ตอนที่ 420 หวังเจียเหยามีโอกาสแล้ว

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 420 หวังเจียเหยามีโอกาสแล้ว?

ตอนบ่ายวันนั้นเย่เฉินก็พาซือซือไปเที่ยวดิสนี่ย์แลนด์ทันทีหลังจากที่ออกมาจากศูนย์ตรวจ DNA ที่เทียนไห่

พวกเขาเล่นรถไฟชมเหมืองของคนแคระทั้งเจ็ด นั่งเรือลำน้อยท่องโลกในเทพนิยายของปีเตอร์แพน

แล้วนั่งในโถน้ำผึ้งที่หมุนติ้วๆ ในโซนหมีพูห์

แล้วยังถ่ายรูปให้ซือซือจำนวนมากในปราสาทของอลิซ

สุดท้ายในตอนกลางคืนซือซือขี่คอเขาดูโชว์พลุที่อลังการบริเวณปราสาท

ซือซือบอกว่านี่เป็นการท่องเที่ยวที่เด็กหญิงมีความสุขที่สุดครั้งหนึ่ง เสียดายที่มารดาไม่ได้มาด้วย

ช่วงบ่ายวันต่อมาเย่เฉินก็พาซือซือกลับมาที่เมืองหลวงเดิมอยากพาเด็กหญิงเที่ยวที่เทียนไห่อีกสองวัน แต่ซูมู่ชิงไม่ยอม

เพราะหญิงสาวเกิดริษยาที่สองคนพ่อลูกเที่ยวกันเสียสนุกสนาน

เมื่อส่งตัวซือซือคืนให้ซูมู่ชิงแล้ว เย่เฉินก็ไม่ได้นอนในบ้านของหญิงสาว แต่ไปเปิดห้องที่โรงแรมฮิลตัน

ก่อนที่ผลตรวจ DNA จะออก ก่อนที่จะแน่ใจว่าซูมู่ชิงกับกัวเยว่หมิงเป็นอะไรกัน เย่เฉินไม่อยากจะนอนกับหญิงสาว

คืนนี้เย่เฉินกำลังนอนดูทีวีในห้อง แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ซีกวาเดินเข้ามาแล้วยังพาหวังเจียเหยามาด้วย

ซีกวากล่าวเสียงต่ำ “คุณชายเย่ คุณหวังเจียเหยามาพบครับ”

ทันทีที่เขาได้ยินว่าหวังเจียเหยามาก็เบนสายตามามอง

หวังเจียเหยาแต่งตัวเสียสะสวย ยังคงเป็นเหมือนเดิมที่เขาคุ้นเคย

แต่เย่เฉินกลับมีท่าทีไม่พอใจ “ใครให้นายพาหล่อนเข้ามา”

ซีกวามีท่าทีลำบากใจ เขาย่อมรู้ว่าเย่เฉินไม่อยากเจอหวังเจียเหยา แต่หวังเจียเหยาอ้างเรื่องลูกชายของหล่อน

บอกว่าลูกชายของเย่เฉินในอนาคตจะต้องได้สืบทอดธุรกิจของตระกูลเย่ ซีกวาที่เป็นแค่ลูกน้องจะไม่เห็นหัวว่าที่นายน้อยคนใหม่ได้อย่างไร

เย่เฉินเองก็พอจะเดาออกว่าคนอย่างหวังเจียเหยามักจะมีวิธีการล้านแปด!

“ช่างเถอะ ออกไปได้แล้ว”

เย่เฉินเองก็ไม่ได้โทษซีกวา

หลังจากซีกวาเดินออกไป หวังเจียเหยาก็เป็นฝ่ายเดินไปหาเย่เฉิน แล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เขา

เย่เฉินกล่าวถาม “คุณมาเยาะเย้ยผมเหรอ?”

หวังเจียเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เย่เฉิน ทำไมนายมองฉันแบบนี้ล่ะ? หลังจากที่ฉันรู้ว่านายมีเรื่องก็เป็นห่วงนาย ครั้งนี้ฉันมาปลอบนายน่ะ”

เย่เฉินอดแค่นเสียยงไม่ได้ “ขอบคุณนะ แต่ผมไม่อยากได้คำปลอบโยนของคุณ”

หวังเจียเหยาถอนหายใจแล้วกล่าว “ที่จริงฉันออกตั้งนานแล้วว่าซูมู่ชิงไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร หล่อนจงใจเสแสร้งวางท่าเหมือนตนเองสูงส่งเสียเต็มประดา ทำเป็นใจกว้าง ใสซื่อ ที่จริงแล้วหล่อนทำไปเพื่อหลอกลวงนาย! ผู้หญิงน่ะเข้าใจผู้หญิงที่สุดแล้ว ได้ยินมาว่านายพาซือซือไปศูนย์ DNA เหรอ? เฮ้อ เด็กนั่นไม่ใช่ลูกนายแน่ ดูแค่เดี๋ยวเดียวฉันก็เห็นแล้วว่าดวงตาของแม่หนูนั่นไม่เหมือนนาย ซูมู่ชิงนี่ทำเกินไปจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะหลอกลวงนาย ทรยศนายแบบนี้!”

แค่หวังเจียเหยาเดินเข้ามาก็เริ่มตำหนิซูมู่ชิง

ทว่าเย่เฉินกลับเถียงหล่อนกลับ “คุณมีสิทธิ์อะไรว่าหล่อนแบบนี้? ต่อให้หล่อนเป็นแบบที่คุณพูด แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ว่าหล่อนแบบนี้! แต่คุณทรยศผม หลอกลวงผมก่อนหล่อนเสียอีก หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร แล้วคุณเป็นคนดีหรือไง?”

คำพูดแบบนี้เหน็บแนมหวังเจียเหยาเต็มๆ

หวังเจียเหยากล่าว“ทำไมนายถึงได้เอาแต่พูดเรื่องเก่าๆ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ ไม่ได้หรือไง?”

เย่เฉินแค่นเสียงแล้วกลอกตาใส่หญิงสาว

หวังเจียเหยาถามต่อ “เย่เฉินนายจะหย่ากับซูมู่ชิงหรือเปล่า?”

“ก็อาจจะ” เย่เฉินตอบ

ทันใดนั้นเองใบหน้าหวังเจียเหยาก็เต็มไปด้วยความยินดี ถ้าหากว่าทั้งสองคนนั้นหย่ากันล่ะก็ ตอนนี้ฉินหงเหยียนก็อยู่ไหนไม่รู้ งั้นไม่เท่ากับว่าหล่อนมีโอกาสอีกครั้งหรือไง?

หวังเจียเหยารู้ว่าตอนนี้คนที่อยู่ในใจเย่เฉินก็คือพวกหล่อนสามคน

หวังเจินอวี่น้องสาวหวังเจียเหยาทั้งหน้าตาสะสวย เรือนร่างดี อีกทั้งยังเด็กกว่าพวกหล่อนทั้งสามคน หนำซ้ำยังเข้าหาเย่เฉิน

แต่ว่าเขากลับไม่ชื่นชอบอีกฝ่าย

ในเมื่อหวังเจียเหยาเคยเป็นผู้หญิงที่เขารักนักหนา งั้นแล้วหล่อนก็จะต้องมีโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาอีกครั้ง

จู่ๆ หวังเจียเหยาก็โพล่งออกมา “ตอนที่หย่ากัน นายอย่าลืมเอาสร้อยที่แพงที่สุดในโลกกับต่างหูคนละสีเอาคืนมาจากหล่อนด้วยล่ะ ของแพงขนาดนั้นจะทิ้งไว้ให้หล่อนไม่ได้นะ!”

เย่เฉินพอจะเข้าใจเจตนาของหวังเจียเหยาก็กล่าว “เอาสร้อยคอกับต่างหูกลับมานี่ เพราะจะให้ผมยกให้คุณหรือเปล่า?”

