คำว่านักบุญ เป็นชื่อเรียกที่ถูกตั้งขึ้นและเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปหมายถึงคนสามกลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มไทฉี, กลุ่มซวนซงและกลุ่มภูเขาซูหยู พวกเขามีประวัติในดินแดงแห่งนี้มาอย่างยาวนาน พวกเขาทั้งสามไม่มีกองกำลังอื่นที่เข้าคู่หรือเป็นมิตรกัน
ทั้งสามกลุ่มอาศัยอยู่อย่างสันโดษ การประชุมเกี่ยวกับอาณาจักรฝึกฝนที่จัดขึ้นทุกๆ สามสิบปีจะเป็นงานเดียวที่จะแสดงให้เห็นถึงตัวตนของพวกเขา จุดแข็งของพวกเขานั้นต่างออกไปจากกลุ่มอื่นๆ
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาได้รับฉายา ‘นักบุญ’
เฟงฉีเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของกลุ่มไทฉี แม้ว่าเขาจะอยู่ในรุ่นเดียวกับหัวหน้ากลุ่ม แต่เขาก็เป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่ก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะเดินทางไปทั่วโลกด้วยเกียรติยศ นอกจากนี้เขายังมีขุมทรัพย์อันล้ำค่าของตน ในฐานะลูกศิษย์ของกลุ่มไทฉีเขามั่นใจในตัวเองมาก!
“มีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ!?” เฟงฉีเอ่ยถาม เขาโบกมือไล่ความคิดแล้วเปิดประตู!
เฮาชงตัวแข็งเมื่อเห็นเฟงฉี .. ต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความนิ่ง
เขาปลายตามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ .. เขาจำได้ว่าเห็นพวกเขาบางคนเช่น ซัวเต๋าอาจารย์จากวังหลิวหยุนและเยซงเต๋าหัวหน้ากลุ่มโอเซียนครั้งสุดท้ายในการประชุมครั้งก่อน
“ท่าน! ข้าต้องการเข้าร่วมการแข่งขันเกม CS” เยซงเต๋าเดินเข้ามาลงทะเบียนพร้อมลูกสาวของเขาเยเสี่ยวเย้
ทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการลงทะเบียน ยกเว้นเฮาชงและเฟงฉี นี่เป็นครั้งแรกที่นักบุญอย่างพวกเขาถูกเพิกเฉย ..
“เฟง!” เฮาชงเอ่ยเรียกเมื่อเห็นผู้คนยืนล้อมเคาน์เตอร์โดยไม่สนใจพวกเขา “คนพวกนี้ไม่สนใจเจ้า!” เขาพูดอย่างขุ่นเคือง
“มันไม่สำคัญหรอก!” เฟงฉีมอง “เดี๋ยวพวกเขาก็เปลี่ยนใจ”
สายลมพัดเข้าปะทะผ่านประตูร้านที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อสีขาวขอบสีทองเดินเขามา ร่างกายของเขาเปล่งประกายออร่ารอบตัว มันเป็นออร่าที่เปล่งประกายจนไม่อาจบรรยายได้ ดูเหมือนว่าแสงออร่าที่อยู่รอบตัวเขาทำให้เกิดภาพลองตาแก่ผู้มอง
“เอ่อ!?” ฟางฉีที่กำลังยืนอธิบายกฏการแข่งขันยืนงงเมื่อเห็นทุกคนหันเหความสนใจไปทางเขา
ฟางฉีมองไปที่ประตูเห็นชายหนุ่มรูปงามมีคิ้วโก้งแหลมดวงตาอันสดใสยืนอยู่หน้าประตู แสงแดดที่ส่องมาจากด้านหลังของเขายิ่งทำให้เขาดูมีออร่ารอบตัวมากขึ้นทำให้ดูเหมือนว่าเขามีชีวิตอมตะและเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์!
ใครก็ตามที่ได้เห็นจะต้องรู้สึกตะลึง!
“เขามีพลังมาก!” เจียงเสี่ยวหยูที่นั่งอยู่ข้างฟางฉีร้องขึ้นขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายคนนั้นโดยไม่กระพริบ ก่อนที่จะได้พูดจบเธอโดนมือใครบางคนปิดตา
“นี่เป็นวิธีการเพาะปลูกของกลุ่มไทฉีที่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มนักบวชผู้ยิ่งใหญ่” ซัวเต๋ากระซิบ “มันสามารถดูดซับพลังงานความคิดของผู้คน มันมีพลังมาก”
ในฐานะที่เป็นทั้งหัวหน้าและอาจารย์ของวังหลิวหยุน เขาไม่ได้สนใจอะไรเท่าไรนัก แต่การแสดงของเขาดูเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว “ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่คนจากกลุ่มนักบวชหนึ่งในผู้เฝ้าสามประตูเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง ..”
