บทที่ 171 เขาติดคุก แล้วข้าจะช่วยเขาได้อย่างไร

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 171 เขาติดคุก แล้วข้าจะช่วยเขาได้อย่างไร?
อวี่เหวินหยวนฮั่วเห็นเฟิ่งชิงเฉินมีท่าทางร้อนรน จึงรีบเล่าเรื่องที่ตระกูลเซี่ยและตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นร่วมมือกันกล่าวโจมตีเสด็จอาเก้าให้นางฟัง
“ไร้สาระสิ้นดี” เฟิ่งชิงเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตระกูลเซี่ยทำเกินไปแล้ว
อวี่เหวินหยวนฮั่วแสยะยิ้มเล็กน้อย “ไร้สาระแล้วอย่างไรล่ะ หากฮ่องเต้ทรงเชื่อไปแล้วก็คือว่าทรงเชื่อ”
“ฮ่องเต้……” เฟิ่งชิงเฉินนึกไปถึงชายผู้องอาจแต่ทว่าเลือดเย็น
ต่อหน้าลูกชายของตัวเองแท้ๆ เขายังกล้านั่งชี้ชะตาชีวิตของผู้อื่นบนบัลลังก์ ตอนนี้โอกาสทองมารออยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะปล่อยเสด็จอาเก้าให้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน
“อย่าไปคาดหวังอะไรจากฮ่องเต้เลย หากพระองค์ไม่ทรงเห็นชอบ แล้วเสด็จอาเก้าจะถูกขังได้อย่างไร” อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกผิดหวังในตัวฮ่องตัวเป็นอย่างมาก
เพื่อกุมอำนาจจักรพรรดิ เขายอมสละทุกสิ่งอย่าง หากผู้ใดเป็นขวากหนามต่ออำนาจของเขา ก็จะถูกกำจัดไปให้พ้นทาง
อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ หากไม่ใช่เพราะตนไปขอความช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้า เขาก็คงไม่ต้องมาพบจุดจบเป็นห้องขัง และฮ่องเต่ก็จะทรงมองเสด็จอาเก้าอย่างเป็นกลาง
“นี่ฮ่องเต้จะทรงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เสด็จอาเก้าไปตายหรือไงนะ?” ถ้าหากใช่ นั่นก็แสดงว่า นางเคยมองฮ่องเต้ในแง่ดีเกินไปแล้ว
“ฮ่องเต้คงจะทรงคิดเช่นนั้น แต่พระองค์จะต้องทรงหาหลักฐานให้ได้ก่อน เสด็จอาเก้าเคยเล่าว่าฝูงหมาป่าและคนร้ายพุ่งจู่โจมมาที่เขา เมื่อเขาหนีมาถึงชายป่าก็ได้มาพบกับผู้นำแห่งเมืองเย่เฉิงที่ชื่อว่าเย่เย่ เขาได้รับความช่วยเหลือจากเย่เย่ และฮ่องเต้ก็รีบส่งคนไปตามหาหลักฐานถึงเมืองเย่เฉิงแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องคอยดูคำให้การของเย่เย่แล้วล่ะ” อวี่เหวินหยวนฮั่วขยี้ดวงตาที่รู้สึกอ่อนล้า
เขาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะเป็นกังวลกับการหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ค้นพบว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“เฟิ่งชิงเฉิน เมื่อคืนนี้เจ้าอยู่กับเสด็จอาเก้า ไหนลองว่ามาซิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ทุกคนต่างลืมนึกถึงเฟิ่งชิงเฉินผู้ซึ่งได้อยู่กับเสด็จอาเก้าเมื่อคืนนี้ เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดออกมา ฮ่องเต้และตระกูลเซี่ยก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไป
“การที่ข้าจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นมันสำคัญด้วยหรือ? สิ่งสำคัญก็คือฮ่องเต้จะรับสั่งเช่นไรต่างหากล่ะ” เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าในตอนนี้ฮ่องเต้ไม่ได้ต้องการสืบทราบข้อเท็จจริง เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการหาใช่ข้อเท็จจริงไม่
“ก็ใช่น่ะสิ ขึ้นอยู่กับว่าฮ่องเต้จะรับสั่งเช่นไร โอกาสทองมาถึงมือทั้งที ฮ่องเต้และคนพวกนั้นไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปแน่นอน” นึกไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะบานปลายถึงเพียงนี้
