัว….”

อันหวนมองชายคนนั้นอย่างใกล้ชิด เธอมองด้วยสีหน้าที่งุนงงและหัวใจของเธอตอนนี้ก็ส่งเสียงดังอย่างกับฟ้าร้อง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเพราะเธอกลัวหรือเป็นเพราะผู้ชายที่เธอชอบโอบรัดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขากันแน่

“ที่นี่ไม่ปลอดภัย รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”

เสี่ยวหลัวทิ้งคำพูดของเขาเอาไว้ให้เธออย่างเย็นชา แล้วปล่อยตัวอันหวนไป ร่างกายของเขางอเล็กน้อยราวกับเสือชีต้าเเล้วพุ่งตัวออกไปในทิศทางที่ หม่า เจิ้งเฟิง หนีไปในทันที

ร่างกายที่สั่นเทาของเธอยืนนิ่งอยู่กับที่ หลังจากผ่านไปไม่นานดวงตาของเธอก็หดตัวลงอย่างช้าๆและเธอก็กลืนลงน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก: “เดอะแฟลช?”

……

“นี่เป็นการโจมตีครั้งที่สิบแล้ว ดูสิว่าแกจะสามารถทนได้นานอีกแค่ไหน”

ในส่วนลึกของป่าทึบกำปั้นของเสี่ยวหลัวกระแทกเข้ากับกำปั้นของ หม่า เจิ้งเฟิง อย่างรุนแรง หม่า เจิ้งเฟิง ไม่สามารถทนรับพลังจากกำปั้นของเสี่ยวหลัวได้เลย เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกครั้งขณะที่ร่างของเขากระเดนถอยหลังไป

“อีกครั้ง!”

ความตั้งใจที่จะสังหารเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในสายตาของเสี่ยวหลัว การโจมตีครั้งที่สองนี้ผสมกับการโจมตีไปที่หน้าอกและหน้าท้องของ หม่า เจิ้งเฟิง ติดต่อกันอย่างแม่นยำและไร้ความปราณี

หม่า เจิ้งเฟิง ผู้ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีกำลังจะสู้กลับ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกรถไฟพุ่งชนตลอดเวลาที่ถูกโจมตี ร่างของเขากระเดนไปติดกับต้นไม้อย่างแรงและติดค้างไว้สองสามวินาทีก่อนที่จะตกลงมาอย่างช้าๆ ร่างของเขาตอนนี้แหลกเละราวกับโคลนตมเขาทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปากของเขา เขากุมหน้าอกของเขาและลุกขึ้น เขามองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขาที่ได้ทำภารกิจมาหลายร้อยภารกิจ เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ หรือศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน

แต่เดิมเขาคิดว่าค่าตอบแทนห้าล้านหยวนจะเป็นของเขาได้โดยง่าย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้คุ้มกันที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆชูเยว่ นั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเช่นนี้ ซึ่งมันทำให้เขาไม่มีแรงสำหรับต่อต้านได้เลย

เสี่ยวหลัวเดินเข้ามาอย่างช้าๆทีละก้าว มาหาเขาและมองลงมาที่เขาจากตำแหน่งที่สูงกว่า“ฉันขอถามคำถามอะไรกับแกสักหน่อย นอกจากแกแล้วมีนักฆ่าคนอื่นๆ ที่วางแผนจะทำร้ายชูเยว่อยู่อีกหรือไม่?”

หม่า เจิ้งเฟิง จ้องมาอย่างว่างเปล่าจากนั้นเขาก็ตวาดเสียงดังว่า“ไม่รู้!”

เขาคิดว่าเสี่ยวหลัวนั้นทำตัวน่าตลกมาก เขายังกล้าที่จะถามคำถามเช่นนั้นออกมาอีก เขาคิดว่าเขาสามารถหยามศักดิ์ศรีของคนที่ทำงานเป็นนักฆ่าได้ง่ายๆอย่างงั้นเหรอ!

“ฉันจะไม่ตอบคำถามแบบนี้ ถ้าฉันเป็นแก” เสี่ยวหลัวหัวเราะหึ

วินาทีต่อมาใบหน้าของเสี่ยวหลัวก็กลายเป็นเย็นชาและเขายกเท้าขวาของเขา จากนั้นเขาก็เหยียบลงไปบนฝ่ามือของ หม่า เจิ้งเฟิง อย่างรุนแรง

“แกร๊ก~ อ๊ากกก~”

เสียงของกระดูกแตกดังคมชัดและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วป่าทึบ

ด้วยความเจ็บปวดจากนิ้วทั้งสิบของเขาความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา หม่า เจิ้งเฟิง ดื้นรนอย่างเจ็บปวด แต่เสี่ยวหลัวก็คว้าคอของเขาเอาไว้แน่น พลังอันยิ่งใหญ่มันทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นสีม่วงจนเขาเกือบจะหมดสติ

“หากแกยังคงดิ้นรนต่อไป ฉันจะเหยียบนิ้วอีกห้านิ้วแล้วหักมันออก!!” เสียงที่เยือกเย็นและแข็งกร้าวของเสี่ยวหลัวดังขึ้นที่ข้างหูของ หม่า เจิ้งเฟิง มันเกือบจะทำให้เขาทรุดตัวลงไปที่พื้นด้วยความหวาดกลัว ด้วยความเจ็บปวดที่เกินขึ้นนี้มันทำให้เขาหยุดดิ้นรน

“ใช่แล้ว แกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว!”

