ตอนที่ 374 งานสมรสของอันหลิงอี
มินานก็มาถึงวันมงคลของอันหลิงอีและวันนี้ก็เป็นวันที่นางเพิ่งโดนปล่อยตัวออกจากเรือน
ท่าทางที่สดใสในอดีตของอันหลิงอีหายไปจนสิ้น การถูกกักบริเวณในจวนโหวมิได้สบายเหมือนตอนอยู่ที่จวนตระกูลหลี่เอาเสียเลย
“คุณหนูสาม เชิญไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้แล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงอีทำทุกอย่างตามที่บอกราวกับหุ่นเชิด ตอนนี้นางมิสามารถโต้แย้งได้อีกแล้ว
รอจนอันหลิงอีเปลี่ยนชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้วก็เพียงนั่งนิ่งพลางมองตนเองที่อยู่ในกระจก
สตรีในจวนมิได้มีงานอันใดให้ทำอยู่แล้ว อันหลิงเกอที่กำลังว่างจึงเดินไปหาอันหลิงอี
วันนี้หลี่ซื่อล้มป่วยและคงป่วยจริงเพราะแม้กระทั่งงานแต่งของอันหลิงอีก็ยังมิสามารถมาร่วมงานได้
“คุณหนูสาม คุณหนูใหญ่มาเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘คุณหนูใหญ่’ อันหลิงอีราวกับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งจึงหันหน้าไปมองทันที
ไข่มุกที่ติดอยู่บนศีรษะของนางส่งเสียงดังกังวานยามที่หันไปมองอันหลิงเกอ
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ ? ”
อันหลิงอีตระหนักได้ว่าจุดจบของตนน่าหดหู่มากพอแล้ว มิรู้ว่าอันหลิงเกอมายามนี้ยังคิดทำอันใดอีก
“น้องหญิงสามจักออกเรือนทั้งที พี่ต้องมาหาสิ” อันหลิงเกอเดินไปอยู่ด้านหลังของอันหลิงอีแล้วกดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้
“น้องหญิงมิระวังเลย ผมเผ้ายุ่งไปหมดแล้ว” อันหลิงเกอค่อย ๆ จัดเครื่องประดับบนศีรษะของอันหลิงอีอย่างระมัดระวัง นางถอดออกทีละชิ้นและประดับให้ใหม่อีกครั้ง
“ท่านแม่อยู่ที่ใด ! ” อันหลิงอีมิได้ขยับหนีและมิปฏิเสธ ตอนนี้ลึก ๆ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอันหลิงเกอจนมิกล้าแม้แต่มองหน้าอีกฝ่ายในกระจกเสียด้วยซ้ำ
“อี๋เหนียงมิสบาย เกรงว่าไปร่วมงานของเจ้ามิได้” อันหลิงเกอหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ยต่อ “แต่น้องหญิงมิต้องกังวลหรอก ท่านพ่อและท่านย่าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้อย่างแน่นอน”
เรื่องนี้ถือเป็นอันสิ้นสุด ต่อให้หลี่อี๋เหนียงอ้างว่าป่วยก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“เจ้า ! ” อันหลิงอีเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแล้วก็คิดแกะมวยผมของนางออก
