บทที่ 254 เสียงของหนานกงเย่

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 254 เสียงของหนานกงเย่
รอยยิ้มของซูมู่หรงยังคงตราตรึงใจเป็นอย่างมาก ฉีเฟยอวิ๋นคิดถ้าในตอนนั้นเธอไม่กลัวซูมู่หรงมากเกินไป ไม่แน่เธออาจจะได้คบกับซูมู่หรงไปแล้วก็ได้

เธอไม่สามารถให้คะแนนรูปลักษณ์ของเธอได้

“ตามวันเวลาที่ระบุ คืนนี้พวกเราควรจะปฏิบัติภารกิจ และต้องไปเอาข้อมูลที่เป็นข้อมูลของพวกเราที่ถูกคนขโมยไป พวกเราจะไม่ไปไม่ได้ เพราะมันเป็นความลับสุดยอด ดังนั้นพวกเราจึงต้องเอากลับคืนมา

ทุกคนไปปฏิบัติภารกิจ เสี่ยวไห่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขาระหว่างทางกลับว่าแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์”

ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ?”

“เชื่อไหมว่าเดี๋ยวเย็นนี้คุณก็จะได้รู้” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองที่หน้าต่างและเวลาก็ผ่านไป

ในช่วงเย็น ซูมู่หรงได้รับโทรศัพท์

ภารกิจเป็นไปตามที่ฉีเฟยอวิ๋นพูด พวกเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ และทิ้งซูมู่หรงไว้คนเดียว

ในเวลาแปดโมงระหว่างทางกลับ เสี่ยวไห่ได้รับโทรศัพท์ว่าแม่ของเขาเสียชีวิต

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปนั่งลงข้าง ๆ ซูมู่หรง ซูมู่หรงไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าของเขาเขียวปั้ด

ทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างนี้เป็นเวลาสองชั่วโมง แล้วซูมู่หรงก็ถามว่า:“อีกสิบปีหลังจากนี้ คุณจะเป็นภรรยาของผมไหม?”

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ไม่ อีกสิบปีคุณก็ออกไปปฏิบัติภารกิจ และฉันก็ทำการทดลองอยู่ในห้องปฏิบัติการ ฉันกำลังศึกษาเรื่องอุบัติเหตุของการเสียชีวิต แล้วข้ามภพไปอยู่ในสมัยโบราณ”

“จะกลับไปอีกแล้วเหรอ?และกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว?” ซูมู่หรงเริ่มที่จะยอมรับเรื่องนี้แล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“อืม”

ซูมู่หรงหัวเราะ:“เขาช่างน่าหัาเราะจริง ๆ !”

ในขณะที่พูดเขาก็หัวเราะ ใบหน้าของซูมู่หรงดูดุร้าย:“คุณบอกผมว่าคุณตายแล้ว ตายหลังจากสิบปีต่อจากนี้ คุณคิดจะทำอะไร?คุณอยากจะให้ผมเป็นบ้าหรือไง?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรและหยิบมีดออกมา เธอกรีดข้อมือของตัวเองแล้วเอาเลือดให้ซูมู่หรงดื่ม

ซูมู่หรงคิดว่าฉีเฟยอวิ๋นบ้าไปแล้ว จึงผลักเธอออกไป ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า:“ฉันต้องการจะพิสูจน์ว่าฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว”

ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แล้วปล่อยให้เลือดไหลเข้าปากของเขา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามากพอแล้ว เธอจึงเอาผ้ามาพันข้อมือไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปมองขาของซูมู่หรง และถกขากางเกงของเขาขึ้น

แผลด้านในขากางเกงค่อย ๆ หายไป

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น:“คุณดูเอาเองเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นหวังว่ามันจะเป็นแค่ความฝันจริง ๆ หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วก็จะกลับไปหาหนานกงเย่ ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงยิ้มไม่ออก

ซูมู่หรงรู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก้มลงไปมองลงแผล และเห็นว่าแผลหายไปแล้ว และในที่สุดเขาก็เชื่อว่าฉีเฟยอวิ๋นได้เสียชีวิตจากการทดลองไปแล้วจริง ๆ

เขานั่งลงและมองดูขาที่หายเป็นปกติแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วก็ไม่หาย

ไม่อย่างงั้นเขาจะไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วย

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและไม่พูดอะไร ทั้งสองคนเงียบไม่พูดไม่จาท่ามกลางความมืดมิด

ในที่สุดซูมู่หรงก็พูดว่า:“เขาหน้าตาเป็นยังไง?”

