บทที่ 31 คุณต้องการน้องชายอดีตสามี แต่ไม่ต้องการฉันงั้นหรอ

รักหวานอมเปรี้ยว

น้องชาย?

มายมิ้นท์เหลือบมองสายที่โทรเข้ามา ก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “ฉันชื่อมายมิ้นท์ แต่ฉันไม่มีน้องชายนะคะ คุณโทรผิดแล้ว”

“ไม่ผิดค่ะ เขาบอกว่าเป็นน้องชายคุณ ชื่อปีโป้”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ มายมิ้นท์ก็นึกถึงพฤติกรรมแย่ต่างๆ ของปีโป้ก่อนหน้านี้ เส้นขนสั่นระริกทั้งร่าง “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จัก”

พูดจบเธอก็วางสายไป

ลาเต้ถามอย่างสงสัย “น้องชายอะไร? ราเม็งตามหาคุณเหรอ?”

“ไม่ใช่ เธอโทรผิด”

มายมิ้นท์กับลาเต้ออกจากห้องทำงานไป ปรึกษากันว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่น และคุยเรื่องการวางแผนเทนเดอร์กรุ๊ปไปเลย

สุดท้ายเพิ่งเข้าลิฟต์ไป โทรศัพท์ก็ดังอีกครั้ง

มายมิ้นท์กลั้นอารมณ์ขณะรับสาย ทางนั้นไม่ใช่ตำรวจหญิงพูด กลายเป็นปีโป้

“ฮัลโหล พี่สะใภ้ พี่มาเอาผมออกไปจากสถานีตำรวจที”

มายมิ้นท์แต่งงานกับเปปเปอร์มาหกปี ปีโป้น้องชายเขาจะเฮ้ใส่เธอ ไม่ก็เรียกเธอด้วยชื่อเต็มยศ นี่เป็นครั้งแรกที่เรียกเธอว่า “พี่สะใภ้”

แค่เจ้าเด็กแสบเรียกด้วยความไม่เต็มใจมากๆ ราวกับสองคำนี้เค้นออกมาจากไรฟัน

“ฉันหย่ากับพี่ชายนายนานแล้ว” มายมิ้นท์เตือนเขา และราวกับกำลังเตือนตัวเอง “นายควรโทรหาพี่ชายนายนะ ให้เขาไปรับนาย”

ปีโป้พูดด้วยความขุ่นเคือง “คุณมาสถานีตำรวจมันจะตายเหรอ!”

“ให้พี่ชายนายไปสิ”

มายมิ้นท์เห็นเจ้าเด็กแสบอารมณ์มาเร็วไปเร็ว ทันใดนั้นก็เงียบและขมวดคิ้ว

เธอกำลังจะวางสาย ปีโป้ก็วางไปก่อนเธอหนึ่งก้าว

“น้องชายเปปเปอร์ตามหาคุณเหรอ?” ลาเต้ถาม เขาได้ยินคำพูดสำคัญไม่น้อยจากคำพูดของมายมิ้นท์

“ได้ยินว่าเปปเปอร์จองที่นั่งไว้ที่โรงแรมสุขสกาย เชิญครอบครัวส้มเปรี้ยวมากินข้าวกับพ่อแม่เขา เจรจากันเรื่องเวลาหมั้นหมายใหม่ น้องชายเขาน่าจะไปกินข้าวที่โรงแรมด้วยกันกับเขาสิ ทำไมอยู่ที่สถานีตำรวจ?”

“เหมือนผู้ต้องหาจะถูกกักขัง” ใบหน้ามายมิ้นท์ไม่สั่นไหวสักนิด เม้มปาก “อยากให้ฉันไปพาเขาออกมา”

ลาเต้ยิ้มเยาะ “เขาทำเหมือนคุณยังไม่หย่ากับเปปเปอร์ อยากจะจิกหัวใช้คุณยังไงก็ได้เหรอ? นิสัยนี้ของเขาเหมือนแม่ของเขาเป๊ะเลย!”

เมื่อมาถึงโรงรถ จะขึ้นรถ จู่ๆ มายมิ้นท์ก็ถามขึ้น “ปกติผู้ต้องหาถูกขังที่สถานีตำรวจนานแค่ไหน?”

“ต้องดูว่าทำอะไรผิด ถ้าต่อยตีกันไม่มีใครประกันตัว ต้องกักขังประมาณสิบห้าวัน” ขณะที่ลาเต้พูด ก็มองมายมิ้นท์อย่างเงียบๆ “คุณจะไปพาเขาออกมาเหรอ?”

“เขาไม่กล้าโทรหาเปปเปอร์ แสดงว่าเรื่องที่ทำผิดต้องร้ายแรงมาก” มายมิ้นท์ขึ้นรถไป “ฉันจะไปดูสักหน่อย”

ลาเต้โน้มตัวเคาะกระจกรถ สีหน้าแววตาสงบ “คุณต้องการน้องชายอดีตสามี แต่ไม่ต้องการฉันเหรอ?”