หวังเจียเหยามีท่าทีตื่นเต้น “ใช่แล้วล่ะ! ฉันชอบสร้อยกับต่างหูนั่นสุดๆ เลย สวยตาแตก! ถ้าฉันสวมต่างหูกับสร้อยคอเส้นนั้นจะต้องสวยกว่าซูมู่ชิงแน่นอน! ขอบคุณนะคะ เย่เฉิน! นายดีกับฉันที่สุดเลย”

หวังเจียเหยาพูดพลางเป็นฝ่ายคล้องแขนข้างหนึ่งของเย่เฉิน แล้วเอนหัวไปหาชายหนุ่ม

เย่เฉินพูดไม่ออก เขายื่นมือขวาออกไปจับเรือนผมหล่อนเบาๆ แล้วผลักหล่อนออก

“หวังเจียเหยา คุณความจำเสื่อมหรือเปล่า? ต่อให้ผมทวงกลับมาก็ไม่มีทางเอาให้คุณ! ตอนนี้คุณนอนอยู่กับซูมู่หลินแล้วยังจะอยากได้ของขวัญของผมเนี่ยนะ?”

หวังเจียเหยากล่าว “นายก็พูดเองไม่ใช่หรือไงว่าซูมู่หลินไม่มีทางแต่งงานกับฉันหรอก ฉันอาจจะแยกทางกับเขาได้ตลอดเวลา!”

เย่เฉินอยากจะสบถคำหยาบออกมาใจจะขาด

ได้ทุกเมื่อเหรอ?

ผมเป็นผู้ชายที่คุณจะสามารถรักหรือว่ามาหาได้ทุกเมื่อเหรอ?!

อ้อ ถ้าผมให้เครื่องประดับที่ราคาแพงที่สุดในโลกให้คุณ คุณก็จะไปจากเขา

ถ้าผมไม่ให้คุณก็จะคบหากับเขาต่อสินะ

นี่เท่ากับว่าเห็นเขาเป็นตัวสำรองไม่ใช่เหรอ!

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ย้อนนึกถึงเมื่อปีก่อน ในงานคอนเสิร์ตที่หลังจากหวังเจียเหยาตอบตกลงแต่งงานกับฟางเชาแล้ววิ่งตามเขาออกมา

เพื่อจะบอกเขาว่าอย่าเลิกชอบหล่อน เรายังมีโอกาสอยู่ด้วยกันก็ได้

ตอนนั้นหวังเจียเหยาเองก็เห็นเขาเป็นตัวสำรอง!

เย่เฉินหัวเสีย “คุณตื่นเถอะนะ! ผมยอมยกสร้อยกับต่างหูให้หวังเจินอวี่ ก็ไม่ให้คุณหรอก!”

“อะไรนะ? นายจะเอาสร้อยกับต่างหูให้นังเด็กบ้าหยวนหยวนเหรอ?”

หวังเจียเหยาหัวเสียทันที “ดีนี่เย่เฉิน ฉันมีเจตนาดีอยากมาปลอบนาย คิดไม่ถึงว่านายจะไม่เห็นน้ำใจของฉัน ยังจะใช้น้องสาวฉันมาดูถูกฉัน สรุปเลยก็คือหลังจากที่นายหย่ากับซูมู่ชิง ไม่ว่าจะสร้อยหรือต่างหูนายก็ต้องยกมันให้ฉัน จะให้ฉันแค่ข้างเดียวก็ได้ สรุปคือไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องได้สักข้างล่ะ!”

เย่เฉินย้อนถาม“คุณมีสิทธิ์อะไร?”

หวังเจียเหยากล่าว“เพราะฉันมีลูกชายให้นาย! ฉันก็มีสิทธิ์!”

พูดจบหวังเจียเหยาก็เดินไปอย่างหัวเสีย

มองแผ่นหลังของหวังเจียเหยา เย่เฉินอดส่ายหน้าไม่ได้

“หวังเจียเหยาคนนี้… ถ้าไม่ตัวเปรียบเทียบก็จะไม่มีการเจ็บปวด ต่อให้ซูมู่ชิงหลอกลวงฉัน แต่แค่ท่าทางที่หล่อนมีต่อฉันก็ดีกว่าหวังเจียเหยาร้อยเท่า! ฉันไม่มีทางยกเครื่องประดับที่สวยที่สุดในโลกให้ผู้หญิงคนนี้ที่หลงใหลได้ปลื้มกับชื่อเสียงเงินทองแน่!”

……

แล้วเวลาก็ผ่านไปสองวัน

ศาสตราจารย์ก่วนรับปากว่าจะให้ผลตรวจกับเขาภายในสามวัน

และเป็นไปอย่างที่คิดในวันที่สาม ศาสตราจารย์ก่วนก็โทรมา!