ตอนที่1335 เผยธาตุแท้

 

กลางดึกรัตติกาลสงัด ทันทีทันใดพลันปรากฏร่างหนึ่งเดินโซซัดโซเซหนีตายเข้าไปในหอมหาสมบัติ

แต่เมื่อหงหยินเห็นร่างนี้ นางถึงกับผงะด้วยความตกใจ

ร่างนี้ปกคลุมไปด้วยบาดแผลมากมาย ประดับเลือดสีทองคล้ำอาบชโลมทั่วร่าง ประดุจเพิ่งขึ้นจากบ่อโลหิต แลดูน่าสยดสยองสุดขีด

 

“หลัวเจีย! กะ-เกิด…เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? แล้วนายท่านเย่ล่ะ?”

หงหยินที่เห็บดังนั้นทราบทันทีว่าเป็นใคร ก่อนปราดเร่งเข้าช่วยประคองร่างขึ้นมา

เขาคนนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากหลัวเจีย!

 

“เร็ว…เร็วเข้า! พาข้า…พาข้าไปหาท่านประมุขหอ!”

หลัวเจียกัดฟันข่มความเจ็บปวดเพื่อสื่อสารให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไว

 

“เข้าใจแล้ว! เดี๋ยวข้าจะพาไปเอง!”

หงหยินกล่าตอบทันควัน

 

ซึ่งในขณะเดียวกัน เฟิงปิงโผล่พรวดออกมาจากห้องโถงด้านใน เขาปรี่ตรงเข้ามาหาอุทานขึ้นลั่นด้วยความตกใจ

“หลัวเจีย ไฉนเจ้าถึงบาดเจ็บปางตายเช่นนี้! เร็วเข้า! มาให้ข้ารักษาก่อนโดยไว!”

 

ใบหน้าของหลัวเจียยามนี้ซีดขาวคล้ายแผ่นกระดาษบาง เห็นเฟิงปิงดังนั้นเขาเอ่ยกล่าวอย่างอ่อนแรงขึ้นว่า

“ขอบพระคุณยิ่งสำหคับความตั้งใจดีของผู้อาวุโสเฟิง แต่เรื่องนี้เร่งด่วนยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บของข้า จำต้องเข้าพบท่านประมุขหอโดยด่วน! เรื่องรักษาอาการบาดเจ็บของข้าเกรงว่าภายหลังเป็นดีที่สุด!”

 

สีหน้าการแสดงออกของเฟิงปิงพลันแปรเปลี่ยน เขากล่าวขึ้นอย่างสงสัยขึ้นว่า

“หลัวเจีย นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มิใช่ว่าเจ้าเป็นคนพาเย่หยวนไปยังสุสานสายลมหยินหรอกรึ? แล้วเขาอยู่ที่ไหน?”

 

หลัวเจียกล่าวเล่าเจือหน้าเสียหนักว่า

“ตระกูลหวังส่งสามผู้อาวุโสออกมตามล่าพวกเราไม่หยุดหย่อน โชคยังดีที่เย่หยวนมีวิชาลับควบคุมพวกวิญญาณชั่ว จึงช่วยสกัดและพาข้าตีฝ่าออกจากวงล้อมได้ ก่อนแยกจากเขาสั่งให้ข้าเร่งกลับมาขอความช่วยเหลือ! ยามนี้จำต้องทิ้งทุกอย่างและเร่งฝีเท้ากลับมาทันที เร่งขอกำลังเสริมจากท่านประมุขหอโดยไว! เย่หยวนในตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรกลับไม่ทราบแล้ว!”

 

เฟิงปิงตกใจอย่างมากเมื่อรับทราบข่าวนี้ เขาเร่งกล่าวขึ้นว่า

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? เรื่องนี้มีเพียงพวกเราไม่กี่คนที่ทราบกัน! แล้วตระกูหวังไปได้ข่าวนี้มาจากแห่งหนใดกัน?”

 

หลัวเจียส่ายหัว

“ไม่รู้! ตอนนี้มิใช่เวลามากล่าวเรื่องนี้ หากปล่อยต่อไป เย่หยวนจะต้องตายแน่นอน! หงหยินช่วยประคองข้าไปหาท่านประมุขหอโดยเร็ว!”

