ตอนที่ 2 ฉีกสัญญาหมั้นหมาย

กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์

ตอนที่ 2 ฉีกสัญญาหมั้นหมาย

 

 

“หลิงหยุนเฟย !!!”

จี้เทียนซิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อโทรมกาย

 

มันรู้สึกปวดหัวราวกับหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่หน้าอกและตันเถียนราวกับถูกเข็มต่อย

 

มันลืมตาด้วยความยากลำบากและพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงที่คุ้นเคย

เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ข้างหู มันก็หันศีรษะไปและได้พบสาวใช้ในชุดสีเขียวในสภาพที่กำลังแอบซับน้ำตาของนาง

 

“ฮวน…. เอ๋อ ?” จี้เทียนซิงเปล่งเสียงอย่างอ่อนระโหยโรยแรง

ฮวนเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองทันที

 

เมื่อเห็นว่าจี้เทียนซิงฟื้นแล้วนางก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก “สวรรค์ ! ในที่สุดคุณชายก็ฟื้นแล้ว !”

“ฮือๆๆ …… คุณชายสลบไสลไปหลายวัน ท่านทำให้ฮวนเอ๋อร้อนใจนักแล้ว !”

 

ฮวนเอ๋อเป็นสาวใช้ส่วนตัวของจี้เทียนซิง นางเป็นคนสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นางเติบโตมมาพร้อมกับจี้เทียนซิงตั้งแต่เล็กราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา

 

จี้เทียนซิงผุดลุกขึ้นช้าๆและนั่งลง มันมองไปรอบๆและรับรู้ว่าที่นี่เป็นบ้านสกุลจี้ ห้องหับของมันเอง

 

“ฮวนเอ๋อ… ใครช่วยข้าไว้ ?”

ฮวนเอ๋อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้างดงามของนางและตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “คุณชายใหญ่ เป็นแม่นางหยุนเฟยส่งท่านกลับมา  ท่านหมดสติไปตั้งแต่กลับมาถึง”

“หลิงหยุนเฟย ?! นางส่งข้ากลับมางั้นหรือ ?” จี้เทียนซิงถลึงตาด้วยประกายเย็นชา มันกำหมัดไว้แน่น

 

มันขบคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ฮวนเอ๋อ ข้าสลบไปนานแค่ไหนแล้ว ?”

“คุณชายใหญ่ ท่านสลบมาห้าวันห้าคืนแล้วค่ะ … ”

“ห้าวันห้าคืนหรือ ?” จี้เทียนซิงหน้าเปลี่ยนไปและตะโกนถามว่า “แล้วการสอบเข้านิกายหนุนสวรรค์ล่ะ ? จบลงแล้วหรือ ?”

 

หลังจากได้ยินคำพูดของจี้เทียนซิงเรื่องการสอบเข้านิกายหนุนสวรรค์ ใบหน้าของฮวนเอ๋อก็กลายเป็นบิดเบี้ยว นางก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆแทนคำตอบ

 

จี้เทียนซิงเห็นสีหน้าของนางดูอึดอัดไป มันเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ฮวนเอ๋อ บอกข้ามาว่าห้าวันที่ข้าหมดสติไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?

“คุณชายใหญ่คือ…… ”

 

เสียงของฮวนเอ๋อดูเหมือนกำลังร้องไห้ ทำให้มันไม่อาจคาดคั้นอะไรได้ หัวใจของจี้เทียนซิงตกวูบและดูเป็นกังวลมากขึ้น “ฮวนเอ๋อ พูดมา !”

