แดนนิรมิตเทพ บทที่ 393
เฉินโม่คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าแค่อาศัยผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ตรงหน้าแล้วเบาะแสน้อยเกินไป

เว้นเสียแต่เขาจะพบร่องรอยของศิษย์น้องหญิงมากกว่านี้ ถึงจะสามารถตัดสินได้ว่าศิษย์น้องหญิงเกิดใหม่ในหัวเซี่ยโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนหรือไม่

หากศิษย์น้องหญิงเกิดใหม่เมื่อหลายพันปีก่อนจริง ๆ ถึงแม้ว่าชี่ทิพย์ของโลกจะสลายไปหมดแล้ว เธอน่าจะฝึกไปถึงจิตปฐมนานแล้ว

แม้กระทั่งศิษย์น้องหญิงออกไปจากโลกแล้ว ไปท่องจักรวาลและดวงดาวบนท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม เฉินโม่ไม่รู้ว่าความจริงของเรื่องนี้คืออะไร การคาดเดาเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้านี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะอธิบายอะไรได้

บางทีศิษย์น้องหญิงอาจจะรับลูกศิษย์เหมือนเขา ความจริงแล้วผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ศิษย์ของเธออาจเป็นคนทิ้งเอาไว้

เหตุใดคนจึงคิดว่าเป็นของที่ระลึกของเทพธิดาลั่วเสิน เฉินโม่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะศิษย์น้องหญิงแสดงพลังแล้วถูกคนพบเห็น และเข้าใจผิดคิดว่าเทพธิดาลั่วเสินปรากฏตัว

เป็นไปได้ว่าคนที่ถูกเรียกว่าเทพธิดาลั่วเสินก็คือศิษย์น้องหญิง!

“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีร่องรอยของศิษย์น้องหญิงหลงเหลืออยู่บนโลก จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าศิษย์น้องหญิงได้มาเกิดใหม่บนโลก น่าเสียดายที่ตอนนี้พลังบำเพ็ญของผมยังไม่เพียงพอ ถ้าผมฝึกแดนยาทองสำเร็จแล้ว สติรับรู้จะสามารถขยายตัวได้มากยิ่งขึ้น และจะสามารถหาร่องรอยของศิษย์น้องหญิงได้มากขึ้นอย่างแน่นอน”

ฉินโม่ทำได้เพียงระงับความคิดที่จะตามหาศิษย์น้องหญิงชั่วคราว เก็บผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในแหวนเก็บของ แล้วใช้กระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์และหยกหินหล่อเลี้ยงกระบี่สับสวรรค์ต่อไป

สองวันต่อมา เช้าวันนี้ หลังจากเฉินโม่เพิ่งชี้แนะเอียนชิงเฉิงให้ฝึกฝนเพลงกระบี่หงส์ฟ้าเสร็จ เวินฉิงก็โทรศัพท์มา

“เสี่ยวโม่ นายกำลังเรียนหนังสืออยู่หรือเปล่า?” เสียงของเวินฉิงมีความกังวลเล็กน้อย

สีหน้าของเฉินโม่เคร่งขรึมเล็กน้อย เขารู้ว่าถ้าสถานการณ์ปกติเวินฉิงและหลี่ซู่เฟินจะไม่โทรมาหาเขา เพราะกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเขา และเมื่อพวกเธอโทรหาเฉินโม่ มันต้องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่อย่างแน่นอน

“พี่เวินฉิง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เฉินโม่พยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบ

เอียนชิงเฉิงกลับไปฝึกต่อที่ห้องตนเองโดยไม่รบกวนเฉินโม่

เวินฉิงกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไม่รู้ว่าตระกูลว่านไปหานักบู๊มาจากไหน ช่วงสองวันที่ผ่านพวกเขามาก่อกวนที่โรงแรมบลูเวลซึ่งเป็นธุรกิจภายใต้เหม่ยหวา กรุ๊ป พวกเราไล่ยังไงก็ไม่ไป ยังทำร้ายคุณอินเจ้าของโรงยิมศิลปะการต่อสู้ไป๋เฮ่ออีกด้วย นายให้ท่านพรตเฉินมาช่วยเหลือได้ไหม?”

อินไป๋เฮ่อคือนักบู๊แดนในที่หลี่ซู่เฟินเชิญไปช่วยตอนที่มีการประชุมสูงสุดฮ่านหยาง ถึงแม้ว่าฝีมือของเขาจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็เป็นยอดฝีมือแดนใน

ตอนนี้เขาถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยนักบู๊ของตระกูลว่านก็เป็นแดนในชั้นสูงสุด หรือแม้แต่ปรมาจารย์แดนแปรภาพ

หลี่ซู่เฟินรู้ถึงความแข็งแกร่งของเฉินซงจื่อ และเธอเข้าใจผิดว่าเฉินซงจื่อเป็นอาจารย์ที่เฉินโม่กล่าว การที่เวินฉิงเอ่ยปากขอให้เฉินโม่ขอความช่วยเหลือจากเฉินซงจื่อ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตระกูลว่านกดดันพวกเธอมาก

“โอเค ผมเข้าใจ พี่พยายามอย่าขัดแย้งกับพวกเขา ทุกเรื่องรอให้ผมไปถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จ้ะ นายไม่ต้องห่วง ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ก่อกวนเท่านั้น ยังไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันจะโน้มน้าวให้ประธานอดทนก่อน และรอท่านพรตเฉิน”

หลังจากวางสาย ดวงตาของเฉินโม่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

ญาติอย่างหลี่ซู่เฟินและเวินฉิงเป็นคนที่เฉินโม่ห่วงใยมากที่สุด ใครก็ตามที่กล้ารังแกพวกเธอ ถึงแม้เฉินโม่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก เขาก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

เดิมทีคิดว่าหลังจากการประชุมสูงสุดฮ่านหยางแล้ว ตระกูลว่านจะสงบเสงี่ยมขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่นานตระกูลว่านก็ทนไม่ไหวแล้ว

ครั้งนี้ ฉินโม่ไม่ได้คิดที่จะพาเฉินซงจื่อไปด้วย เขาต้องการลงมือจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง

“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้นฉันจะมีเมตตามากเกินไปแล้ว ทำให้ตระกูลว่านตื่นตระหนกไม่เพียงพอ คราวนี้ฉันจะให้คนที่ต้องการจัดการฉัน ได้เห็นผลของการกล้าแตะต้องญาติของฉันอย่างชัดเจน!”