“สามประตูคือไร?” ฟางฉีชี้ไปที่ชายหนุ่มออร่าแสบตา “ท่านหมายถึงท่านคนนี้ที่แย่งความสนใจทั้งหมดไปหรือ?”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของฟางฉี .. ทั้งร้านค้าเงียบกริบ เมื่อพูดจบเขาหยิบกล่องบุหรีี่ออกมาจากกระเป๋าและจุดมันขึ้นสูบ(บุหรี่จากระบบ)
เขาสูดมันเบาๆ และพ่นควันออกมา ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากใบยาสูบ พวกเขาหลายคนที่จ้องมองชายหนุ่มชุดทองด้วยความงุนงงเริ่มได้สติอีกครั้ง
ด้านฟางฉีเองเขากำลังเพลิดเพลินกับควันของมัน “ทุกอย่างปกติ!” ฟางฉีีโบกมือ “มาพูดถึงกฏการแข่งขันกันเถอะ”
ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่สองคนยืนงง
“เฟง!” เฮาชงเรียก “พวกเขายังคงเพิกเฉยต่อเรา ข้าว่า ..”
“ไม่!” ในฐานะลูกศิษย์ของกลุ่มไทฉีเฟงฉีรู้สึกละอายใจหากเขาขอความช่วยเหลือจากเฮาชง
ดวงตาที่หรี่ลงเบิกขึ้นช้าๆ แสงอันแรงกล้าพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา!
ผู้คนไม่สามารถมองไปที่ดวงตาอันสดใสของเขาได้ต่อให้พวกเขาจะมีความต้องการมากเพียงใด ก็จำต้องยอมจำนนแก่หมอกควันที่หนาขึ้น!
“ข้าจะอธิบายเกี่ยวกับกฏสำหรับการแข็งขัน” ฟางฉีกล่าวต่อ
เฮาชงและเฟงฉีไอพร้อมกัน
เฟงฉีหลุดไอ เขารู้สึกว่าหน้าของเขากำลังกระตุก เจ้าของร้านนี้ไม่ธรรมดาดูเหมือนเขาจะกล้าท้าทายต่อนักบวชอย่างเรา
“เฟง!” เฮาชงเรียกอีก “ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะมีการแข่งขัน ข้าตรวจดูและพบว่ามีการจัดอันดับเกือบจะคล้ายกับการประชุมอาณาจักรนักรบของเรา มันเป็นความท้าทายสำหรับเจ้าและกลุ่มของเจ้า!”
“ข้ากำลังสงสัยว่าร้านเล็กๆ แบบนี้สามารถควบคุมผู้ฝึกฝนผู้ปลูกฝังและนักรบหลายคนของพันธมิตรวู่เว้ยได้อย่างไร” เฟงฉีกล่าว “ดูเหมือนว่ามันจะมีวิธีการ ด้วยการให้สัญญาว่าจะมอบรางวัลแก่พวกเขา ราวกับชักชวนให้พวกเขาเลิกสนใจในการเข้าร่วมการประชุมขชองอาณาจักร หึ! ฉลาดมาก!”
เขาเดินไปข้างหน้าฝ่าฝูงชนเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ “นี่เป็นร้านที่รั้งผู้ปลูกฝังของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยหรือก่อปัญหาต่อการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนหรือเปล่า?”
“การประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝน!?” ฟางฉีมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน “มันคืออะไร?”
“อย่าทำเป็นไขสือหน่อยเลย” เฮาชงพูดขึ้น เขาร่วมจัดการกับร้านนี้ตั้งแต่การคว่ำบาตรครั้งก่อน แต่ก็ล้มเหลวไป “ร้านค้าของเจ้าคัดลอกรูปแบบของการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนของเราและได้มีการจัดการแข่งขันเหมือนกันอีก เจ้ายังจะอ้างว่าไม่รู้อะไรอีกหรอ? ในความคิดข้า เจ้าควรคิดไตร่ตรองบ้างนะ” เฮาชงร่ายยาว
เขาปลายตามองไปที่กระดานดำเล็กด้วยความเกลียดชัง “รางวัลเหล่านี้คืออะไร!? มันจะไปเทียบกับรางวัลที่มอบให้โดยเหล่านักบวชได้เยี่ยงไรกัน”
ฟางฉีรู้สึกพูดไม่ออก เขามองไปที่เหล่าผู้ฝึกฝนบางคน เขาตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจ “คืออะไร? ท่านทั้งสองต้องการก่อปัญหาหรือ!?”
เฟงฉีทำหน้าเย็นชาเพราะไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้มาก่อน .. เนื่องจากกลุ่มไทฉีมันคุ้มหัวเขาอยู่จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาเพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มนักบวช
“เจ้าเป็นเจ้าของร้านนี้หรือ?” เขากล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้กล้าทำเช่นนี้ แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้ายกเลิกการแข่งขันนี้ ข้าไม่อยากจะทำให้เป็นเรื่องยาก” เฟงฉีคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากออะไรหากจัดการกับมดตัวเล็กๆ แค่ตัวเดียวที่กำลังสร้างปัญหาให้พวกเขา
พวกเขาจะพึงพอใจอย่างมากหากการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนยังคงดำเนินการต่อไปอย่างสำเร็จ