งานกวี ณ สวนป๋ายฉ่าว องค์ชายชุนหยูได้ออกไปล่าสัตว์ ให้อมพระมาพูดอวี่เหวินหยวนฮั่วก็ไม่มีทางเชื่อ อะไรมันจะบังเอิญถึงเพียงนั้น
การเล่นงานเสด็จอาเก้า แต่ละฝ่ายล้วนได้รับผลประโยชน์ นี่ถือเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างฮ่องเต้และตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ตระกูลใหญ่ดันเสด็จอาเก้าออกมา แล้วทำให้เรื่องราวบานปลาย ก่อนจะใช้พระราชอำนาจมากำจัดเสด็จอาเก้า แล้วต่างฝ่ายก็ต่างได้รับผลประโยชน์
ฮ่องเต้ทรงใช้โอกาสนี้ในการขุดคุ้ยเสด็จอาเก้าอย่างเปิดเผย เป็นการกรีดหน้าของเสด็จอาเก้า ทำให้เสด็จอาเก้าไม่เพียงแต่จะไร้ที่ยืนภายในราชวงศ์ แต่ยังไม่อาจอยู่เหนือตระกูลใหญ่ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่แน่ว่าเสด็จอาเก้าอาจจะถูกมองว่าเป็นกบฏก็ยังได้
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “อวี่เหวินหยวนฮั่ว ท่านจะส่งคนไปพบเย่เย่ก่อนได้หรือไม่ คำให้การของเย่เย่สำคัญมาก จะให้ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ท่านจะช่วยให้ข้าได้เข้าไปพบเสด็จอาเก้าหน่อยได้ไหม หากไม่ได้พบเสด็จอาเก้า พวกเราก็คงได้แต่ร้อนใจอยู่อย่างนี้ ไม่มีประโยชน์เลย”
“ข้าได้ส่งคนไปหาเย่เย่แล้ว แต่เรื่องไปพบกับเสด็จอาเก้า ข้าว่าข้าคงทำไม่ได้หรอก” อวี่เหวินหยวนฮั่วทำหน้าเศร้า ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่ทรงเชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
ผู้ที่สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮ่องเต้ จะทำสิ่งใดก็ลำบาก
อวี่เหวินหยวนฮั่วเริ่มจะคิดถึงชีวิตที่ชายแดน ถึงแม้จะทุรกันดารแต่ก็อิสระ แต่ที่ที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ เขาเปรียบเสมือนนกที่ไร้ปีกบิน
“หากไปพบเสด็จอาเก้าไม่ได้ เราก็อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม เพราะนอกจากจะไม่สามารถช่วยเสด็จอาเก้าได้แล้ว ยังอาจจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม” เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าไตร่ตรอง
นางคิดว่าเสด็จอาเก้าคงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าการที่องค์ชายชุนหยูเชิญเขาไปล่าสัตว์นั้นเป็นเพียงกับดัก แต่เขาก็ยังไปอยู่ดี
เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ ที่ทำให้เสด็จอาเก้ายอมเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง และไปรอซูหว่านอยู่ที่นั่น
นางไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเสด็จอาเก้าจึงบอกว่าเย่เย่เป็นคนช่วยเหลือเขา เย่เย่ไม่ชอบเขาไม่ใช่หรือ แล้วจะมาช่วยเขาได้อย่างไร
เสด็จอาเก้าไม่ต่างจากปริศนาคำทายเลย เขามีความลับเยอะจริงๆ
และแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเขาจึงไม่ชอบเข้าใกล้ใครทั้งนั้น คนที่มีความลับเยอะอย่างเขา จะมีสหายหรือคนที่สนิทไม่ได้
เพราะหากความลับล่วงรู้ไปถึงหูของอีกคน ความลับก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
เฟิ่งชิงเฉินหดหู่เป็นอย่างมาก นางคิดว่าหลังจากนี้ไปคงต้องอยู่ห่างๆจากเสด็จอาเก้าแล้ว เพราะการใกล้ชิดกันที่ผ่านมาทำให้นางล่วงรู้ความลับของเขามา 2 ข้อ เป็นเช่นนี้ไม่ดีเลย……
อวี่เหวินหยวนฮั่วนึกว่าเฟิ่งชิงเฉินเศร้าเพราะไม่อาจไปพบเสด็จอาเก้าได้ เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน หากเจ้าอยากพบกับเสด็จอาเก้า มีคนๆหนึ่งพอจะช่วยเจ้าได้”
“ใคร?”