“ก็ดีนะ อายุพอ ๆ กับคุณตอนนี้ เขาเป็นท่านอ๋อง และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองซูมู่หรงจากหน้าต่าง

ซูมู่หรงหัวเราะ:“เขาดีกับคุณไหม?”

ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่นาน ดีหรือว่าไม่ดีกันนะ?

“พวกเขาก็ดี คุณปฏิบัติต่อฉันยังไง เขาก็ปฏิบัติต่อฉันอย่างนั้น”

สีหน้าของซูมู่หรงทรุดลง:“เขาทุบตีคุณเหรอ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจเลย ซูมู่หรงคิดถึงแต่เรื่องที่ตีเธอ เพราะในช่วงเวลานี้ซูมู่หรงคิดแต่จะตีฉีเฟยอวิ๋น และนั่นคือกิจวัตรประจำวันของเขา

ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า:“ตอนนี้ไม่ตีแล้ว และเขาก็ไม่ได้ทุบตีฉัน”

“หมายความว่าไง?” ซูมู่หรงดูตื่นเต้นมาก ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากโกหกเขา แต่ก็รู้สึกเสียใจที่พูดมากขนาดนี้

“เดิมทีเขาต้องการจะฆ่าฉัน แต่น่าเสียดายที่ฉันถูกคุณฝึกให้เอาตัวรอดอย่างแข็งแกร่ง และในที่สุดฉันก็เอาชนะเขาได้!”

ในขณะที่อธิบายเธอก็ยิ้ม แต่ซูมู่หรงยิ้มไม่ออก เขามองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างโกรธเคือง!

หลังจากมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ไม่พูดอะไร ซูมู่หรงพูดว่า:“นอนเถอะ ขึ้นมาสิ”

“ฉันไม่ไปแล้ว คุณนอนเถอะ ฉันนอนข้าง ๆ ก็ได้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ไว้ใจซูมู่หรง

“ผมจะไม่แตะต้องคุณ ขึ้นมาเถอะ ไม่เชื่อฟังผม คุณจะสู้ผมได้เหรอ?” ซูมู่หรงหมายความว่าถ้าฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อฟังเขา เขาก็จะลงมือ

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปนอนบนเตียง และคิดว่าจะใช้ยาพิษเพื่อทำให้ซูมู่หรงสลบดีหรือไม่

เธอจะได้นอนอย่างสบายใจมากขึ้น

ในทันทีที่ซูมู่หรงนอนลง เขาก็ดึงผ้าห่มออกและกอดเอวของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นต้องการที่จะลุกขึ้น อยากจะทะเลาะกันใช่ไหม?

ซูมู่หรงกอดแน่นขึ้นและมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“คุณอาจจะไม่ได้กลับไปก็ได้ ในตอนนี้ผมจะไม่แตะต้องคุณ แต่ถ้าคุณไม่สามารถกลับไปได้ รับปากกับผมนะว่าจะคบกับผม”

“ไม่ได้!” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รับปาก ต่อให้เธอจะกลับไปไม่ได้ แต่ในใจของเธอก็มีเพียงแค่หนานกงเย่

“ผมรอได้ นี่เป็นสิ่งที่คุณติดค้างผม ผมรอคุณมาสิบปีแล้ว ทำไมคุณถึงไปคบกับคนอื่น?ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว ทำไมถึงคบกับผมไม่ได้?”

ซูมู่หรงถาม และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่พอใจเล็กน้อย:“ฉันจะรู้ได้ยังไง?”

