บทที่ 253 เธอมาจากอนาคต

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 253 เธอมาจากอนาคต
เธอมองสิ่งของที่อยู่ในห้องทดลอง ฉีเฟยอวิ๋นหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมาดู เธอย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าร่วมภารกิจได้ไม่นาน

เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไปดูด้านหลัง ซูมู่หรงใช้ไม้เท้ายันเดินเข้ามา

“หัวหน้า”

ซูมู่หรงจ้องเขม็งไปทางใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปบนร่างกายของเธอ

เธอไม่ได้ใส่ชุดฝึก ปกติเธอจะใส่ชุดฝึกตลอด วันนี้เกลับใส่แค่ชุดสบาย ๆ ซึ่งเขาชอบมาก

ซูมู่หรงไม่ได้ตอบ แต่เดินมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น และบีบเข้าหาฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นถูกบีบเข้าหากำแพง และกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า : “หัวหน้า จะทำอะไร?”

“คุณเริ่มก่อน คงโทษผมไม่ได้? คุณรู้ ในหมู่เรามีผู้หญิงคนเดียว ไม่เพียงพอต่อฝูงหมาป่า ถึงแม้ผมจะเป็นหัวหน้า แต่จะให้ผมมีความสุขคนเดียวได้ยังไง แต่ถ้าคุณเริ่มก่อน งั้นก็คงโทษผมไม่ได้”

มุมปากของซูมู่หรงกระตุกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ฉีเฟยอวิ๋นหยุดชะงักงัน เนิ่นนานถึงจะได้สติกลับมา

ซูมู่หรงคลี่ยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางศีรษะ ภาพเบื้องหน้าปรากฏเป็นใบหน้าที่เตรียมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อของหนานกงเย่ จึงรีบผลักซูมู่หรงออกไปทันที

ซูมู่หรงหายใจอย่างหนักหน่วง : “ผมคิดไว้แล้วว่าต้องทำแบบนี้ ถ้ารู้ว่าคุณยินยอม ผมก็คงไม่ต้องรอมาถึงตอนนี้”

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า : “คุณเข้าใจผิดแล้ว”

“เข้าใจผิด? คุณอย่าบอกผมนะว่าที่คุณไม่ยอม เป็นเพราะคุณจะลองใจผม คุณต้องรับผิดชอบนะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองซูมู่หรง มีผู้ชายแปลก ๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยแฮะ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอดีต ต่างก็ไร้ยางอายทั้งสิ้น!

ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เธอทำได้แค่เดินไปด้านข้าง : “หัวหน้า คุณนั่งลงก่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับเป็นฝ่ายนั่งลงก่อน ส่วนซูมู่หรง กลับไม่ยอมนั่ง ฉีเฟยอวิ๋นเองก็หมดปัญญา

ซูมู่หรงหมุนตัว ใช้ไม้ค้ำเดินไปยังฝั่งตรงข้ามกับฉีเฟยอวิ๋น ก่อนจะนั่งลงพลางยิ้ม ใบหน้าของเข้าแต้มไปด้วยความสุข

ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เธอกลับมารนหาที่ตายใช่ไหม?

ความสุขก็ไม่มี ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้แต่ทอดถอนใจ

“หัวหน้าจริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่มาจากในอนาคต…”

ฉีเฟยอวิ๋นเล่าให้ซูมู่หรงฟัง ซูมู่หรงจับจ้องไปยังเธอตลอดรอเธอพูดจบ เมื่อฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“คุณเชื่อไหม?”

ซูมู่หรงส่ายหน้า ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลง เธอรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้

“ตอนนี้คุณเป็นของผม จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณเสียใจ คุณก็ไม่ควรมายั่วยุผม”

ซูมู่หรงคลี่ยิ้มอย่างสดใส ฉีเฟยอวิ๋นพูดอะไรไม่ได้

ซูมู่หรงลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ฉีเฟยอวิ๋น : “คืนนี้คุณไปที่พักของผม”

“หา?” ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น แต่ไม่ได้ตกใจมากนัก : “คุณพูดอะไรเนี่ย?”

