ฟางฉีมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมองชายหนุ่มตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันเจียงเสี่ยวหยูที่นั่งถัดจากฟางฉีเอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงต้องการให้เรายกเลิกการแข่งขัน!?”
ฟางฉีีหันไปถามซัวเต๋าผู้ยืนอยู่ข้างๆ “ท่านอาจารย์ซัว! ผู้ที่มีชื่อเรียกว่าสามนักบวช เห็นบอกว่ามีชื่อเสียงที่นี่มาก แต่ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อนเลย?”
“…”
“นี่เจ้าแกล้งโง่หรือโง่จริง!?” เฮาชงเย้ย
ซัวเต๋าจึงทำการอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับฉายา นักบวชให้ฟางฉีีฟัง
“กลุ่มนักบวชทั้งสาม!?” ฟางฉีมองพวกเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “แล้วพวกเขาออกมาที่นี่ทำไม?” ฟางฉีเริ่มชักสีหน้าหัวเขากำลังจะเดือดปุดๆ
เวลาเดียวกันหลันโมจากกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยได้เดินเข้ามา เขาเป็นผู้ส่งสานให้กลุ่มไทยชีหรือไม่!?
หลัยโมเองรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนจากกลุ่มไทฉียืนอยู่ในร้าน ฟางฉีรู้จักกลุ่มไทฉีด้วยหรือ!? เขาคิดในใจ
“ท่านอาจารย์หลัน!” เฟงฉีตะลึงเมื่อเห็นเขา “เอาละเนื่องจากท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสท่านเป็นครั้งสุดท้ายในการเลือก แม้ว่าข้าเองจะไม่รู้เหตุผลว่าร้านนี้ทำสิ่งใดให้ท่านเปลี่ยนใจไม่เข้าร่วมการประชุม แต่ข้ามั่นใจได้ว่าข้าเป็นศิษย์ของไทฉีท่านเองจะต้องอยู่เคียงข้างข้าแน่ หากเขาเล่นแง่ข้าจะจัดการพวกเขาแน่!”
คำพูดเขาเป็นทั้งคำเอ่ยเตือนคาเฟ่แห่งนี้และเป็นภัยคุกคามต่อผู้ฝึกฝนหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตามที่นี่เงียบสนิทไม่มีใครตอบรับอะไรทั้งสิ้น ..
“ทำไมพวกเขาต้องไปที่อาณาจักรฝึกฝนด้วยละ!?” นาหลันฮงวูเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างความเงียบ “หากจะต้องเข้าร่วมการฝึกฝนในเวลาหนึ่งเดือน ขอเลือกอยู่ที่นี่แทนดีกว่า”
นาหลันฮงวูตอบกลับ จากประสบการณ์ของเขาเอง ต้องขอบคุณคาเฟ่แห่งนี้ เขาได้รับการพัฒนาและปรับปรุงความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก แม้ว่าเขาเองจะเคยใช้เวลาในการฝึกฝนมาแล้วแต่นั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้ผลลัพท์เท่านี้
“มันไม่ใช่ธุระของเจ้า!”
“ท่านนักบวช!” หลันโมกล่าว “สิ่งที่ท่านนาหลันฮงวูพูดนั้นถูกต้อง พวกท่านออกไปเถอะ”
“เจ้า ..” ใบหน้าของฟางฉีดูไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก เขามองไปที่ซัวเต๋าและเยซงเต๋าแล้วถาม “พวกท่านคิดเช่นเดียวกันหรือ?”
ไม่มีใครตอบเขา แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นด้วยกับหลันโม
“ดื้อด้าน!” เฟงฉีจ้องหน้าฟางฉี “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าที่นี่ทำอะไรไว้กับพวกท่าน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของตั้งใจจะแทรกแซงการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนที่ถูกจัดขึ้นทุกๆ สามสิบปีในครั้งนี้”
“เราคิดว่าจะจัดการกับมันได้ง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้านั้นดื้อด้าน ดั่งที่อาจารย์ของข้าได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ผู้คนมักไม่รู้ว่าพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับใคร!”
เขาโบแขนซ้ายของเขา .. หม้อต้มสีทองแดงทรงกลมขนาดเล็กออกมาจากแขนเสื้อของเขามันลอยขึ้นไปในอากาศ หลังจากเปิดฝามันปล่อยออร่าออกมารอบหม้อ
“ไม่!” ผู้ปลูกฝังระดับสูงทุกคนอุทานออกมาด้วยสายตาระแวง “หม้อต้มปีศาจ! มันเป็นขุมทรัพย์ชั้นยอด”
“เขานำขุมทรัพย์ล้ำค่ามาด้วย!” ซัวเต๋ากระซิบข้างหูฟางฉี “ผู้อยู่เบื้องหลังจัดการได้มั้ย”
เมื่อได้ยินคำถามของซัวเต๋า ผู้ปลูกฝังหันมามองด้วยสายตาอันมีหวัง
“สมบัติล้ำค้า!?” ฟางฉีขมวดคิ้ว “สิ่งนี้ทรงพลังหรือไม่?”
