ตอนที่ 1041 ไปเพื่อตบหน้า!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ขอฉันทำใจให้เย็นลงอีกนิดนะคะ!” หลงเจี่ยเอนหลังกับโซฟาครู่หนึ่งอย่างพูดอะไรไม่ออกขณะที่จ้องไปยังหน้าจอ “ถังหนิง ฉันดูหนังมาหลายเรื่อง แต่นี่เป็นหนังที่ระทึกใจที่สุดที่เคยดูมาเลย! ทั้งฉาก เทคนิคพิเศษ การแสดงของประธานโม่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทุกอย่างมันน่าทึ่งสุดๆ!”

 

 

“อย่าพูดเกินจริงขนาดนั้นสิ” ถังหนิงเทน้ำให้หลงเจี่ย

 

 

“ฉันพูดจริงๆ นะคะ!” หลงเจี่ยจิบน้ำขณะที่เอามือแนบอกเป็นการรับรอง “ทุกอย่างมันสุดยอดจริงๆ ฉันพูดจริงๆ นะคะ!”

 

 

“มันได้มาตรฐานจริงๆ เหรอ”

 

 

“มันเหนือกว่ามาตรฐานอีกค่ะ โอเคไหมคะ ถ้าคุณตัดต่อเพิ่มอีกนิดหน่อยมันต้องดีกว่านี้แน่” หลงเจี่ยมีท่าทีคึกอย่างกับได้รับสารสเตอรอยด์ พร้อมยกให้ มดราชินี เป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยม “ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าคุณกับเฉียวเซินจะสร้างผลงานแบบนี้ออกมาได้ มันเป็นสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ค่ะ

 

 

“ประเด็นเดียวคือรูปแบบของเฉียวเซินกับอันจื่อเฮ่าแตกต่างกันมาก แต่มันก็แค่จุดด้อยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอกค่ะ”

 

 

“เพราะว่าความทุ่มเทของทั้งสองคนเราถึงได้ มดราชินี ในฉบับที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาน่ะสิ!” ถังหนิงเข้าใจเรื่องนี้เธอจึงไม่อาจยอมรับข้อบกพร่องอื่นๆ ได้นอกจากเรื่องนี้

 

 

“อันจื่อเฮ่าได้ดูหนังหรือยังคะ”

 

 

ถังหนิงส่ายหน้า “เธอเป็นคนที่สองที่ได้ดูมัน…แม้แต่ฉันยังไม่ได้ดูเลยนะ”

 

 

“คุณอดใจไม่ให้ดูสิ่งที่สุดยอดขนาดนี้ได้ยังไงกัน” หลังจากดู มดราชินี จบ หลงเจี่ยตื่นเต้นเสียจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เธอนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะสร้างภาพยนตร์ไซไฟได้จริงและยังทำออกมาได้ดีขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆ

 

 

“เลิกอวยฉันได้แล้ว โม่ถิงบอกให้ฉันตั้งใจกับการโฆษณาภาพยนตร์ ต่อไปนี้ฉันคงจะยุ่งมากๆ เลยล่ะ” ถังหนิงปิดแล็ปท็อปของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือการทำหนังของเธอให้สมบูรณ์แบบ

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ หนังดีๆ อย่างนี้จะต้องได้รับการยอมรับจากคอหนังแน่นอน เชื่อฉันเถอะค่ะ” หลงเจี่ยตบบ่าถังหนิง…

 

 

“ขอบคุณที่เธอตั้งใจทำงานนะ…”

 

 

หลงเจี่ยอยากจะพยักหน้ารับ แต่ท้องไส้ของเธอพลันเริ่มปั่นป่วนขึ้นมา เธอจึงรีบเข้าไปที่ห้องน้ำ ถังหนิง ตามเธอมาด้านหลังทันที “เธอท้องเหรอ”

 

 

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันไปตรวจช่องท้องกับลู่เช่อมาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังไม่ได้ผลการตรวจเลย”

 

 

“เห็นชัดๆ ว่าเธอท้องอยู่ มันจะเกี่ยวช่องท้องของเธอได้ยังไงกันล่ะ” ถังหนิงเหลือบมองหลงเจี่ยก่อนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าฉันต้องหาผู้ช่วยเป็นการชั่วคราวแล้วล่ะมั้ง”

 

 

หลงเจี่ยอึ้งไปเล็กน้อยพลางพยายามนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ประจำเดือนมา

 

 

“ไม่น่า ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องไปซื้อที่ตรวจครรภ์!”