“น้องหญิงทำอันใดต้องระวังให้ดี งานสมรสวันนี้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เจ้าเลือกได้เพียงแต่งออกไปอย่างมีหน้ามีตา หรือออกไปราวกับคนเสียสติ…”
คำที่กล่าวออกมาของอันหลิงเกอได้ผลดีนักเพราะอันหลิงอีมิได้ขยับกายอีก
เมื่อเห็นเช่นนี้ อันหลิงเกอก็เผยรอยยิ้มงดงามออกมา จากนั้นก็ช่วยปักปิ่นไข่มุกชิ้นสุดท้ายให้อีกฝ่าย
อดีตชาติในวันแต่งงานของนาง อันหลิงอีให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่นาง ตอนนี้ก็ควรมอบคืนบ้าง
…
“ท่านพ่อ ท่านย่า เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”
ระหว่างที่อันหลิงอีทำพิธีอำลาจวนโหว พวกตระกูลหลี่ก็มิได้ออกหน้าขัดขวาง ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ที่ทุกคนมิทราบคือก่อนหน้านี้อันหลิงเกออ้างชื่อของท่านย่าเพื่อส่งข่าวไปยังจวนอ๋องอี้ว่าให้พวกเขาคอยระวังคนของตระกูลหลี่เอาไว้
อย่างไรเสียจวนอ๋องอี้ก็มีอิทธิพลอยู่บ้างและพวกเขาก็อยากให้งานแต่งในครั้งนี้เป็นไปโดยราบรื่นจึงรวบรวมเหล่าองครักษ์ไปกดดันตระกูลหลี่เอาไว้อย่างเงียบ ๆ
หลี่ซื่ออ้างว่าป่วยจึงมิได้ออกมา ตระกูลหลี่ก็มิกล้าออกหน้า ทุกอย่างจึงผ่านไปอย่างราบรื่น
“ขึ้นเกี้ยว ! ”
แววตาของอันหลิงเกอยามที่มองเกี้ยวของอันหลิงอีออกจากจวนโหวแฝงไว้ด้วยความเกลียดชัง
ชาติก่อนอันหลิงอีสวมรอยเป็นนางในวันแต่งงานทั้งยังทำร้ายนางจนตาย ตอนนี้นางจึงแก้แค้นได้เพียงมิถึงหยิบมือเท่านั้น !
“นายท่าน แย่แล้วเจ้าค่ะ แย่แล้ว ! ” ฤกษ์ดีเพิ่งผ่านไป บ่าวสาวน่าจะเพิ่งกราบไหว้กันที่จวนอ๋องอี้เสร็จ แม่นมที่ถูกส่งไปจวนอ๋องอี้ก็รีบวิ่งกลับมาแจ้งข่าวทันที
“เกิดอันใดขึ้น ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังดูเหล่าบุรุษในจวนทำการละเล่นอย่างเพลิดเพลินถึงขั้นตกใจขึ้นมา
“จวนอ๋องอี้เจ้าค่ะ ที่จวนอ๋องอี้…” แม่นมกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก อันหลิงเกอที่ได้ยินก็รีบเดินมาทันที
“ท่านย่า ท่านพ่อ เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ ? ” คนอื่นก็ทยอยออกไปหมดแล้ว บัดนี้จึงเหลือเพียงฮูหยินผู้เฒ่า อันอิงเฉิงและสาวใช้เพียงมิกี่คนที่ยังอยู่ในห้องโถง
“นายท่าน ฮูหยินผู้เฒ่า ที่จวนอ๋องอี้เมื่อครู่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอก็มีข่าวว่า ว่า…”
“ว่าอันใด ! ”
อันอิงเฉิงที่หมดความอดทนตบโต๊ะอย่างแรงจนถ้วยชาพลิกคว่ำลงพื้น
“บอกว่าคุณหนูสามลอบสังหารเจ้าบ่าวเจ้าค่ะ ! ”
ลอบสังหาร !
อันอิงเฉิงถึงกับเซไปทันที เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ !
“แล้วเกิดอันใดขึ้นหรือไม่ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเอ่ยถามทันที
“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ บอกว่าพวกสาวใช้พบเข็มพิษที่ปิ่นปักผมระหว่างเปลี่ยนชุดให้คุณหนูสามเจ้าค่ะ ! ”
เข็มพิษ…
“ไปเรียกหลี่ซื่อมา ! ” อันอิงเฉิงโกรธมากเพราะความคิดชั่วร้ายเยี่ยงนี้มีเพียงหลี่ซื่อเท่านั้นที่คิดได้
อันหลิงเกอที่ยืนอยู่ด้านข้างมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา
ชาติก่อนพวกนางสองแม่ลูกพรากเอาชีวิตของตนไป แค่นี้ถือว่าเป็นบทลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น
“ตอนนี้คุณหนูสามถูกคนของจวนอ๋องอี้จับกุมเอาไว้ มิอนุญาตให้พวกเราเข้าเยี่ยม บ่าวจึงแอบมุดหนีทางรูสุนัขลอดเพื่อมาแจ้งข่าวให้จวนโหวทราบเจ้าค่ะ ! ”
แม่นมผู้นี้เป็นคนของท่านย่า เดิมทีที่ส่งนางไปก็เพื่อให้คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนโดยมิคิดว่าจักเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“ท่านพี่…” หลี่ซื่อยังทำท่าทางบอบบางดังเดิม เพียงนางยกเท้าข้ามธรณีประตูมาก็ถูกอันอิงเฉิงตวาดใส่จนตกใจเกือบล้มลงพื้น
“คุกเข่าลง ! ” ครั้งนี้อันอิงเฉิงมิได้ใจอ่อนอีกแล้ว สาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าก็ก้าวเข้ามาและกดหลี่ซื่อให้คุกเข่ากับพื้นทันที
“ท่านพี่ เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ…”
หลี่ซื่อยังมิทราบว่าเกิดอันใดขึ้น วันนี้เป็นวันมงคลของอีเอ๋อแต่คนพวกนี้กล้าทำเช่นนี้กับตนอีกหรือ ?
“บอกมา เจ้าเป็นคนบงการให้อีเอ๋อทำเช่นนั้นใช่หรือไม่ ! ”
“ทำอันใดเจ้าคะ ? ท่านพี่ ท่านกล่าวอันใด ? ข้าป่วยนอนอยู่บนเตียงมิได้เห็นหน้าอีเอ๋อด้วยซ้ำ” หลี่ซื่อกล่าวจบจึงนึกขึ้นได้ “อีเอ๋อเป็นอันใด ? คงมิได้พยายามฆ่าตัวตายอีกนะเจ้าคะ ? ”
ที่หลี่ซื่อนึกได้ก็มีเพียงเท่านี้ อย่างไรนางก็รู้จักบุตรสาวของตนดีว่าแม้อีเอ๋อจักโหดร้ายแต่ก็ขี้กลัว
“หึ หากฆ่าตัวตายก็ดีสิ ! ” อันอิงเฉิงสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงจนหมากบนกระดานร่วงเกลื่อนพื้น มีหลายเม็ดกระเด็นไปโดนหน้าผากของหลี่ซื่อ พริบตาเดียวก็บวมแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านพี่ เกิดอันใดขึ้นแน่เจ้าคะ อีเอ๋อเป็นอันใด ? ” หลี่ซื่อกล่าวจบก็หันไปหาอันหลิงเกอ “ท่านพี่คงมิได้เชื่อคำใส่ร้ายของบางคนเข้ากระมัง อีเอ๋อของเรามิมีทางทำเรื่องเลวร้ายหรอกเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อกล่าวออกมาได้อย่างชาญฉลาด แม้นางยังมิรู้ว่าอันหลิงอีทำอันใดผิด แต่แค่ประโยคเดียวก็ปัดความผิดออกจากตัวจนหมด
“ข้าคิดว่านางทำได้ทุกอย่างต่างหาก ! ” อันอิงเฉิงนั่งลงอีกครั้ง แต่ท่าทีที่โมโหของเขามิได้ลดลงแม้แต่น้อย
อันหลิงเกอค่อย ๆ ยกถ้วยชาเข้าไปด้วยท่าทางเรียบร้อยแฝงความเป็นห่วง “ท่านพ่อ ดื่มชาให้ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”
“ลูกสาวตัวดีของเจ้าแต่งงานวันแรกก็บังอาจถึงขั้นลอบสังหารสามีแล้ว ! ” อันอิงเฉิงกล่าวไปพลางส่งเสียง หึ ออกมา “ข้ายังโชคดีที่ตอนนั้นเจ้ายอมแต่งงานกับข้าเอง มิเช่นนั้นเกรงว่าคงถูกเจ้าฆ่าไปนานแล้ว ! ”
อันอิงเฉิงกล่าวจบก็หยิบถ้วยชาในมือของอันหลิงเกอแล้วสาดไปที่ใบหน้าของหลี่ซื่อจนหมดถ้วย