 

ฮวนเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “คุณชายใหญ่  เมื่อห้าวันก่อน แม่นางหยุนเฟยส่งท่านในสภาพหมดสติกลับมาที่บ้านสกุลจี้ จากนั้นนางก็รีบจากไป”

“แม่นางหยุนเฟยมาหาท่านสองครั้ง และทุกครั้งนางก็พาหมอสกุลหลิงมารักษาให้ท่าน  หมอกล่าวว่าอาการท่านไม่ได้หนักหนาอันใด อีกไม่กี่วันก็จะฟื้น”

 

“เมื่อสามวันก่อน การรับสมัครของนิกายหนุนสวรรค์เริ่มขึ้น แม่นางหยุนเฟยผ่านการทดสอบและนำคนมาที่สกุลจี้เพื่อบอกกับนายท่านให้พาคุณชายไปทดสอบ”

“นายท่านลังเลและเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของคุณชาย  แต่แม่นางหยุนเฟยกล่าวว่าความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณชายคือเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์ นางพูดอีกว่าแม้ท่านจะหมดสติแต่ก็ไม่ส่งผลอันใดต่อการทดสอบระดับพลัง สุดท้ายนายท่านก็เห็นด้วย…”

 

เมื่อกล่าวถึงช่วงนี้ฮวนเอ๋อก็หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วและ ดวงตาเริ่มมีรอยน้ำตา

 

ฮวนเอ๋อลอบมองสีหน้าของจี้เทียนซิงและกระซิบแผ่วเบาว่า  “ ต่อมา ท่านได้รับการยอมรับให้ทดสอบระดับบ่มเพาะในขณะหมดสติ ผลปรากฏว่าระดับบ่มเพาะของท่านอยู่ในระดับปรับแต่งกายาขั้นที่สามเท่านั้น …”

 

“ท่านไม่ผ่านการทดสอบเข้าเป็นศิษย์นิกายหนุนสวรรค์ และกลายเป็นที่หัวเราะของเมืองจักรวรรดิไปทั่วทั้งเมือง ตอนนี้ทุกคนในเมืองจักรวรรดิต่างก็รับรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว”

 

ใบหน้าของจี้เทียนซิงซีดราวกับกระดาษในทันที ร่างกายของมันสั่นสะท้านและอาเจียนโลหิตคำโตออกมา

 

มันกำหมัดแน่นและกรีดร้องในใจว่า “ดีมาก หลิงหยุนเฟย*!ข้าบ่มเพาะรอวันนี้มาถึงสามปีแต่เจ้ากลับยึดรากฐานบ่มเพาะและทำลายชื่อเสียงของข้า!**”*

*“*นังสารเลว เจ้ามันงูพิษ !**”

 

เมื่อเห็นสีหน้าของจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วอันรุนแรงและหน้าผากขมวดเป็นริ้วๆ ฮวนเอ๋อก็ร่ำร้องออกมาอย่างกระทันหันว่า

“คุณชายใหญ่ ! ท่านต้องสงบสติอารมณ์ไว้ อย่าได้โกรธแล้ว …”

 

จี้เทียนซิงสูดหายใจลึกๆและในที่สุดก็สะกดข่มอารมณ์โกรธลงได้เล็กน้อย

 

แต่ในขณะนี้เองมีเสียงฝีเท้าดังอยู่นอกประตูหน้าห้องของมันอย่างเร่งร้อน

 

ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่สวมชุดสกุลจี้พุ่งเข้ามาในห้องและร่ำร้องอย่างกระวนกระวายว่า

“คะ คุณชายใหญ่ เรื่องใหญ่แล้ว ไม่ดี ไม่ดีแล้ว !”

 

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันทีและใบหน้าของมันก็แสดงอาการงุนงง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

 

สมาชิกสกุลจี้โค้งคำนับจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “คุณชายใหญ่ แม่นางหยุนเฟยมาที่สกุลจี้ นางนำสัญญาหมั้นหมายมาและร่ำร้องว่าจะถอนหมั้นขอรับ !”

“ตอนนี้นางอยู่ที่ห้องโถง นายท่านกำลังอธิบายต่อนางอยู่ !”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของจี้เทียนซิงมืดมน ดวงตาของมันพุ่งผ่านไปด้วยร่องรอยและความโกรธ

 

“ข้าจะไปดู!”