 

หงหยินวิตกกังวลยิ่งในเรื่องความปลอดภัยของเย่หยวน ได้ยินดังนั้นนางจึงประคองหลัวเจียเข้าไปหาหยางรุยทันที

 

หลังจากที่สองคนนั้นจากไป สีหน้าการแสดงออกของเฟิงปิงพลันรวนเรผันเปลี่ยนหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุกข่มท่าทีกัดฟันแน่น ก่อนเร่งบึ่งออกไปจากหอมหาสมบัติทันทีในค่ำคืนอันมืดมิด

 

 

…………………

 

 

“เย่หยวนนับเป็นต้นเงินต้นทองของหอมหาสมบัติอย่างแท้จริง หยางรุยไม่มีทางงอแขนงอขายืนดูอยู่เฉยๆแน่! ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ชีวิตของผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้นได้ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!”

 

ภายในห้องสมุดของตระกูลหวัง เฟิงปิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าค่อนข้างกังวลอย่างชัดเจน

แต่คำกล่าวนี้ของเขาได้ทำให้หวังหลินโปเริ่มมีหวังอีกครั้ง!

 

หวังหลินโปเผยสีหน้าประหลาดใจยิ่งยวด ก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่เป็นเรื่องจริงรึ? พวกลุงรองยังอยู่ในสุสานสายลมหยินจริงๆใช่ไหม?”

 

เฟิงเปิงเร่งโต้กลับทันทีอย่างร้อนรน

“แล่วข้าจะโกหกเจ้าทำไม? ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลัวเจียลากสังขารกลับมาหอมหาสมบัติ สภาพค่อนข้างสะบัดสะบอม ทั่วร่างชโลมเลือด ปัจจุบันมันทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดแล้วก็จริง แต่เจ้าลองติดดู ผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลหวังล้วนเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดเช่นกัน ไม่ว่าฝีมือเพลงดาบจะน่ากลัวแค่ไหน แต่กลับไม่มีทางต่อกรได้นานนัก มิฉะนั้นมันจะรีบกลับมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากหยางรุยรึ? เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ในขณะนี้ของพวกนั้นเลวร้ายแค่ไหน! ข้ากลัวว่าหยางรุยจะเป็นคนลงมือเอง จึงเป็นเหตุให้ข้าเร่งมาแจ้งให้เจ้าทราบทันที! ส่ง่าท่านอวีเซียงออกโรงโดยไวเถอะ มิฉะนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาอาจน่ากลัวเกินจินตนาการ!”

 

ข่าวนี้สร้างความปรพหลาดใจเกินไปนักต่อเขา จนเรียกได้ว่าล้างอารมณ์หดหู่ก่อนหน้าไปจนหมดจากใจของหวังหลินโป

 

หวังหลินโปนกล่าวตอบทันทีอย่างมีชีวิตชีวา

“เอาล่ะ! เจ้ากลับไปก่อน อย่าทำอะไรผิดแปลกให้พวกมันสงสัยได้! ข้าจะไปพบท่านพ่อก่อนและเชื้อผู้อาวุโสที่เหลือออกโรง! สองวันมานี้พวกข้าไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก เพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพวกลุงรอง”

 

เฟิงปิงพยักหน้าและรีบกล่าวตอบว่า

“เข้าใจแล้ว ข้าจะหลับทันที!”

 

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็จากไปทันที ขึ้นทะยานควบม้าท้าลมด้วยความเร็วดุสายฟ้าออกไปท่ามกลางค่ำรัตติกาลอันเงียบสงัด

เฟิงปิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก

เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เย่หยวนยังมีไพ่เด็ดอย่างวิชาควบคุมวิญญาณชั่วอยู่ด้วย จนสามารถพาหลัวเจียฝ่าวงล้อมของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสามออกมาได้

ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเย่หยวนต่ำเกินไปจริงๆ

 

แต่เมื่อหวังอวีเซียงออกโรงเมื่อใด เย่หยวนจะไร้ซึ่งโอกาสรอดชีวิตใดๆอีก

 

“ยามดึกยามดื่นเช่นนี้ ผู้อาวุโสเฟิงยังมีอารมณ์สุนทรีย์ ควบม้าชมวิวเมืองอย่างสบายอารมณ์!”

ขณะที่เฟิงปิงกำลังมุ่นกับความคิดตัวเองอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านหลัง จนทำเอาเขาสะดุ้งเฮือกขนลุกซู่ว!

 

เมื่อเบี่ยงสายตาเข้าจับจ้อง เฟิงปิงแทบตาถลนออกมา!