เสี่ยวหลัวยิ้มด้วยความพึงพอใจและปล่อยมือจากคอของเขา

“แก …. แกเป็นใคร แกไม่ได้เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดของ ชู หยุนเชียง!?”

เสียงของ หม่า เจิ้งเฟิง สั่นเครือเล็กน้อย ทักษะของชายนั้นเกินขอบเขตความเข้าใจของเขาไปอย่างสมบูรณ์ เขาแข็งแกร่งราวกับเทพเจ้า แต่เขาก็เป็นเทพเจ้าที่โหดร้ายและเหี้ยมโหด เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาแม้แต่ตอนที่เขาหักนิ้ว ใครจะสามารถบอกได้ว่าเขามีหัวใจที่โหดเหี้ยมและโหดหินมากเพียงใด

“ดูเหมือนว่าแกยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของแกในตอนนี้ ตอนนี้ฉันเป็นคนที่ถามคำถามกับแก ไม่ใช่ให้แกเป็นคนถามคำถามกับฉัน!”

เสี่ยวหลัวยกเท้าออกจากหลังมือ หม่า เจิ้งเหิง นิ้วทั้งห้าของ หม่า เจิ้งเฟิง หักลงอย่างสิ้นเชิงและวางแนบกับพื้นอย่างไม่สม่ำเสมอ กระดูกนิ้วมือที่หักนั้นทะลุผิวหนังและเนื้อของเขา มือซ้ายของ หม่า เจิ้งเฟิง นั้นดูเละเป็นอย่างมาก

“ฉันจะถามอีกครั้ง มีนักฆ่าอื่นนอกเหนือจากแกหรือเปล่า”

“คือ… .. ฉัน… ..”

ตอนนี้ หม่า เจิ้งเฟิง อยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบากมาก แม้ว่าจะไม่มีใครรู้แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในฐานะนักฆ่า หากเขาต้องตอบคำถามของอีกฝ่าย แม้จะถูกจับกุม เขาก็กลัวว่าสิ่งนี้มันจะทำให้เกิดเงาในใจของเขาไปตลอด

เสี่ยวหลัวเป็นคนใจร้อนเป็นอย่างมากตอนนี้มันมีร่องรอยของความไม่พอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เท้าซ้ายของเขาเหยียบลงมือขวาของ หม่า เจิ้งเฟิง โดยไม่มีพิธีรีตองใด ๆ

“อ๊ากกกก!”

เสียงกรีดร้องคร่ำครวญและโลหิตไหลเจิ่งนองดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า หม่า เจิ้งเฟิง ราวกับปลาที่กำลังจะตาย เขาดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดที่พรรณนาออกมาไม่ได้ มันทำให้ดวงตาของเขาเหลือกขึ้นและสั่นไปทั่วทั้งตัว

“หากแกไม่ต้องการที่จะพิการอย่างสมบูรณ์ แกควรตอบคำถามของฉัน ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” เสี่ยวหลัวพูดออกมาเบาๆ

“ฉันพูดแล้ว…ฉันพูดแล้ว….” หม่า เจิ้งเฟิง ตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว

รอยยิ้มของเสี่ยวหลัวเป็นราวกับเป็นรอยยิ้มของปีศาจ ซึ่งมันสามารถทำลายป้อมปราการทางจิตใจของเขาลงได้อย่างสมบูรณ์ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เกิดจากนิ้วทั้งสิบที่แตกหักมันทำให้เขาน้ำตาไหล

เสี่ยวหลัวหลัวเอนตัวพิงต้นไม้เขายื่นมือออกมาและดึงใบสีเขียวออกมาและเล่นกับมันในมือ

หม่า เจิ้งเฟิง หน้าซีดเซียวราวกับปลาตาย ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อ เสี่ยวหลัว อีกต่อไป คนที่อยู่ข้างหน้าเขานั้นเป็นปีศาจที่สวมรอยยิ้มเขาดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก

“ฉัน…ฉันไม่รู้ว่ามีนักฆ่าคนอื่นอีกหรือเปล่า พวกนายจ้างนั้นติดต่อกับฉันมาเป็นการส่วนตัว พวกนักฆ่าจะต้องติดต่อแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง บางที… .. บางทีเมื่อข่าวความล้มเหลวของฉันไปถึงนายจ้างเขาอาจจะส่งคนอื่นมา”