“จะให้ผมพูดใช่ไหม ผมเองก็อายุมากแล้วไม่ใช่เด็ก ๆ การจะมีภรรยาไม่ใช่เรื่องง่าย คุณว่าผมจะทำอะไรละ?” ซูมู่หรงคลี่ยิ้ม พร้อมทั้งยื่นมือออกไปกุมมือของฉีเฟยอวิ๋น ซึ่งนั้นสร้างความตกใจให้ฉีเฟยอวิ๋นอย่างมาก เธอพยายามดึงมือกลับ แต่ซูมู่หรงกลับกดมือของเธอไว้

ฉีเฟยอวิ๋นตกใจไม่น้อย : “เร็วเกินไปมั้งคะ?”

“ไม่เร็วหรอก ผมคิดเรื่องคุณมาแล้ว” ซูมู่หรงดึงฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือออกแล้วหยิบไม้ค้ำให้ซูมู่หรงแทน

“หัวหน้า คุณต้องใช้สิ่งนี้ จะได้ไม่ล้มนะคะ”

ซูมู่หรงดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก็กดร่างลงบนร่างของฉีเฟยอวิ๋น ซูมู่หรงก้มลงกระซิบข้างหูของเธอว่า : “คุณคงไม่ได้รู้สึกเขินหรอกนะ?”

“หัวหน้า มันเร็วเกินไปค่ะ ฉันอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป” ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าอึดอัดใจ

“แต่ตัวเธอหอมมากเลยนะ เธอทาอะไร? ผมจะนอนละ!”

ฉีเฟยอวิ๋นกลืนน้ำลายอึกหนึ่งด้วยความลำบากใจ จนเกือบจะผลักซูมู่หรงและอัดเขาสักยก คุณมันไร้ยางอายจริง ๆ ชอบเธอมานานหลายปี แต่กลับบังคับเธอ ทำตัวเหมือนลิงฝึก ตอนนี้กำลังติดสัดอย่างนั้นแหละ?

อยากตายนักใช่ไหม?

ฉีเฟยอวิ๋นถูกพาเข้ามาในห้องของซูมู่หรง มีกลุ่มคนยืนมองอยู่หน้าประตู กระเป๋าเดินทางของ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าถูกส่งมาอยู่ในห้องของซูมู่หรงตั้งแต่ตอนไหน ฉีเฟยอวิ๋นเห็นแล้วปวดร้าวไปด้วยทั้งตัว

โชคดีที่ซูมู่หรงบาดเจ็บที่ขา เขาไม่สามารถทำเรื่องที่เกินเลยได้

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเขาเป็นแบบนี้จึงจำเป็นต้องดูแล เลยตัดสินใจอยู่ในห้องของซูมู่หรง

ทุกคนพากันสลายตัวเหมือนนกและสัตว์ป่า ฉีเฟยอวิ๋นฉีดน้ำเกลือให้ซูมู่หรง

“คุณน่าจะนอนโรงพยาบาลนะคะ ในโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ครบครัน อยู่แบบนี้ คุณจะฟื้นตัวช้า และลดทอนความสามารถในการฟื้นตัวของคุณด้วย”

ฉีเฟยอวิ๋นเตือนด้วยความหวังดี ซูมู่หรงคิดว่าเธอคงเป็นห่วง

“คุณกำลังกลัวอะไรผมใช่ไหม?” ฉีเฟยอวิ๋นถูกดึงเข้าไป : “คุณขึ้นมานี่ นอนสักตื่น”

คิดได้ว่าต้องนอน ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะลองกลับไป

เธอมองไปบนเตียง และนอนลง

“มีอะไรก็เรียกพวกเขาละกัน ฉันก็พักสักหน่อย”

ฉีเฟยอวิ๋นนอนลงและหลับตา พยายามนึกถึงหนานกงเย่และต้องกลับไปให้ได้

และแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่เธอหลับอย่างสบาย เพียงแต่รู้สึกว่าร่างกายของเธอมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของเธอ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาพบกับใบหน้าของคนตรงหน้า