 

“เย่หยวน! จะ-จะ-จะ-เจ้า…ไฉนถึงอยู่ที่นี่ได้? มิใช่ว่าเจ้า…มิใช่ว่า…”

 

สุ้มเสียงเมื่อครู่กลับมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากเย่หยวน!

เฟิงปิงที่เห็นเย่หยวนตัวเป็นๆยังคงอยู่ดี เขาถึงขั้นลิ้นแข็งกล่าวติดอ่างไม่เป็นภาษา

 

เย่หยวนจับจ้องไปที่เฟิงปิงพร้อมกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า

“ไฉนผู้อาวุโสเฟิงกล่าวราวกับว่าไม่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่? หรือเพราะคิดว่ายามนี้ข้าควรติดอยู่ในสุสานสายลมหยินจนออกไปไหนไม่ได้? เอ…หรือคิดว่าข้าควรตายลงไปในนั้นแล้วดี?”

 

เฟิงปิงปั้นหน้าดีใจขึ้นมาทันควัน และโพล่งกล่าวด้วยความตื้นเต้นขึ้นว่า

“ดะ-ดี…ดีจริงๆ! เจ้ายังไม่ตาย! เห็นหลัวเจียกลับมาด้วยสภาพเช่นนั้น ข้าเป็นห่วงแทบตาย! สวรรค์ทรงโปรด เจ้ายังปลอดภัยดี! ฮะ-ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ปฏิกิริยาการตอบโต้ขชองเฟิงปิงก็เร็วมิใช่น้อย ทันทีที่รู้ว่าก้าวพลาด จึงเร่งเปลี่ยนสีทันที

 

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“ผู้อาวุโสเฟิง ท่านคิดว่า…ไม่แปลกไปหน่อยรึ ทั้งๆที่อาการบากเจ็บของหลัวเจียเลวร้ายขนาดนั้น แต่ก็ยังเดินทางออกไปออกจากหอมหาสมบัติในยามวิกาลโดยไม่ไยดีเช่นนี้? อย่างน้อยก็น่าจะเข้าไปหาท่านประมุขหอด้วยกัน?”

 

เฟิงปิงถอดสีหน้าในบัดดล เขากล่าวเสียงขรึมขึ้นว่า

“เจ้า…เจ้าหมายความอย่างไรกัน?”

 

“หุหุ หมายความอย่างไรงั้นรึ? ยามวิกาลดึกดื่นแบบนี้ ไม่เพียงสนับสนุนพวกพ้อง แต่กลับเดินทางไปหาถิ่นศัตรูคู่อาฆาตของหอมหาสมบัติ ข้าสงสัยเหลือเกินว่านี่หมายความว่าอย่างไร?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเหยียบเย็น

 

คลื่นหลากอารมณ์ขนาดมหึมาถาโถมเข้าใส่จิตใจของเฟิงปิง แต่เขายังคงเก็บงำระงับสีหน้า พลางแสร้งทำเป็นไม่รู้และกล่าวอย่างงุนงงว่า

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมายความอย่างไร! เจ้าไปเห็นตอนไหนว่าข้าไปยังตระกูลหวัง? เย่หยวนเจ้าตื่นกลัวจนระแวงคนรอบกายไปหมดแล้ว!”

 

“ระแวงงั้นรึ? เกรงว่ามิใช่เพียงข้าคนเดียวที่ระแวงแล้วกระมัง?”

เย่หยวนกล่าวแช่ม พร้อมส่งยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มให้อีกฝ่ายตอกคืน

ทันใดนั้นเอง พลันมีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏกายขึ้นจากด้านหลังของเย่หยวน

ผู้นำก้าวย่างออกมามีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่น่าเชื่อ นั้นจะเป็นใครได้อีกหามิใช่หยางรุย?

 

การปรากฏตัวของหยางรุยทำให้ เศษเสี้ยวความหวังสุดท้ายของเฟิงปิงแตกสลายในพริบตา!