“มันยิ่งกว่า!” ซัวเต๋าทำหน้าตาน่าสงสาร “ขุมทรัพย์อันสูงสุดของแต่ละฝ่ายจะไม่เหมือนกัน .. แต่ขุมทรัพย์อันนี้อยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มว่ามันน่าจะเป็นหม้อปีศาจในตำนาน”
“…” ฟางฉียืนนิ่ง
ลูกค้าหลายคนเริ่มจิตตกเมื่อเห็นว่าหม้อเล็กเริ่มใหญ่ขึ้นๆ มันใหญ่ขึ้นเท่าตัวคนเพิ่งชั่วพริบตา หากมันยิ่งขยายใหญ่ขึ้นมันจะต้องบดทำลายร้านของฟางฉีและทุกคนในร้านจนเละแน่
ซัวเต๋าพูดไม่ออกพลางพยักหน้าให้ฟางฉี
หม้อใหญ่ขึ้นเริ่มสูงขึ้นกว่าหลายคนในร้าน ทุกคนเริ่มถอยห่างจากมัน มันเปล่งแสงสีดำดูน่ากลัวและสั่นคลอนราวกับว่าพยายามจะขยายใหญ่ใหญ่กว่าเดิมแต่ถูกกดเอาไว้
มันขยายไม่ได้เพราะ .. ติดเพดาน!
“มีอะไรผิดปกติ!?” เฟงจินที่กำลังสวดมนตร์ตะโกน
หม้อสีีทองแดงสั่นแรงขึ้น แต่มันก็ยังคงทำอะไรเพดานของคาเฟ่ไม่ได้อยู่ดี แถมเพดานข้างบนดูจะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใดๆ สิ้น
เฟงจินเริ่มหัวร้อน เขาท่องคาถาทางจิตวิญญาณและแสดงกำลังภายใน เขาเริ่มเหงื่อออก
อย่างไรก็ตามหม้อขนาดยักษ์ยังคงสั่นไม่หยุด .. แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นเดิม
ฟางฉีทำหน้ามุ่ยอย่างรำคาญใจ “มีคนสร้างปัญหา!”
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมา!
ทุกคนตะลึงเมื่อมองเห็นนักบุญผู้สูงส่งของกลุ่มไทฉีีกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพร้อมพ่นฟองออกจากปาก
“เจ้าไม่รู้หรอกหรอว่าการสร้างปัญหาจะทำให้เจ้าถูกฟ้าผ่า!” ฟางฉีโบกมือ .. ประตูร้านเปิดโดยอัตโนมัติก่อนจะเฟงฉีจะถูกโยนออกไป
ฟางฉีหันไปมองเฮาชง “เจ้าจะออกไปข้างนอกดีๆ หรือต้องการให้ข้าส่งเจ้าออกไปเช่นเพื่อนของเจ้า
“เจ้าเปิดประตูด้วยคลื่นได้อย่างไรกัน!?” เฮาชงเสียงสั่นเทา
ฟางฉีคว้าคอเสื้อเขาและโดยนออกไป
“…”
“ผู้อยู่เบื้องหลังมีพลังมาก ..”
“น่ากลัวจริงๆ หม้อต้มปีศาจไม่สามารถทำลายเพดานหรือที่นี่ได้!”
“ดินแดงของผู้ฝึกฝนคืออะไร? มันอยู่เหนือขอบเขตอันศักดิ์สิทธิ์ชองมหาสมมุทรหรือไม่!?”
“ใครแสดงตัวตนออกมาหรือสร้างปัญหาจะต้องถูกฟ้าผ่า!” ผู้คนในคาเฟ่ต่างเริ่มพูดคุยกัน ทำให้บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“นี่เจ้าของ!” เจียงเสี่ยวหยูมองไปที่หม้อแล้วถาม “เราจะทำอย่างไรกับเจ้าหม้อนี้?”
ฟางฉีมองไปที่หม้อเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน “หรือเราจะทำลายมันด้วยสายฟ้า!?”
หม้อขนาดยักษ์เหมือนจะเข้าใจคำพูดของฟางฉี มันสั่นและหดลงทันที
“หืม? สมบัติล้ำค้าดูจัดการได้ง่ายดาย” หลายคนทองไปที่หม้อด้วยความโลภ มันดูเป็นสมบัติอันยิ่งใหญ่
แต่เมื่อนึกถึงสายฟ้าแล้ว มันน่ากลัวกว่าหม้อเป็นหลายเท่า!
“เราไม่ควรไปยุ่งกับสมบัติล้ำค้าของกลุ่มไทฉี” ซัวเต๋าและเยซงเต๋าพยักหน้าให้กัน เขาเอ่ยแนะนำฟางฉีว่ามันไม่สมควร
“เดี๋ยว .. มันมีอะไรดี!?” ฟางฉีหยิบหม้อขึ้นมาแล้วทำท่าจะโยนมันออกไป
แต่เมื่อคิดอีกที .. เขาจะไม่คืนมันให้เฟงฉีเป็นแน่ เขาจึงโยนมันกลับไปที่เคาน์เตอร์แล้วพูดว่า “เสี่ยวหยูเจ้าอยากทำอะไรกับมันก็ทำได้เลยตามใจ”
เจียงเสี่ยวหยูและทุกคนตะลึง
หม้อที่ถูกโยนไว้บนเคาน์เตอร์สั่นอีกครั้ง ..