“งั้นก็ฟังผมสิ”

ซูมู่หรงนอนลงและนอนไม่หลับทั้งคืน เขาไม่ได้ขยับมือ แต่วางไว้บนเอวของฉีเฟยอวิ๋น บางครั้งเขาก็ถามฉีเฟยอวิ๋นว่าหลับแล้วหรือยัง และฉีเฟยอวิ๋นก็ตอบในทันทีว่ายัง

เธอกลัวว่าถ้าเธอหลับแล้ว ซูมู่หรงจะทำอะไรเธอ และเธอก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็มีภารกิจ ซูมู่หรงไปปฏิบัติภารกิจและพาฉีเฟยอวิ๋นไปด้วย ฉีเฟยอวิ๋นสะพายกล่องยาและเดินตามคนอื่น ๆ ไป หลังจากเดินไปได้สักระยะหนึ่ง ซูมู่หรงก็หันหลังกลับมา และพาฉีเฟยอวิ๋นเดินไปกับเขาด้วย

ภารกิจประสบปัญหา ฉีเฟยอวิ๋นมักจะรู้สึกว่าเธอไม่แข็งแรงมากพอ เธอรู้ว่าเธอไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจมานานแล้ว อีกอย่างร่างกายของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงดูเฉื่อยชา

ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ซูมู่หรงก็รู้สึกเช่นกันว่าความสามารถของฉีเฟยอวิ๋นนั้นแย่มาก เธอแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเลย

จึงให้อะไรเธอกินระหว่างทาง แต่ก็ยังไม่ได้ผล

ซูมู่หรงสั่งให้คนอื่น ๆ ไปก่อน แล้วเขาจะพาฉีเฟยอวิ๋นไปเอง แต่ถูกคนอื่นคัดค้าน

ซูมู่หรงจึงต้องปล่อยฉีเฟยอวิ๋นไว้ข้างหลัง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหดหู่ใจ::“หัวหน้า ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงไม่อยากให้ฉันมาเข้าร่วม อันที่จริงแล้วฉันควรจะอยู่ในหน่วยแพทย์ และไม่ควรตามคุณมาเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ”

“อย่าพูดเพ้อเจ้อ”

ซู่มู่หรงยุ่งวุ่นวายกับคนสองสามคน เขาต้องการจะปกป้องฉีเฟยอวิ๋น แม้ว่าจะจัดการศัตรูหมดแล้ว แต่เขาก็เกือบจะได้รับบาดเจ็บ

ทั้งสองพักกันอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า:“หัวหน้า ฉันอยากจะยื่นคำร้องกลับไปที่หน่วยแพทย์”

ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มคิดว่าเธออาจจะไม่สามารถกลับไปได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงสามวัน แต่เธอก็เชื่อว่าเธอไม่สามารถกลับไปได้แล้วจริง ๆ เธอพยายามทุกวิถีทางแล้ว

“ทำไมคุณถึงอยากไป คุณไม่อยากตายด้วยน้ำมือของผมแล้วเหรอ?” ซูมู่หรงก็เหนื่อยเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงความมุ่งมั่นของฉีเฟยอวิ๋นที่อยากจะเจอเขาในตอนแรก ซูมู่หรงก็ยังอยากจะหัวเราะ

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบ ๆ:“ฉันไม่มีความมุ่งมั่นเหมือนในตอนนั้นแล้ว ฉันไม่ต้องการความดีความชอบ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”

“ไม่ได้ ผมจะพาคุณไปเอง” ซู่มู่หรงไม่ยอมปล่อยไป

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ฉันเกือบจะทำให้คุณตาย”

“ผมเต็มใจ”

“มันผิดกฎระเบียบ”

“ผมคือกฎระเบียบ คุณจะไปจากผม แล้วคุณจะไปไหน?”

……

ฉีเฟยอวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง เธอทำอะไรไม่ถูก ใช่ เธอจะที่ไหน!

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามกลับไป แต่ก็เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว

และพวกเขาก็ต้องรอคนอื่น ๆ

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ฉีเฟยอวิ๋นก็เต็มไปด้วยเหงื่อออกและเดินไม่ไหว

ซูมู่หรงก้มตัวลงและแบกฉีเฟยอวิ๋นขึ้นไปบนหลังของเขา และฉีเฟยอวิ๋นสะพายกล่องยาไว้ด้านหลัง

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกมึนงงและง่วงนอน

“หัวหน้า ฉันเหนื่อยและง่วงมากเลย!”

“ใกล้ถึงแล้ว เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลกัน” ซูมู่หรงเดินอย่างเร่งรีบและเกือบจะล้ม

“อวิ๋นอวิ๋น……” ฉีเฟยอวิ๋นกะพริบตา นั่นเป็นเสียงของหนานกงเย่

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบ ๆ และพบว่าบริเวณโดยรอบดูเลือนราง