เมื่อมองไปที่สภาพของตวนฮงเหว่ย ตวนเจียงเหว่ยก็ประหลาดใจพอสมควร ทว่าไม่ได้มีสีหน้าท่าทางอะไรแสดงออกมาให้ใครเห็น เขายืนเงียบๆอยู่ประมาณ 2 นาที ส่งผลให้ทั้งห้องเงียบสนิท บรรยากาศหนาวเย็นราวกับความตาย

 

และทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็มองไปที่หลูชูซเว “เธอวิเคราะห์สิว่าทำไมอีกคนโดนฆ่า อีกคนไม่โดนแต่กลับโดนทรมานอย่างหนัก มันเร็วและง่ายกว่าการฆ่าเหรอ?”

 

หัวใจของทุกคนในห้องโถงแทบจะพุ่งออกมาจากอก ตวนเจียงเหว่ยโกรธจัดจริงๆ! และมันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการฆ่า นี่มันคือการดูถูกที่รุนแรงมาก!

 

หลูชูซเวคิดอยู่พักหนึ่ง “จากการสังเกตของฉัน หวังไคไม่ใช่ชื่อจริงของผู้ชายคนนั้น และคนคนนี้เก่งกาจมากเรื่องการหลบซ่อน เขาไม่น่ามีสาเหตุอะไรให้ฆ่าตวนฮงเหว่ย ฉันเกรงว่านี่จะเป็นเรื่องจงใจ”

 

คำพูดของหลูชูซเวทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างพุ่งสายตาประหลาดใจไปที่เธอกันหมด นี่เธอสังเกตหวังไคอย่างละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ? และเธอยังตบตาตวนฮงเหว่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบอีก?

 

ตวนเจียงเหว่ยกระพริบตาจากนั้นก็ยิ้มกว้าง “น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ชื่อจริงของเขาหรือหน้าตาเขาเป็นอย่างไร ต้องขอบคุณความเมตตาของเขา”

 

เมื่อตวนเจียงเหว่ยพูดออกมา ไก๋หนานยิ่งรู้สึกกลัว ตวนเจียงเหว่ยพูดว่า ‘ขอบคุณเขาสำหรับความเมตตาของเขา?’

 

ทุกคนในห้องโถงทั้งตะลึงและประหลาดใจ ตวนฮงเหว่ยถูกทรมานจนมีสภาพแบบนี้ ทำไมอารมณ์ของพลโทถึงได้ดีขนาดนี้และยังพูดขอบคุณอีก?

 

ทว่าไม่ต้องรอให้ทุกคนได้มีความคิดอะไรอีก—–

 

ปัก!

จู่ๆมันก็มีของมีคมบางอย่างพุ่งออกมาจากบริเวณเอวของตวนเจียงเว่ยและแสงเย็นที่เป็นประกายวาบปรากฏอยู่ชั่วหนึ่ง

 

ปึก!

มีดปักเข้าที่ตวนฮงเหว่ยอย่างจัง!

 

ทั้งห้องโถงเงียบสงัด สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวง ภาพฉากที่ไม่คาดฝันตรงหน้าทำให้หัวใจพวกเขาเต้นระรัว มีเพียงหลูชูซเวเท่านั้นที่ยิ้มออกมาและลบมันออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นและเริ่มลงมือวาดอะไรบางอย่าง

 

ไม่มีใครกล้าจะปริปากพูดหรือส่งเสียงใดๆออกมา ไก๋หนานเบนหน้าจากภาพที่น่าตะลึงไปที่หลูชูซเวที่กำลังขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดาษท่ามกลางห้องโถงที่เงียบสนิท

 

และในตอนนั้นเองมันก็มีเสียงกรีดของมีดดังอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นในใจของคนที่ได้ยิน เลือดของตวนฮงเหว่ยไหลย้อยมาตามข้อมือของตวนเจียงเหว่ยจนมันไม่มีเลือดให้ไหลอีก

 

ปึก!