 

 

“เธออาจต้องไปโรงพยาบาลกับลู่เช่อด้วยนะ!” ถังหนิงส่งโทรศัพท์ของหลงเจี่ยให้เจ้าตัว

 

 

หลังจากรับโทรศัพท์มา หลงเจี่ยเอ่ยกับถังหนิงด้วยท่าทีจริงจัง “ต่อให้ฉันจะท้องอยู่ฉันก็ยังช่วยคุณได้สักพักนะคะ คุณยังไม่ต้องหาผู้ช่วยชั่วคราวตอนนี้หรอกค่ะ”

 

 

“โอเค” ถังหนิงตอบพร้อมรอยยิ้ม

 

 

หลงเจี่ยรีบออกจากไฮแอทรีเจนซี ถังหนิงต่อสายหาอันจื่อเฮ่าในเวลาต่อมา “หนังเสร็จแล้วนะคะ…”

 

 

“ส่งมาให้ผมดูสิ” เขาตอบก่อนวางสายไป

 

 

เขาเองก็สงสัยถึงผลงานของถังหนิงหลังกระบวนการหลังการถ่ายทำที่เสร็จสิ้นในเวลาสั้นๆ ขนาดนี้ หากเทคนิคพิเศษไม่ได้มาตรฐานและไม่น่าพอใจ อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้กับภาพยนตร์ไซไฟของปักกิ่งได้

 

 

ไม่นานถังหนิงก็ส่งภาพยนตร์ที่เสร็จสมบูรณ์ฉบับแรกให้กับอันจื่อเฮ่า ตอนนี้เธอเข้าใจดีว่าสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นที่หนึ่งคือการปรับแก้และทำให้ภาพยนตร์สมบูรณ์แบบ

 

 

 

 

ท้องไส้ของหลงเจี่ยอาการไม่ดีนักมาสักพักแล้ว หากแต่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะท้อง ประกอบกับความไม่ใส่ใจตัวเองของเธอ อย่างไรเสียก็มีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับจู้ซิงมีเดีย จึงไม่แปลกที่เธอจะมีอาการเช่นนี้

 

 

หลังจากมาถึงโรงพยาบาลเพียงลำพัง เดิมทีเธอตั้งใจจะโทรหาลู่เช่อแต่เขาไม่รับสายเธอ หลงเจี่ยคิดว่าเขาคงยุ่งอยู่จึงไปตรวจอัลตราซาวนด์คนเดียว และพบว่าตัวเองท้องได้ 2 เดือนแล้ว

 

 

หลงเจี่ยถึงกับงุนงง

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณนายลู่บอกให้เธอมีลูกอีกคน เธอเองไม่สามารถมีได้ แต่ตอนนี้กลับมีเจ้าตัวน้อยอย่างไม่คาดฝัน

 

 

ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายก่อตัวขึ้นในใจขณะที่หลงเจี่ยถือผลตรวจไว้ในมือ เดิมทีเธอคิดว่าจะกลับบ้านไปครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ทว่าทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน กลับพบว่าประตูไม่ได้ล็อกเอาไว้ และเมื่อผลักเปิดเข้าไปก็เห็นว่าลู่เช่อกับคุณนายลู่กำลังนั้งอยู่บนโซฟาท่ามกลางบรรยากาศมาคุอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบซ่อนผลตรวจของเธอ

 

 

“คุณกลับมาได้ยังไงครับ” ลู่เช่อถามเมื่อเห็นหน้าเธอ “คุณผู้หญิงไม่ได้กำลังต้องการคุณอยู่เหรอครับ”

 

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ค่ะ” หลงเจี่ยถามกลับพลางพยักพเยิดไปทางคุณนายลู่ “คุณไม่ได้บอกฉันเหรอว่าคุณจะไปเจอใครบางคนวันนี้น่ะ”