“ดูเหมือนว่าแกจะพูดแต่เรื่องไร้สาระ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย!” เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้วการเคลื่อนไหวที่มือของเสี่ยวหลัว มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

หม่า เจิ้งเฟิง หวาดกลัวมากจนตัวสั่น เขากลัวว่าเสี่ยวหลัวจะทำอะไรบางอย่างกับเขาอีกครั้ง สมองของเขาคิดอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือไม่ เพื่อให้บุคคลนี้มีความเมตตาต่อเขา ภายใต้ผลของความกลัว เขาคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ

“ฉัน…ฉันจำได้แล้ว เมื่อตอนที่ฉันออกมาจากสำนักงานของนายจ้าง ดูเหมือนว่าฉันจะได้ยินเขาติดต่อกับ บริษัท แบล็กวอเตอร์”

“บริษัท แบล็กวอเตอร์?”

เสี่ยวหลัวขมวดคิ้วอย่างหนัก“พวกมันคืออะไร”

“พวกเขาคือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในการฝึกอบรมและประสานงานสำหรับทหารรับจ้างเพื่อปฏิบัติภารกิจ ‘สระน้ำสีดำสามารถกลืนสวรรค์และโลก’ นี่คือสโลแกนของ บริษัท ของพวกเขา” หม่า เจิ้งเฟิง พูดตามความจริง

“‘สระน้ำสีดำสามารถกลืนสวรรค์และโลก” ช่างเป็นสโลแกนที่วิเศษอะไรขนาดนี้” เสี่ยวหลัว พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม (A pool of black water can swallow Heaven and Earth)

ใบหน้าของ หม่า เจิ้งเฟิง ปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น แบล็กวอเตอร์ เป็น บริษัท รับจ้างใหญ่ที่สุดในโลก ผู้คนทั้งหมดจาก บริษัท นั้นเป็นพวกคนที่คลั่งไคล้ และเป็นพวกสัตว์ประหลาดขนานแท้ อย่าประเมินค่า แบล็กวอเตอร์ ต่ำไปและดูถูกดูแคลนมัน

ในตอนนั้น โกหยาง ก็มาถึงและตะโกนไปที่เสี่ยวหลัว“คุณเสี่ยว!”

เสี่ยวหลัวที่กำลังครุ่นคิดมีสติกลับมา เขาลุกขึ้นจากต้นไม้และเขาก็พูดว่า“คุณมาในเวลานี้ก็ดีแล้ว ฉันจะทิ้งเขาไว้ให้คุณจัดการก็แล้วกัน”

สำหรับ หม่า เจิ้งเฟิง ประโยคนี้ฟังดูเหมือนคำที่ดีที่สุดและน่าพอใจที่สุดในโลก หากเขายังคงอยู่กับเสี่ยวหลัวต่อไปเขาจะไม่รู้ว่าเขาจะถูกกระทำแบบใด เขากลัวเสี่ยวหลัวจริงๆความกลัวที่เขารู้สึกนั้นมันมาจากส่วนลึกที่อยู่ภายในจิตใจของเขา

“ได้ครับ”

โกหยาง พยักหน้ารับทราบ เมื่อเขาหันหน้าไปดูสภาพของ หม่า เจิ้งเฟิง เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ต้องตกตะลึง

ใบหน้าของ หม่า เจิ้งเฟิง นั้นถูกปกคลุมไปด้วยเลือดนิ้วทั้งสิบของเขาหักและมีรอยแดงที่ลำคอ ซี่โครงคู่หนึ่งของเขาดูเหมือนจะหักและหน้าอกของเขาก็ยุบลงเล็กน้อย…. แม้ว่าเขาจะเป็นผู้คุ้มกันที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพ แต่ หม่า เจิ้งเฟิง ที่ดูน่าสังเวชนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขนของเขาลุกชันไปทั่วทั้งร่าง

เมื่อมองไปที่เสี่ยวหลัวในขณะที่กำลังเดินจากไปเขาพึมพำอยู่ในใจของเขา“โหดร้ายมาก!”

เสี่ยวหลัวก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกัน เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนโหดเหี้ยมและโหดร้ายเช่นนี้ ในอดีตเมื่อเขาตอนที่เขาเห็นเลือดของใครบางคนไหลออกมา เขาก็เกือบจะเป็นลมแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกไม่สบายใจหลังจากที่ทุบตีใครบางคนราวกับพวกมันเป็นเพียงเศษกระดาษ เขากลับกล้าเหยียบนิ้วทั้งสิบของอีกฝ่ายจนพวกมันพังเละแทะ แต่ในทางตรงกันข้ามเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษแทน

มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?