ตวนเจียงเหว่ยปักมีดของเขาเก็บเข้าไปในปอกมีดที่เอวดังเดิม สายตาของตวนเจียงเหว่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา “ต้องขอบคุณที่เหลือร่างหมาๆของตวนฮงเหว่ยไว้ให้ฉันจัดการ!”

 

เฮือก!

 

ผู้คนต่างช็อคกับคำพูดที่โหดร้ายและเย็นชาของตวนเจียงเหว่ย ทุกคนต่างคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตวนฮงเหว่ยถูกทรมานแบบนี้แต่ตวนเจียงเหว่ยกลับไม่โกรธแถมยังเป็นคนปลิดชีพตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองอีก แถมก็ขอบคุณคนร้ายคนนั้นที่ช่วยทรมานตวนฮงเหว่ยให้?

 

หลังจากดึงมีดกลับคืนมา ตวนเจียงเหว่ยยืนนิ่งและมองไปที่ท้องฟ้าสีเทาด้านนอกพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตวนฮงเหว่ยตอนนั้นไม่ได้มีความชั่วร้ายครอบงำให้บังคับฆ่าพ่อแม่ฉันด้วยซ้ำ ศีลธรรมของมันยังสู้ซอมบี้ไม่ได้เลย เอาศพมันไปแขวนไว้ที่ทางเข้า”

 

“ครับ!” มีคนสองคนเดินเข้ามารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว

 

คำพูดเพียงไม่กี่คำ หากทำให้ผู้คนในห้องโถงเต็มไปด้วยความสยอง ไม่มีใครนึกว่าลูกพี่ลูกน้องของตวนเจียงเหว่ยจะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาเอง!

 

สำหรับทฤษฎีสมคบคิด…การที่ตวนฮงเหว่ยส่งคนเชื่อใจอย่างหลูชูซเวไปตามหาพี่ชายของเขาไม่ใช่เพราะเขาต้องการให้พี่ชายของเขากลับมาอยู่ที่ค่ายตวนด้วยกันอย่างมีความสุข แต่เป็นเพราะตวนเจียงเหว่ยรู้ความจริงตั้งนานแล้ว เมื่อวันที่พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรรม เขาไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่เขาอยู่ตรงระหว่างประตูและชั้นเก็บของ เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง!

 

ตวนเจียงเหว่ยอยากจะออกไปจัดการกับตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองอย่างสิ้นหวัง ทว่าเป็นเพราะตวนฮงเหว่ยมีปืนอยู่ในมือ และในตอนนั้นเขาก็อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น เขาไม่สามารถทำอะไรได้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ตอนนั้นคือแจ้งตำรวจ

 

เหตุการณ์นี้เป็นหนามตำใจของตวนเจียงเหว่ยมาตลอด การแก้แค้นให้พ่อแม่ของเขาคือจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตรอดของเขา และในขณะเดียวกันเขาก็เชื่อว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะฝากความหวังของเขาไว้ที่คนอื่น ชีวิตของตวนฮงเหว่ยจะถูกฆ่าทิ้งได้โดยเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!

 

เขาไม่ได้อ่อนกำลัง เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายที่คนอื่นๆไม่สามารถเรียนรู้ได้แม้จะใช้เวลาถึง 20 ปี ไม่ว่าจะเรื่องการใช้มีดหรือความรู้เรื่องอื่นๆ เรื่องสีขาวและสีดำต่างๆ แม้แต่ในตอนยุคศิวิไลซ์ มือของเขาก็เปื้อนเลือดของชีวิตคนไปมากมายแล้ว

 

หลูชูซเวเป็นหนึ่งในคนที่เขาเชื่อใจที่ติดตามเขามาตลอด และความสามารถของเธอก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน

 