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่า ทั้งหมดมันเป็นกับดักที่ขุดไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

 

เย่หยวนวางกับดักนี้เพื่อล่อให้เขามุ่งหน้าไปส่งข่าวถึงตระกูลหวัง

และเฟิงปิงก็เดินตามทางที่วางไว้โดยสมบูรณ์แบบ

 

หยางรุยมองไปที่เฟิงปิงด้วยคาวมผิดหวังสุดพรรณนาและกล่าวอย่างเจ็บใจว่า

“ในตอนที่หลัวเจียบอกข้า ข้ายังปักใจไม่เชื่อด้วยซ้ำ! เฟิงปิง! ข้า,หยางรุยดูแลเอาใจใส่เจ้าดั่งพี่น้องญาติสนิทคนหนึ่ง แต่ไฉนเจ้าถึงเลือดเย็นทรยศหอมหาสมบัติได้ลงคอ!”

 

เฟิงปิงทราบดีว่าวันนี้คงไม่มีโชคดีอันใดหลงเหลืออีกต่อไป เขาจึงเอ่ยกล่าวด้วยเสียงอันเหยียบเย็นว่า

“ข้ามิเคยคิดทรยศต่อหอมหาสมบัติแม้นสักครั้ง! ข้าแค่ต้องการให้ไอ้แด็กเหลือขอนี่ตายๆไปซะ! หากยังมีไอ้เด็กเหลือขอนี่อยู่ ข้า,เฟิงปิงจะไม่มีวันได้เชิดหน้าชูตาขึ้นอีกในหอมหาสมบัติแห่งนี้! ในอนาคต หัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติยังคงเป็นข้า และต้องเป็นข้าตลอดไป!”

 

 

เมื่อได้ฟังแบบนั้น หยางรุยเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่หยุดหย่อน ก่อนกล่าวว่า

“ดังนั้น เจ้าจึงขายข่าวนี้ให้กับตระกูลหวัง ปรารถนายืมมือตระกูลหวังฆ่าเย่หยวนทิ้ง?”

 

เฟิงปิงกล่าวตอบเสียงเย็นสะท้านลั่น

“ถูกต้อง! หอมหาสมบัติมีข้าไม่มีมัน หากมีมันก็ไม่มีข้าเช่นกัน! ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเหลือขอนี่เข้ามา เจ้าก็ไม่เห็นหัวข้าเลยด้วยซ้ำ?”

 

หยางรุยโมโหจัดจนกัดฟันแน่นเสียงดังกรอด เอ่ยปากแพร่เสียงสุดเคร่งขรึม

“เจ้าก็ควรทราบดี เย่หยวนมีความสำคัญเพียงใดต่อหอมหาสมบัติ ทั้งหมดนี้ก็มิใช่เพื่ออนาคตของเราทุกคน? แต่เจ้ากล้าหักหลังพวกเราได้อย่างไร!”

 

เฟิงปิงแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า

“แล้วอย่างไร? จู่ๆก็มีเด็กไม่ทราบภูมิหลังปรากฏตัวขึ้นในหอมหาสมบัติดั่งฟ้าประทานมา ตื้นลึกหนาบางกลับไม่รู้จักแม้แต่น้อย ทว่ากลับไว้ใจกันนัก! ข้าที่ต้องการกำจัดไอ้เด็กนี่ทิ้งไปนับว่าสมควรแล้ว ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ของหอมหาสมบัติ!”

 

“เหอะ เพื่อประโยชน์ของหอมหาสมบัติ? ถึงขนาดยอมขายสหายสนิทดั่งพี่น้องให้ไปตาย? ในตอนนั้นหลัวเจียเกือบถูกหวังอวีกั่นฆ่าตาย นี่รึที่เรียกว่าเพื่อประโยชน์? หลัวเจียกับเจ้าต่อสู้ร่วมกันมานับครั้งไม่ถ้วน ไฉนถึงทำกันได้ลงคอ?”

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าสุดรังเกียจ

 

“ผู้ประสบความสำเร็จกลับไม่พะว้าพะวังเรื่องไร้สาระ! เลิกพล่ามไร้สาระเสีย ข้าเพียงต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแน่กับสหายเฒ่าทั้งสามของตระกูลหวัง?”

เฟิงปิงกล่าวถามขึ้น

 

จนถึงบัดนี้ เขาก็ยังไม่เชื่อ!

เย่หยวนจะไปทำอะไรกับผู้อาวุโสทั้งสามคนนั้นได้? แค่หนีพ้นมืออกมาได้นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว!

 

เย่หยวนยักไหล่พลางกล่าวตอบว่า

“ตายหมดแล้ว ครั้งนี้ตระกูลหวังส่งยอดฝีมือออกไปทั้งหมดสิบหกคน ทั้งหมดล้วนตายสิ้น”