ใบหน้าอันหล่อเหลาของซูมู่หรงลอยอยู่ตรงหน้าของเธอ เสื้อผ้าขอเธอถูกถอนออก ทั้งยังมีมีข้างหนึ่งวางอยู่บนตัวของเธอ

ฉีเฟยอวิ๋นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอดึงมือของซูมู่หรงออก จนมือของซูมู่หรงเกือบหัก ซูมู่หรงมองออกไป : “คุณ…”

ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือ และมองไปทางซูมู่หรง

ร่างกายของซูมู่หรงกดอยู่บนตัวของเธอ เธอจึงตกใจไม่น้อย พยายามจะลุกขึ้น แต่ก็พบว่าซูมู่หรงนั้นแข็งแรงกว่าเมื่อสิบปีก่อน เธอพยายามดิ้นอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่สำเร็จ

ฉีเฟยอวิ๋นหายใจถี่ด้วยความตกใจ : “คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ฉันมีคนที่ชอบแล้ว”

ซูมู่หรงหยุดชะงักไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น เขามองไปยังฉีเฟยอวิ๋นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ : “ใคร?”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า : “ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันเคยไปอีกโลกหนึ่ง เขาคนนั้นชื่อว่าหนานกงเย่”

“….”

ซูมู่หรงลุกจากตัวของเธอก่อนล้มตัวนอนลงไปบนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไรอีก

ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าเขาเชื่อ จึงได้ลุกขึ้นและลงจากเตียง

เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความอึดอัดใจ เธอคิดว่าถ้าได้นอนหลับก็คงจะได้กลับไป ผลสุดท้ายกลับไม่ได้กลับไปอย่างที่หวัง

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นซูมู่หรงกำลังมองเธอ และเดินมานั่งด้านข้าง

เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เธอจึงพูดได้แค่ว่า : “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉันมาจากโลกอนาคต อยากให้ฉันพิสูจน์ใช่ไหมว่าฉันเคยไปอีกมิติหนึ่งมาแล้ว?”

ซูมู่หรงถามขึ้นว่า : “คุณเกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ ที่คุณสารภาพกับผมเมื่อสักครู่คุณเสียใจบ้างไหม?”

“ฉันไม่ได้เกลียดคุณ คุณเป็นหัวหน้าของฉัน และแสนดีมากด้วย” ถึงแม้ฉีเฟยอวิ๋นจะเป็นแค่ผู้ช่วยพยาบาล มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ซูมู่หรงกลับช่วยเหลือเธอมานับครั้งไม่ถ้วน

ซูมู่หรงต้องไปยังฉีเฟยอวิ๋น ดวงตาสีดำคู่นั้นระยิบระยับราวกับหิมะ

“ในเมื่อว่าผมแสนดี ทำไมถึงไม่รับรักผม?”

ซูมู่หรงลุกขึ้นและขยับเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเขาเป็นเหมือนนังเลงที่ทำตัวลอยไปลายมาก ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า : “ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่เห็นท่าทางแบบนี้ของคุณ เหมือนกับนักเลงไม่มีผิดเพี้ยน”

“เหอะ…. ตอนนั้น ตอนนั้นคุณเหมือนรักแรกพบ อยากจะขึ้นผมอย่างนั้นแหละ?”

ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งย้อนเวลากลับมาได้ไม่กี่ปี แต่ใบหน้าของเธอดูเกินกว่าอายุมากจริง ๆ ซึ่งนั้นทำให้เธอโกรธไม่น้อย

ผู้ชายต่างก็เหมือนกัน ตอนนี้เธอเข้าใจเรื่องนี้

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางซูมู่หรง : “คุณฟังฉันนะ ระหว่างนี้อย่าได้มาขัดขวางฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง”

“พิสูจน์ ให้ผมขึ้นคุณgsiv?”

“…..” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบของชิ้นหนึ่งและโยนไปตรงหน้าของเขา ด้วยความโกรธ

ซูมู่หรงหัวเราะเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงันไป และพบว่า ใบหน้าของซูมู่หรงนั้นหล่อเหลาจริง ๆ