“องค์ชายชุนหยู” ตัวหลักอีกคนของเรื่องนี้ ซึ่งถูกมองข้ามเช่นเดียวกัน
“เขาน่ะหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินพยายามนึกดู นางได้พบกับเขาไปเมื่อวาน จำได้แค่ว่าแขนของเขาบาดเจ็บ และสลบไปเพราะทนความเจ็บปวดจากการเย็บแผลไม่ได้ นอกเหนือจากนี้ นางก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
อวี่เหวินหยวนฮั่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ก็เขานั่นแหละ เขาเป็นหลานชายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดมากที่สุด ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก ความรักที่ฮ่องเต้ทรงมีให้เขานั้นไม่เหมือนกับลั่วอ๋อง ความรักที่ฮ่องเต้ทรงมีต่อลั่วอ๋อง เป็นเพราะมีตำแหน่งของฮ่องเต้มาเกี่ยวข้อง พระองค์ทรงแอบสร้างศัตรูให้ลั่วอ๋องอย่างลับๆ แต่กับองค์ชายชุนหยูไม่เหมือนกัน ฮ่องเต้ไม่ต้องทรงยกบัลลังก์ให้กับเขา คนอื่นๆต่างมองว่านี่เป็นความรักที่จริงใจ”
“จริงใจงั้นหรือ ข้าว่าไม่ใช่หรอก หากจริงใจจริงล่ะก็ คงไม่ส่งองค์ชายชุนหยูไปเป็นเหยื่อล่อเด็ดขาด องค์ชายชุนหยูเกือบเอาตัวไม่รอดนะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อว่าคนในราชวงศ์จะมีความรักที่จริงใจต่อกัน
“เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจหรอก ไม่ใช้เหยื่อล่อแล้วจะตกปลาได้อย่างไร ฮ่องเต้จะทรงรักองค์ชายชุนหยูอย่างจริงใจหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเรารู้แค่ว่าฮ่องเต้ทรงรักองค์ชายชุนหยูมากๆก็พอแล้ว ไม่ว่าองค์ชายชุนหยูจะทำอะไร ฮ่องเต้ก็จะยังคงทรงรักอยู่ตามเดิม” ความจริงใจของฮ่องเต้ มีไว้เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
“ที่ท่านว่ามาก็มีเหตุผล เช่นนั้นข้าจะลองไปพบองค์ชายชุนหยูดูนะ รอข้าก่อน ข้าขอเตรียมตัวสักครู่ แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดียวก็ออกไปได้แล้ว” เฟิ่งชิงเฉินออกไปพร้อมอวี่เหวินหยวนฮั่ว โดยนางได้หยิบหยูกยาที่จำเป็นออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ แล้วเอาแอบซ่อนไว้ที่ขา เมื่อตรวจสอบความพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วจัดหารถม้าให้
รถม้าจอดอยู่ตรงหน้าประตูเล็กของจวนองค์ชาย อวี่เหวินหยวนฮั่วแง้มหน้าต่างรถม้า แล้วชี้ไปที่หญิงสาวอายุราวๆ 40 ปีซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆประตูเล็ก พลางบอกเฟิ่งชิงเฉินว่า “เพราะองค์ชายชุนหยูได้รับบาดเจ็บ จึงไม่ได้กลับวัง ช่วงนี้เขาพักอยู่ที่จวนองค์ชาย ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของข้าเอง ให้เจ้าเข้าไปบอกนางว่านายท่านเหวินส่งเจ้ามาก็พอ”
นายท่านเหวิน เป็นนามแฝงของอวี่เหวินหยวนฮั่ว
“นึกไม่ถึงเลยนะว่าท่านจะมีสายลับอยู่ในจวนองค์ชายด้วย” ในวังหลวงแห่งนี้มีแต่คนมีเล่ห์เหลี่ยม เฟิ่งชิงเฉินบอกกับตัวเองว่า อย่าประเมินผู้อื่นต่ำจนเกินไป
อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ใช่คนที่ประมาทเลินเล่อ หวังจิ่นหลิงดีกับนาง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะดีต่อคนทุกคนด้วย