มายมิ้นท์ไม่สนใจเขา ขับรถออกจากโรงรถใต้ดิน

ระหว่างทางไปสถานีตำรวจ มายมิ้นท์นึกย้อนบทสนทนาที่คุยกับลาเต้ที่โรงรถเมื่อครู่นี้ เกลียดที่ตัวเองใจอ่อนในตอนนั้น

ตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยไป ผลสุดท้ายพอน้องชายเขาเกิดปัญหา เธอกลับอยากไปช่วยเหลือ

หลังจากมาถึงสถานีตำรวจ มายมิ้นท์ก็แจ้งชื่อปีโป้ ตามตำรวจหญิงเข้าไปด้านใน ไม่นานก็เห็นวัยรุ่นในชุดนักเรียนยืนอยู่ข้างๆ กำแพงหนึ่งแถว

ร่างแต่ละคนมอมแมม รอยช้ำบนใบหน้ารุนแรง

“ปีโป้” ตำรวจหญิงเรียกปีโป้ที่ยืนอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น “พี่สะใภ้นายมารับแล้ว”

ปีโป้เงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นมายมิ้นท์ ดวงตาเขาก็เป็นประกายในเวลาสั้นๆ ไม่นานก็เม้มปาก ทำเสียงฮึดฮัด “ยัยบ้านี่ ฉันรู้ว่าเธอจะมา”

มายมิ้นท์มองเขาอย่างสงบ “นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?”

เธอสวมเสื้อคลุมสีดำ มัดผมหางม้าต่ำๆ ทั้งร่างดูอ่อนโยนสง่างาม แววตาสงบนิ่งกลับทำให้ปีโป้ลำคอเย็นวาบ

ทั้งคู่มองหน้ากันสักพักหนึ่ง ปีโป้ก็เค้นคำออกมาจากไรฟัน “พี่! สะใภ้!”

เห็นสีหน้าคับแค้นใจของเจ้าเด็กแสบ ในใจมายมิ้นท์ก็ไร้กังวลมาก เธอไม่ได้เร่งรีบเซ็นหนังสือประกันตัว แต่ถามเขาว่า “ทำไมไปต่อยตีกับคนอื่น?”

ปีโป้เงียบ

แถววัยรุ่นที่ยืนอยู่มุมกำแพง มีคนตะโกนใส่ปีโป้ “เฮ้อ ปีโป้ ฉันได้ยินว่าพี่สะใภ้แกหย่ากับพี่ชายแกตั้งนานแล้ว ทำไมแกยังมีหน้าไปให้เขามาประกันตัวแกอีกล่ะ? ฮ่าๆ แกก็เหมือนแม่ของแก สั่งคนอื่นให้ทำอะไรด้วยความมั่นใจ”

“ฉันว่าตอนแม่คลอดมัน ต้องเข้าใจเพศมันผิดแน่ๆ!”

วัยรุ่นไม่กี่คนมองหน้าคุยกัน กระตุ้นจนปีโป้หน้าแดงไปหมดแล้ว อยากจะเข้าไปซัดหน้าพวกเขาสักหมัด

มายมิ้นท์มือไวดึงเครื่องแบบเขาเอาไว้ “ยังจะลงมือในสถานีตำรวจอีก อยากให้ฉันเรียกพี่ชายนายมาไหม?”

กลัวเธอจะเรียกพี่ชายมาจริงๆ ปีโป้ก็ทำหน้าบึ้ง ดึงแขนอย่างแรง ไม่ให้มายมิ้นท์มาแตะต้องเครื่องแบบของตัวเอง

หลังจากมายมิ้นท์เซ็นหนังสือประกันตัวของปีโป้แล้ว ก็มองวัยรุ่นไม่กี่คนที่มุมกำแพงอีกครั้ง แล้วพูดกับตำรวจว่า “เด็กๆ ต่อยตีกันเป็นเรื่องปกติ ฉันจะประกันตัวให้พวกเขาด้วย เรื่องเล็กแบบนี้รบกวนให้ผู้ปกครองพวกเขามามันจะไม่ดี”

ตำรวจเห็นว่าพวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกัน เลยให้พวกเด็กๆ กลับไปก่อน พวกเขาก็ไร้ความกังวล และเห็นด้วย

ไม่นานมายมิ้นท์ก็เซ็นหนังสือประกันตัวให้เด็กไม่กี่คนนั้น

ปีโป้ไม่คิดว่ามายมิ้นท์จะทำแบบนี้ โกรธจนจะระเบิดออกมา เกือบด่ามายมิ้นท์อย่างรุนแรง “สมองคุณมีปัญหาเหรอ ถึงประกันตัวให้พวกมัน?”

มายมิ้นท์แค่ผูกเสื้อคลุม แล้วถามเขาว่า “ก่อนหน้านี้ที่ต่อยตีกับพวกเขา ชนะไหม?”

ปีโป้เหลือบมองพวกวัยรุ่นตรงหน้า พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “ถ้าสามคนฉันต่อยชนะ แต่อีกสองคนที่มาทีหลัง……”

“นั่นก็คือต่อยไม่ชนะ” มายมิ้นท์เหลือบมองเขา “ฉันคิดว่านายจะมีความสามารถมากซะอีก!”