จี้เทียนซิงแค่นเสียงออกมาและสวมใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็ให้ฮวนเอ๋อรีบพยุงไปที่ห้องโถงใหญ่สกุลจี้ทันที

 

ในเวลาไม่นานมันก็มาถึงหน้าทางเข้าห้องโถงและได้เห็นผู้คนนับสิบอยู่รอบประตู คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสมาชิกและรุ่นเยาว์ของสกุลจี้ทั้งสิ้น

 

เมื่อได้เห็นว่าจี้เทียนซิงมาถึงแล้ว ทุกคนรอบๆต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อนออกมาและซุบซิบโต้เถียงกัน

 

จี้เทียนซิงเดินผ่านฝูงชนอย่างไม่แยแสและทันทีที่มาถึงประตูห้องโถง มันก็ได้ยินเสียงสตรีที่คุ้นหู

 

“นายท่านจี้ แม้นว่าท่านกับท่านพ่อของข้าจะมีข้อตกลงกันเมื่อสามปีก่อน ข้าได้ทำสัญญาหมั้นหมายกับจี้เทียนซิงก็จริง แต่นั่นมันในกรณีที่ข้ากับเขามีสถานะที่เท่าเทียมกัน”

“วันนี้จี้เทียนซิงสูญเสียพลังบ่มเพาะในทันที เรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันดีและเป็นที่ขบขันของผู้คนในเมืองจักรวรรดิเรา  นายท่านจี้ ท่านลองถามตนเองดูว่าเขายังคู่ควรกับข้าหรือไม่ ?   สกุลหลิงของเราไม่ต้องการขายหน้าและเป็นเยาะเย้ยของคนในเมืองจักรวรรดิ !”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเสียงของหลิงหยุนเฟยนั่นเอง

 

“ข้าเพิ่งผ่านการทดสอบของนิกายหนุนสวรรค์เมื่อสามวันก่อน หลังจากพ้นเดือนหน้าไปข้าจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายหนุนสวรรค์อย่างเป็นทางการ”

“นายท่านจี้ บัดนี้ข้ามิได้อยู่โลกเดียวกันกับจี้เทียนซิงอีกต่อไปแล้ว ข้าจะเป็นดั่งดวงดาราบนสวรรค์ชั้นเก้า ส่วนเขาเป็นเพียงคนธรรมดาเดินดิน ข้าต้องการถอนสัญญาหมั้นหมายนี้ !”

 

ในขณะที่เสียงของหลิงหยุนเฟยจางลง เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้น

“แม่นางหยุนเฟย สกุลจี้ของข้าเป็นสหายกับสกุลหลิงของเจ้า  ข้ารักและนับถือบิดาของเจ้ายิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ แม้ว่าเทียนซิงกำลังอยู่ในหายนะ พลังฝีมือถดถอยลงแต่เรื่องนี้มันก็กระทันหันเกินไป”

“โปรดเห็นแก่มิตรภาพระหว่างทั้งสองสกุลเรา อย่าเอ่ยถึงเรื่องยกเลิกสัญญาหมั้นหมายในตอนนี้เลย…  อย่างน้อยๆเจ้าก็น่าจะรอให้เทียนซิงฟื้นขึ้นก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

 

จี้เทียนซิงคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก นี่คือเสียงของบิดาของมัน หัวหน้าสกุลจี้คนปัจจุบัน, จี้ชางค

 

ในเวลานี้เสียงของจี้ชางคงก็ดังขึ้นอีกครั้งว่า  “นอกจากนี้ จี้เทียนซิงก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองจักรวรรดิเรา หลังจากอาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษาฟื้นฟู เขาจะกลับมาแข็งแกร่งดั่งเดิมแน่นอน”

“สายเลือดลมปราณกระบี่อันล้ำลึกของสกุลจี้ก็เป็นเขาที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนแก่นกำเนิดในอนาคตได้แน่นอน !”

“แม่นางหยุนเฟย โปรดเข้าใจเทียนซิงและเห็นแก่ความรู้สึกของเจ้าตลอดสามปีมานี่  จงอดทนก่อนเถิด…”

 

เมื่อได้ยินคำวิงวอนของบิดาตนเองที่มีต่อหลิงหยุนเฟย หัวใจของจี้เทียนซิงก็บีบรัดอย่างรุนแรงมากขึ้น มันเข้าไปในห้องโถงทันที

 

“ท่านพ่อ ! อย่าไปขอร้องนาง ให้นางกลับไปซะ !”