 

 

“ผมบังเอิญเจอเธอเข้าตอนที่กลับมาเอาเอกสารที่บ้านน่ะ” ลู่เช่อแจง “อย่าเพิ่งคิดมากนะครับ ผมไม่ได้ชวนเธอมานะครับ”

 

 

“ฮึ่ย” คุณนายลู่ฮึดฮัดเมื่อได้ยินดังนั้น “ฉันไม่เห็นเคยได้ยินว่าแม่ต้องขออนุญาตลูกสะใภ้เพื่อเจอหน้าลูกชายตัวเองด้วย ลู่เช่อ พ่อของแกกับฉันไม่ได้สั่งสอนแกมาแบบนี้นี่ เพื่อผู้หญิงคนนี้ถึงกับทิ้งพ่อแม่ของตัวเอง ทำเรื่องใจร้ายขนาดนี้ได้ลงคอเลยสินะ”

 

 

“แล้วมาที่นี่ทำไมกันครับ” ลู่เช่อหันไปถามคุณนายลู่ “เสี่ยวมั่นกับผมก็ยุ่งกันทั้งคู่ เราไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับคุณหรอกนะครับ”

 

 

“แกอาจจะไม่ต้องการพ่อกับฉัน แล้วลูกชายของตัวเองล่ะ” คุณนายลู่หยิบรูปของเด็กทารกออกมาวางบนโต๊ะกระจกต่อหน้าพวกเขา “แกตกลงที่จะมีเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก ตอนนี้เขาเกิดมาแล้วและก็ต้องการความรักจากพ่อ แกเองก็ควรหาเวลามาเจอเขาบ้างสิ”

 

 

“เราตกลงกันว่าหลังจากเด็กคนนี้เกิดมา คุณจะไม่มีรบกวนชีวิตผมอีกต่างหาก ดังนั้นผมคงต้องถามคุณกลับว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่” ลู่เช่อสวนกลับ “อีกอย่างผมก็ไม่มีลูกชายด้วย มีแค่ลูกสาวคนเดียวเท่านั้น”

 

 

“ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าแกคิดอะไรอยู่ แกมีลูกชายที่ดีขนาดนี้กลับไม่ต้องการ แล้วเอาแต่ยึดติดกับยัยตัวน่ารำคาญสองคนข้างๆ เนี่ยนะ” คุณนายลู่ดึงรูปกลับมาพร้อมตวาดใส่ลูกชายตัวเอง “เด็กคนนี้อายุเกือบครบหนึ่งร้อยวันแล้ว พอถึงเวลาฉันหวังว่าแกจะมาเข้าร่วมงานฉลอง ลูกชายของแกจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวสักที!”

 

 

ลู่เช่อไม่ได้ตอบโต้ขณะที่ชี้ไปทางประตูคล้ายบอกให้คุณนายลู่ออกไปเพราะไม่มีใครในบ้านนี้ต้อนรับเธอ

 

 

“อย่ามาหาผมอีก คุณเองก็ควรรักษาสัญญาที่รับปากเอาไว้ทีแรกด้วย ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปเหมือนกัน” เขาเอ่ยเตือนก่อนที่คุณนายลู่จะจากไป ถึงอย่างไรอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้เก็บเรื่องของเขามาใส่ใจอยู่แล้ว

 

 

“หลังจากเห็นหน้าลูกชายของแก แกก็จะรู้ว่าเขาน่ารักแค่ไหน”

 

 

ครั้งนี้ลู่เช่อไม่ยอมทนพร้อมตะโกนใส่คุณนายลู่ “ออกไป!”

 

 

เขาเป็นสามีจึงแค่ต้องการปกป้องภรรยาของตัวเองเท่านั้น ส่วนเรื่องงานฉลองครบหนึ่งร้อยวันน่ะหรือ

 

 

เขาจะไปร่วมงานแต่ไม่ได้เป็นเพราะต้องการเห็นหน้าลูกชายตัวเอง…

 

 

เขาจะไปที่นั่นเพื่อตบหน้าต่างหาก!”

 

 

ส่วนแม่ของเขา คุณนายลู่ชักจะทำมากเกินไปแล้ว