“……”

หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจ มายมิ้นท์ก็ตามหลังวัยรุ่นไม่กี่คนอย่างไม่รีบร้อน มองปีโป้อย่างยากจะเข้าใจ

เขาลังเลสักพัก กำลังจะขึ้นรถตามไป ก็เห็นมายมิ้นท์จู่ๆ ก็เอากระเป๋าฟาดไปที่หลังวัยรุ่นคนหนึ่ง ฟาดจนอีกฝ่ายกรีดร้องคำราม

วัยรุ่นไม่กี่คนพอเห็นมายมิ้นท์กล้าลงมือกับเพื่อน ก็เข้ามาล้อมรอบ

มายมิ้นท์ตะโกนใส่ปีโป้ที่ตะลึงงัน “อึ้งอยู่ทำไม เข้ามาต่อยสิ นายบอกว่าต่อยชนะสามคนไม่ใช่หรือไง!”

หลังจากปีโป้ได้สติกลับมา ก็รีบพับแขนเสื้อนักเรียนแล้ววิ่งเข้าไป

มายมิ้นท์ลากวัยรุ่นสองคนไว้ ปีโป้ต่อยสามคนที่เหลืออย่างชำนาญและรวดเร็วเพียงคนเดียว ไม่นานวัยรุ่นทั้งหมดก็ล้มลง ร่างกายมีรอยช้ำเพิ่มขึ้น

เพราะแก้มขวาโดนต่อยหนึ่งหมัดโดยไม่ได้ระวัง มันเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ตลอด

มายมิ้นท์จัดระเบียบผมที่ยุ่งเหยิง แล้วพูดกับวัยรุ่นไม่กี่คนที่นอนอยู่บนพื้นว่า “ฉันให้เขาลงมือ ก็เพราะไว้หน้าพวกเธอ ถ้าให้ฉันลงมือ ฉันสามารถให้พวกเธออยู่สถานพินิจเป็นเวลาสามเดือน ฉันพูดออกมาได้ ก็คือทำได้”

เธอใช้น้ำเสียงเรียบๆ พูดสิ่งที่โหดเหี้ยมที่สุด ทำให้วัยรุ่นไม่กี่คนที่ยังเรียนหนังสืออยู่กลัวกันหมด ไม่กล้าเปล่งเสียง

“ลุกขึ้น” มายมิ้นท์พูด แล้วชี้ไปที่ปีโป้ข้างกายอีกครั้ง “โค้งคำนับขอโทษเขา”

วัยรุ่นไม่กี่คนรีบลุกขึ้นมาจากพื้น โค้งคำนับขอโทษปีโป้อย่างเป็นระเบียบ หลังจากมายมิ้นท์พูดออกไป ก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

ปีโป้มองใบหน้าด้านข้างของผู้หญิง สีหน้าแววตาค่อนข้างซับซ้อน

เพราะตอนแรกมายมิ้นท์ขอให้เปปเปอร์แต่งงานด้วย ปีโป้นึกว่าเธอจะทำให้เปปเปอร์และส้มเปรี้ยวเลิกกันทางอ้อม จึงไม่สุภาพกับมายมิ้นท์อยู่ตลอด อยู่ที่ตระกูลนวบดินทร์คัดค้านกับเธอไปเสียทุกเรื่อง

ครั้งนั้นที่บาร์ และครั้งนี้ เขาได้รู้จักกับมายมิ้นท์คนนั้นที่ไม่เหมือนตอนอยู่ตระกูลนวบดินทร์

เธอเหมือนจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น

“ได้ยินว่าพี่ชายนายกับว่าที่พี่สะใภ้นายอยู่ที่โรงแรมสุขสกาย” มายมิ้นท์หยิบเงินสองใบในกระเป๋ายัดให้เขา “นายจะกลับบ้านหรือไปโรงแรมก็แล้วแต่นาย”

เธอเดินอ้อมไปที่นั่งคนขับกำลังจะขึ้นไป ก็ได้ยินประตูถูกเปิดและปิดอีกครั้งดังปัง

มายมิ้นท์มองวัยรุ่นที่นั่งเบาะโดยสารข้างคนขับ ก็กลั้นอารมณ์พูดขึ้น “ปีโป้ นั่งรถกลับไปเอง ฉันไม่ว่างไปส่งนาย”

“ฉันไม่กลับ ฉันจะหลับบนรถคุณ!” เพราะปีโป้พูดเสียงดังเกินไป มันเลยโดนแผลที่มุมปาก ใบหน้าจึงย่นเข้าหากัน

“ลงไป ฉันหย่ากับพี่ชายนายแล้วนะ”

ปีโป้นั่งโดยไม่ขยับไปไหน ทำเสียงฮึดฮัด “อดีตพี่สะใภ้ก็คือพี่สะใภ้ ยังไงฉันก็เคยเรียกคุณแล้ว!”