และในตอนนั้นเองที่จู่ๆโลกาวินาศก็ปะทุ ตวนเจียงเหว่ยไม่ได้คิดว่ามันคือวันสิ้นโลก กลับกันเขาคิดว่ามันคือโอกาส โอกาสอันยิ่งใหญ่ในการระบายความเกลียดชังของเขาและแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา

 

และมันก็เป็นเพราะโลกาวินาศ ทำให้เขาได้ไปสถานที่ที่ซึ่งเขาคงไม่มีวันได้ไปถ้าเป็นในยุคศิวิไลซ์ มันมีข้อมูลมากมายที่นั่นและกระดาษหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของตวนฮงเหว่ย

 

ตวนฮงเหว่ยไม่มีทางอยู่รอดด้วยตัวคนเดียวตลอด  5 ปีได้โดยไม่ถูกคนพบถ้าไม่ใช่เพราะมีคนคอยช่วย!

 

แต่นั่นมันไม่สำคัญ โลกาวินาศได้มาถึง ทุกอย่างในยุคศิวิไลซ์ถูกลบทิ้งไปหมด หลูชูซเวถูกเขาส่งไปเพื่อล่อตวนฮงเหว่ยให้มาที่ค่ายตวนและจากนั้นเขาก็จะจัดการกับมันด้วยตัวเอง!

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้พลิกผันโดยวิวัฒนาการระยะ 3 ที่ชื่อว่า หวังไค

 

หลูชูซเวและตวนฮงเหว่ยเกือบจะถูกลูกผสมฆ่า แม้ว่าตวนเจียงเหว่ยจะอยากทรมานตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองทว่าหวังไคก็ยังไว้ชีวิตของตวนฮงเหว่ยไว้ให้เขาได้จัดการขั้นสุดท้ายเอง เพราะฉะนั้นตวนเจียงเหว่ยจึงถือว่าตอนนั้นเขาเป็นหนี้บุญคุณหวังไคแล้ว

 

และถ้าไม่ใช่เพราะหวังไค เขาก็คิดว่าคนที่เขาเชื่อใจอย่างหลูชูซเวก็คงจะตายไปแล้ว

 

“ไม่มีปัญหา” จู่ๆเสียงของหลูชูซเวก็ดังแทรกห้องโถงที่เงียบสนิทขึ้นมาและทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เธอยื่นกระดาษสีขาวใบหนึ่งบนโต๊ะไปให้ตวนเจียงเหว่ย “นี่คือภาพของคนคนนั้น”

 

บนกระดาษสีขาวมีภาพเสมือนที่ถูกวาดอย่างสวยงาม มันคือภาพของ…ชูฮัน!

 

ไก๋หนานแทบจะเป็นบ้า สถานการณ์ได้พัฒนาไปอย่างเหนือความคาดหมายของเขา นอกจากตวนเจียงเหว่ยจะไม่เพียงไล่ตามพี่หวังไคแล้วแต่ยังรู้สึกขอบคุณที่พี่หวังไคอีกจับลูกพี่ลูกน้องมาให้?

 

หลังจากที่ตวนเจียงเหว่ยรับภาพวาดมา เขาก็นิ่วหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ยังหนุ่มอยู่เลย?”

 

“ใช่” หลูชูซเวตอบรับ “อายุไม่เกิน 20 อย่างแน่นอน”

 

“เขาเป็นคนซื่อสัตย์?” ตวนเจียงเหว่ยถามอีกครั้ง สายตาดูลึกลับ

 

“ถูกต้อง” หลูชูซเวพยักหน้า “อย่างน้อยเราก็เห็นแบบนั้น ใช่มั้ยไก๋หนาน?”

 

ไก๋หนานที่ถูกถามทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ในตอนนั้น จู่ๆมันก็มีร่าง 2 ร่างปรากฏขึ้นที่ทางเข้า ผู้ชายสองคนแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารเต็มยศ พวกเขามีท่าทางหยิ่งยโสและเดินตรงเข้ามาในห้องโถง!